ด้าน ‘สุรพศ’ ชี้ พระเป็นบุคคลสาธารณะ ควรมี "ขันติธรรม" ระบุแม้แต่พุทธะเองก็ถูกด่าสารพัด ไม่เห็นว่าท่านจะเรียกร้องให้มีการเอาผิดอะไรกับคนที่ด่าท่านเลย
5 ส.ค.2558 ASTVผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ที่ผ่านมา ที่สถานีตำรวจนครบาลดุสิต พระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท หัวหน้าพระวิทยากรประจำพระอารามหลวง วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ได้เดินทางมาแจ้งความเอาผิดกับ พันธุ์ทิพย์ ธีระเนตร คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์มติชน ในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กกล่าวหาว่าพระมหาอภิชาติไว้ผมสกินเฮด เซลฟี่บนรถเบนซ์ ในระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รถยนต์หลวงนำส่งพระภิกษุนาคหลวงไปส่งยังพระอารามหลวง วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม หลังจากที่ได้อุปสมบทโดยพระบรมราชูปถัมภ์ ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา
กำลังดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับคอลัมนิสต์สาวของหนังสือพิมพ์มติชน ในข้อหาหมิ่นประมาท ตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ ณ สน.ดุสิต กรุณานอนรอหมายเรียกได้เลย
Posted by พระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม on 3 สิงหาคม 2015
‘สุรพศ’ ชี้ พระเป็นบุคคลสาธารณะ ควรมี "ขันติธรรม"
ขณะที่ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา สุรพศ ทวีศักดิ์ นักวิชาการด้านศาสนา โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวตั้งสเตตัสสาธารณะต่อกรณีนี้ด้วยว่า
“กฎหมายหมิ่นประมาทน่าจะมีโทษทางแพ่งก็พอ ไม่น่าจะมีโทษทางอาญา ยิ่ง พ.ร.บ.คอมฯ โทษรุนแรงเกินไป วันนี้ได้ข่าวพระขู่จะฟ้องฆราวาสฐานผิด พ.ร.บ.คอมฯ ยิ่งทำให้เราต้องคิดอะไรหลายๆ อย่าง
อย่างหนึ่งที่ผมคิดคือ ขณะที่สังคมไทยถูกประชาสัมพันธ์ให้เชื่อว่า "พระสงฆ์เป็นแบบอย่างทางศีลธรรมของผู้คนในสังคมไทย" แต่จริงๆ แล้วมีพระน้อยมากที่แสดงออกถึง "ความมีศีลธรรม" ในแง่ที่เคารพความเป็นมนุษย์ของผู้อื่นในฐานะคนเหมือนกัน
ในโลกโซเชียลมีเดีย พระก็ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาทั่วไป พระบางรูปมีการโพสต์เฟซบุ๊กแสดงอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ บางครั้งก็ด่าคนอื่นเสียๆ หายๆ เช่น ด่าอาจารย์มหาลัยว่าไม่ดูแลนักศึกษา ปล่อยให้ถูกจูงจมูกเป็นควายเป็นต้น (คงหมายถึงนักศึกษาที่เคลื่อนไหวเรียกร้องเสรีภาพ ประชาธิปไตย)
แต่ในแง่สถานะทางสังคม พระก็อยู่สูงกว่าคนธรรมดา เมื่อถูกคนธรรมดาโต้แย้ง วิจารณ์ หรือล้อแบบที่คนธรรมดาเขาทำต่อกัน พระก็มักแสดงสถานะที่สูงกว่ามาโต้ตอบ หรือใช้กฎหมายเล่นงาน ดังที่เคยเป็นข่าวมาแล้วเป็นต้น
นึกถึงคำสอนในพระไตรปิฎก(ที่พระชอบอ้างกัน)ที่ว่า "ถ้าจิตเราโกรธคนที่กำลังเลื่อยร่างกายของเราให้ขาดเป็นสองท่อน ย่อมไม่ชื่อว่าปฏิบัติตามคำสอนตถาคต" ข้อความนี้เป็นไปได้ยากหรือเป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิบัติตาม ถ้าอ้างข้อความนี้มาเรียกร้องกับคนอื่นก็เป็นการเรียกร้องที่เกินไป
แต่จริงๆ ผมไม่อยากเรียกร้องอะไรจากพระเกินไปกว่าอยากให้ทำแบบที่คนธรรมดาทั่วไปทำต่อกันเลยครับ คือเรื่องวิจารณ์เรื่องล้ออะไรกันบ้างก็เป็นเรื่องที่คนธรรมดาเขามี "ขันติธรรม" หรือเปิดกว้างรับกันได้เป็นปกติอยู่แล้ว พระเป็นบุคคลสาธารณะ การถูกวิจารณ์ ถูกล้อเลียน ถูกด่าเป็นเรื่องธรรมดามากเลย แม้แต่พุทธะเองก็ถูกด่าสารพัด ไม่เห็นว่าท่านจะเรียกร้องให้มีการเอาผิดอะไรกับคนที่ด่าท่านเลย
ปล.พระได้อภิสิทธิ์ทางวัฒนธรรมให้คนเคารพกราบไหว้ บริจาคทำบุญ ก็เพราะสังคมเชื่อว่าพระศึกษา ปฏิบัติตามคำสอนของพุทธะ ขณะเดียวกันพระไทยยังได้อภิสิทธิ์ทางกฎหมาย มีอำนาจรัฐ ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐอีกด้วย หากพระถูกวิจารณ์ตรวจสอบในแบบต่างๆไม่ได้ พระเองจะอธิบายตัวเองกับพุทธะอย่างไร จะอธิบายตัวเองกับประชาชนที่เคารพนับถือและเสียภาษีอย่างไร”
จริงๆ กฎหมายหมิ่นประมาทน่าจะมีโทษทางแพ่งก็พอ ไม่น่าจะมีโทษทางอาญา ยิ่ง พ.ร.บ.คอมฯ โทษรุนแรงเกินไป วันนี้ได้ข่าวพระขู่จะฟ...
Posted by สุรพศ ทวีศักดิ์ on 3 สิงหาคม 2015
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)