Skip to main content
sharethis

บุตรสาวของ 'หลิน' รินดา ปฤชาบุตร ยืนยัน แม่ทำตามสิทธิในระบอบประชาธิปไตย ตรวจสอบและคานอำนาจบุคคลสาธารณะทุกยุคสมัย ข้อหาที่แม่ของเธอได้รับมีโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี และการคุมขังสร้างผลกระทบรุนแรงต่อครอบครัว

จากกรณีการจับกุมตัว นางรินดา ปฤชาบุตร หรือ 'หลิน' แม้เลี้ยงเดี่ยว หญิงเสื้อแดงวัย 44 ปี ในข้อหาโพสต์ข้อความอันเป็นเท็จกล่าวหาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะ คสช.โอนเงินหมื่นล้านบาทไปประเทศสิงคโปร์ 'หลิน'ถูกเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบนำตัวออกจากบ้านเวลาในเวลาประมาณ 15.00 น. ของวันพุธที่ 8 กรกฎาคม 2558 เธอได้ปรากฎสู่สาธารณะอีกครั้งโดยถูกนำมาแถลงข่าวและนำส่งศาลทหารเพื่อขออำนาจศาลฝากขัง ในวันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม 2558 และถึงแม้ทางญาติของเธอยื่นขอประกันตัวโดยที่ จพง.เจ้าของคดีไม่ค้านการประกันตัว แต่ศาลมีคำสั่งว่า

"ศาลมีคำสั่งไม่อนุมัติให้ประกันตัวรินดาโดยให้เหตุผลว่า แม้พนักงานสอบสวนผู้ร้องจะไม่คัดค้านการปล่อยชั่วคราว แต่เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่าผู้ต้องหาถูกจับกุมในคดีความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร กรณีมีเหตุอันควรเชื่อว่า หากปล่อยชั่วคราวอาจเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่การสอบสวน"

วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม 2558 เวลาเกินสองทุ่มผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของ'หลิน'ย่านรังสิต เพื่อพบกับน้องออมนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 อายุ 16 ปี และน้องอุลตร้า อายุ 7 ปี  บุตรของเธอ

หลังจากที่เราได้แนะนำตัวเป็นที่เรียบร้อย และน้องอุลตร้าลูกชายคนเล็กของ'หลิน'แยกไปดูการ์ตูนที่ห้องติดกัน คุณตุ๊กตาผู้มีศักดิ์เป็นย่าของเด็กทั้งสองได้นั่งอยู่ด้วยได้ขอให้พูดคุยกันเบาๆ เนื่องจากว่า ปู่ ย่าและพี่สาว ร่วมกันบอกเด็กชายเจ้าเนื้อวัย 7 ขวบ ไปขายของต่างจังหวัด

น้องออม เริ่มลำดับความให้ฟังว่า วันนั้นเป็นวันสุดท้ายของการเรียนก่อนการสอบกลางภาค น้องออมเหนื่อยจากการเรียนกลับมาถึงบ้านก็เข้าไปนอนหลับ ตื่นขึ้นมาตอนเย็นเพราะญาติของเธอซึ่งทราบข่าวก่อนหน้านี้โทรมาบอกให้เธอทำใจแต่ยังไม่บอกว่าเกิดอะไรขึ้น

เธอตกใจจึงวิ่งไปไปดูโมโม่(สุนัขที่เธอเลี้ยง)ก็ยังอยู่ไม่เป็นไร วิ่งไปดูรถของแม่ก็ยังอยู่ แต่กลับไปดูที่บ้านอีกครั้งแต่ไม่เห็นทั้งคอมพ์ทั้งของแม่และของเธอ แล้วก็ไม่พบกับแม่ของเธอด้วย  เธอจึงรู้สึกว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ออมวิ่งไปหาน้องในซอยเห็นน้องอุลตร้ายืนร้องไห้อยู่เพราะมีคนรู้จักในหมู่บ้านจัดสรรที่เธอพักบอกกับน้องว่าแม่โดนทหารจับตัวไป เด็กสาววัยสิบหกวิ่งเข้าไปกอดน้องชายวัยเจ็ดขวบ เธอบอกกับน้องว่าแม่ไปขายของต่างจังหวัด

แต่ขณะที่ปลอบน้องเธอก็ร้องให้ไปด้วย

นักเรียนหญิงชั้น ม.5 ได้ปะติดปะต่อเหตุการณ์จากการบอกเล่าระหว่างช่างก่อสร้างที่อยู่ในเหตุการณ์ว่า วันพุธที่ 11 กรกฎาคม ช่วงเวลา ประมาณบ่ายสองถึงบ่ายสาม รินดาได้กลับมาที่บ้านเพื่อรอที่จะมาพบกับลูกค้าที่มาติดต่อว่าจะซื้อสินค้าที่เธอประกาศขายทางออนไลน์ ต่อมาได้มี ชายเสื้อขาวคนหนึ่งเดินเข้ามาติดต่อและหลังจากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ทหารทั้งในและนอกเครื่องแบบจำนวนมากได้บุกเข้ามาทำการตรวจค้น ยึดโทรศัพท์และคอมพ์และได้ควบคุมตัว'หลิน'มารดาของเธอไป

ช่วงค่ำของคืนวันนั้น 'หลิน'ได้โทรหาน้องออมโดยกำชับกับเธอว่าให้บอกเพื่อนอย่าโพสต์เฟซบุ๊กให้ใครรู้ว่าเธอโดนจับมา อย่าให้เป็นข่าวเดี๋ยวเขาจะไม่ปล่อยตัว ในสายมีเสียงกำกับว่าให้หยุดพูดได้แล้ว เธอร้องไห้ด้วยความเป็นห่วงแม่ของเธอ

น้องออมยืนยันว่าเธอและแม่เติบโตมาในประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตย พวกเธอคิดว่าพวกเธอสามารถที่จะวิพากษ์วิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นบุคคลสาธารณะที่รับผิดชอบในชีวิตคนทั้งประเทศได้ มันเป็นการคาน(อำนาจ) ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนไหนแม่ก็ใช้วิธีนี้ตรวจสอบมาโดยตลอด

การนำข้อความที่เป็นปัญหามาเผยแพร่ในเฟซบุ๊ก เธอคิดว่าแม่ของเธอได้ทำไปเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนและตรวจสอบข้อเท็จจริง แม่ของเธอเป็นแค่แม่บ้านธรรมดา ไม่มีทางที่จะสร้างข่าวนี้ขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ในการทำลายใคร เธอคิดว่าแม่ของเธอได้คัดลอกข้อความเรื่องนายกฯโอนเงินหมื่นล้านมาจากในกลุ่มไลน์ 

เธออยากให้ปล่อยแม่ของเธอ เธอยืนยันว่าแม่ของเธอทำไปตามสิทธิที่มี และแม้ว่าแม่ของเธอจะได้รับอิสรภาพ แม่ของเธอก็ไม่สามารถที่จะไปทำอะไรที่ร้ายแรงได้

เมื่อสอบถามว่าสภาพจิตใจหลังจากที่แม่ถูกจับเป็นอย่างไรบ้าง น้องออมบอกว่าจากเย็นวันพุธเป็นต้นมาเธอกินข้าวไม่ได้เลย พึ่งเริ่มกินได้ในตอนเที่ยงวันศุกร์ เนื่องจากได้เจอกับเพื่อนได้คุยกับเพื่อนเรื่องอื่นๆทำให้ลืมคิดก็เลยกินข้าวได้นิดนึงอาจเป็นเพราะได้เห็นเจ้าหน้าที่นำแม่ของเธอมาแถลงข่าว ทำให้อย่างน้อยก็รู้ว่าแม่ยังปลอดภัยก็เลยทำให้รู้สึกสบายใจขึ้น

เธอเล่าต่ออีกว่า หลังจากที่แม่ถูกจับ ปู่และย่าได้เข้ามาดูแลเธอ เงินค่าใช้จ่าย แม่ได้ให้เธอไว้เป็นรายเดือนทำให้เธอไม่ลำบากนักในเบื้องต้น แต่เธอและน้องได้สูญเสียพ่อของเธอไปในปี 2555 พวกเธอเหลือแม่เป็นที่พึ่งเพียงคนเดียว แต่ตอนนี้ทหารก็มาจับแม่ของเธอไปอีก เธอและน้องไม่เหลือใครอีกแล้ว  เธอเริ่มร้องไห้

"คิดว่าอุลตร้าคงรู้ เพราะแกเป็นเด็กฉลาด แล้วอุลตร้าก็ไม่ได้ถามอะไรถึงแม่อีกเลย ปกติอุลตร้าเป็นเด็กติดแม่มากๆ แม่ไม่อยู่แป๊ปเดียวต้าก็จะร้องไห้หา แต่ช่วงที่ผ่านมาเขากลับนิ่งเงียบ"

ย่าของเด็กทั้งสองกล่าวเสริมหลังจากนั่งฟังอยู่เงียบๆมานาน ทุกสายตาในห้องนั้นหันกลับมองไปที่เด็กชาย ปรากฎว่าเด็กชายวัย 7 ขวบ ได้หลับไปแล้ว พวกเราจึงได้ขอตัวลากลับหลังจากที่น้องออมประคองเด็กชายขี้เซาเจ้าเนื้อให้ขึ้นไปนอนบนห้อง

 


 

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net