จากที่ก่อนหน้านี้มีสื่อต่างประเทศหลายแห่งแสดงความกังวลว่าเศรษฐกิจของจีนจะทรุดหนัก อย่างไรก็ตามสำนักข่าวดิแอตแลนติกวิเคราะห์ว่าเศรษฐกิจของจีนจะไม่เลวร้ายในระดับเดียวกับวิกฤตเศรษฐกิจของกรีซ และยังไม่ส่งผลในระดับโลก

ย่านหลูเจียซุย, เซี่ยงไฮ้ ศูนย์กลางธุรกิจและการเงินการธนาคารของจีน รวมทั้งเป็นที่ตั้งของที่ทำการตลาดหลักทรัพย์ (ที่มา: wikipedia)

15 ก.ค. 2558 - แมตต์ เชียเวนซา จากดิแอตแลนติกวิเคราะห์เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ระบุว่าเรื่องที่นำเสนอเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนในสื่อจำนวนมากเป็นเรื่องของตัวเลขเช่นที่ระบุว่าบริษัทในจีนสูญเสียมูลค่าราว 3.9 ล้านล้านดอลลาร์ โดยรัฐบาลจีนมีมาตรการหลากหลายในการรับมือไม่ให้เศรษฐกิจถกถอยลงไปกว่าเดิมเช่นการลดข้อจำกัดของนักลงทุนในเรื่องการซื้อขายหุ้น มีการประกาศซื้อหุ้นจากบริษัทใหญ่ด้วยวงเงินจำนวนมาก รวมถึงตั้งข้อจำกัดกับบริษัทใหม่ในการขายหุ้นไอพีโอ (IPO) ซึ่งดูเหมือนมาตรการจะทำให้ตลาดหุ้นกระเตื้องขึ้นมาบ้าง

เชียเวนซา ระบุว่าการจะวิเคราะห์การตกต่ำทางเศรษฐกิจต้องดูปัจจัยเรื่องประชากรและขนาดของประเทศควบคู่ไปด้วยโดยต้องคำนึงถึงว่าจีนเป็นประเทศที่มีโครงสร้างเศรษฐกิจขนาดใหญ่และมีประชากรจำนวนมาก แต่สื่อต่างก็มักจะวิเคราะห์จากตัวเลขความสูญเสียเป็นจำนวนเงินดอลลาร์อย่างเดียว

บทวิเคราะห์ในดิแอตแลนติกระบุว่าการขึ้นลงอย่างรวดเร็วของตลาดหุ้นในจีนไม่เป็นไปในทางเดียวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมซึ่งเกิดขึ้นอย่างช้าๆ หรือไม่เกี่ยวข้องกับสมรรถภาพของบรรษัทซึ่งเป็นเรื่องที่ประเมินยากในจีน เพราะจีนขาดความโปร่งใสในด้านนี้และไม่มีมาตรการตรวจสอบบัญชีที่เป็นมาตรฐาน การที่ตลาดหุ้นมีอัตราสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง (Bull Market) ทำให้นักลงทุนรายย่อยพากันหยิบยืมเงินเพื่อเข้าร่วมลงทุนด้วยแต่พอถึงขาลงก็จะมีคนสูญเสีย

นิค คอนโซเนอรี ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนจากยูราเซีย กรุ๊ป กลุ่มให้คำปรึกษาด้านความเสี่ยงทางการเมืองกล่าวว่า ตลาดหุ้นจีนนำหน้าฐานเศรษฐกิจที่มีอยู่จริงในจีน ในกรณีที่ดีที่สุดรัฐบาลจีนควรจะทำให้ตลาดหุ้นกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับเศรษฐกิจที่มีอยู่จริงมากขึ้น

อย่างไรก็ตามดิอิโคโนมิสต์เคยระบุว่าตลาดหุ้นไม่ใช่กิจกรรมทางเศรษฐกิจหลักๆ ในจีน และปริมาณเงินสำรองในจีนก็ยังคงมีอยู่สูงมากทำให้อาจจะไม่เกิดวิกฤตหนี้สินแบบในสหรัฐฯ และรัฐบาลก็ยังคงสามารถส่งเสริมการลงทุนได้โดยลดอัตราดอกเบี้ย

คอนโซเนอรีกล่าวว่าปัญหาจริงๆ ของความผันผวนตลาดหุ้นจีนไม่ใช่เพราะมันจะทำให้จีนเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ แต่มันเป็นการขัดขวางแผนการเศรษฐกิจในระยะยาวของประเทศ เพราะรัฐบาลจีนปัจจุบันต้องการให้ตลาดหุ้นเป็นช่องทางหลักสำหรับบริษัทในจีนโดยไม่ต้องพึ่งพาเงินทุนกู้ยืมจากธนาคารมากนัก

เชียเวนซามองว่าการตื่นตูมของรัฐบาลจีนในช่วงที่ผ่านมาอาจจะทำให้บริษัทใหญ่ๆ ในจีนสูญเสียศรัทธาต่อตลาดหุ้นจีนซึ่งอาจจะเกิดปัญหาหนักๆ ในอนาคต แต่ในตอนนี้ปัญหาเศรษฐกิจจีนจะส่งผลต่อในประเทศของพวกเขาเองมากกว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกจึงถือว่าไม่น่าเป็นห่วงเมื่อเทียบกับสถานการณ์ของกรีซ

เรียบเรียงจาก

Is China's Financial Crisis Really Bigger Than Greece's?, The Atlantic, 09-07-2015