Skip to main content
sharethis

19 ส.ค. 2558 เวลาประมาณ 07.00 น. คณะกรรมการคัดค้านเขื่อน 4 หมู่บ้าน ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ ได้เรียกประชุมเร่งด่วน ชาวบ้านบ้านดอนชัย หมู่ 1 และบ้านดอนชัยสักทอง หมู่ 9 รวมทั้งตัวแทนจากบ้านดอนแก้ว หมู่ 6 และตัวแทนจากบ้านแม่เต้น หมู่ 5 กว่า 100 คน ที่ศาลาวัดดอนชัย โดยทางคณะกรรมการได้ชี้แจงผลการไปร่วมประชุมร่วมกับเวทียุทธศาสตร์การจัดการน้ำชาติที่จังหวัดพิษณุโลกในวันที่ 18 ส.ค. 2558 ที่ผ่านมา ให้ชาวบ้านได้รับรู้โดยทั่วกัน ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ว่า ในแผนยุทธศาสตร์การจัดการน้ำแห่งชาติที่ทางรัฐบาลจะได้ดำเนินการในปี 2559-2569 นั้นไม่มีการบรรจุแผนการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง (เขื่อนแม่น้ำยม) แต่อย่างใด และทางกรมชลประทานโดย ดร.สมเกียรติ ประจำวงศ์ ผู้อำนวยการกองวางแผนโครงการเขื่อนขนาดใหญ่ก็ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า ในแผนน้ำชาติ 10 ปีข้างหน้าไม่มีโครงการเขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง (เขื่อนแม่น้ำยม) ด้วยเช่นกัน ทางกรมชลประทานมีแผนที่จะผลักดันโครงการเขื่อนขนาดกลางและขนาดเล็กเท่านั้น แต่ในที่ประชุมก็ได้ขอให้พี่น้องชาวสะเอียบอย่าไว้วางใจ เพราะเคยเจอบทเรียนในการพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่งมาหลายครั้งแล้ว

จากนั้น นายพิษณุ สร้อยเงิน กรรมการคัดค้านเขื่อน หมู่ 9 ได้ชี้แจงให้ชาวบ้านรับทราบว่า ทางคณะกรรมการฯ ได้ตรวจสอบพบว่าผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่มีการนัดประชุมเพื่อผลักดันโครงการเขื่อนแม่น้ำยม ที่ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดแพร่ ในวันนี้ เวลา 14.00 น. เอกสารการนัดหมายประชุมระบุว่า เป็นการประชุมเพื่อผลักดันโครงการเขื่อนแม่น้ำยม ครั้งที่ 5 

รายงานข่าวแจ้งว่า เรื่องดังกล่าวทำให้ชาวบ้านในที่ประชุมเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้เมื่อปี 2557 คณะกรรมการคัดค้านเขื่อนได้ทำหนังสือคัดค้านเขื่อนไปยังศูนย์ดำรงธรรม อ.สอง จ.แพร่ และทำหนังสือถึงผู้บันชาการทหารบก ม.พัน 12 ที่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ จนศูนย์ดำรงธรรมได้มีหนังสือตอบรับอย่างเป็นทางการว่าได้ยุติโครงการเขื่อนเหล่านี้ไปแล้ว แต่ในวันนี้คณะกรรมการคัดค้านเขื่อนกลับพบหนังสือเชิญประชุมเพื่อผลักดันโครงการเขื่อนแม่น้ำยม และยังมีการขอให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งกำลังสร้างเขื่อนผาจุก มาให้บทเรียนในการเข้าถึงชาวบ้านและการอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่อ่างเก็บน้ำของเขื่อนผาจุก เรื่องดังกล่าวทำให้ชาวบ้านในที่ประชุมรู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างมาก

นายสมมิ่ง เหมืองร้อง ประธานคณะกรรมการตัดค้านเขื่อน 4 หมู่บ้าน ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ ได้อ่านแถลงการณ์ประณามผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ที่แอบประชุมผลักดันโครงการเขื่อนแม่น้ำยม ปิดบังไม่ให้ชาว สะเอียบได้รับรู้มาถึง 4 ครั้งแล้ว 

“เราขอเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ได้ยุติการดำเนินการดังกล่าว และเรียกร้องให้เปิดเผยบันทึกการประชุมที่ผ่านมาทั้งหมด ซึ่งเราจะได้ทำหนังสือยื่นไปยังศูนย์ดำรงธรรม กรุงเทพฯ รวมทั้งทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้มีบัญชาสั่งการให้ทุกหน่วยงานยุติการผลักดันเขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง ต่อไป” นายสมมิ่ง กล่าว

แถลงการณ์ คณะกรรมการคัดค้านเขื่อน 4 หมู่บ้าน

ขอให้ทุกหน่วยงาน ยุติการผลักดันเขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง (เขื่อนแม่น้ำยม)

ตามที่ศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดแพร่ ได้มีหนังสือ ที่ พร 0017.3 (ศดธ) /18584 ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2557 ตอบมายังนายอำเภอสอง จ.แพร่ ว่าได้ยุติโครงการเขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง แล้วนั้น แต่บัดนี้ คณะกรรมการคัดค้านเขื่อน 4 หมู่บ้าน ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ ได้พบว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ได้มีการดำเนินการผลักดันโครงการเขื่อนแม่น้ำยม โดยได้มีการประชุมผลักดันโครงการเขื่อนมาแล้วถึง 4 ครั้ง และจะได้จัดประชุมวางแผนผลักดันเขื่อนแม่น้ำยม ครั้งที่ 5 ขึ้น ในวันที่ 19 สิงหาคม 2558 ณ ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดแพร่

 คณะกรรมการคัดค้านเขื่อน 4 หมู่บ้าน ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนและขัดต่อข้อเท็จจริงที่ชาวบ้านได้รับจากศูนย์ดำรงธรรม อีกทั้งยังเป็นการแอบประชุมกันเพื่อผลักดันโครงการเขื่อนแม่น้ำยม ทั้งที่ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ก็ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดแพร่อยู่แล้ว ดังนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่จะต้องโกหกประชาชนในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง

คณะกรรมการคัดค้านเขื่อน 4 หมู่บ้าน ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ จึงขอประณามการกระทำอันเป็นการตีสองหน้า หลอกลวงประชาชน และขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ได้ยุติการผลักดันโครงการเขื่อนแม่น้ำยมโดยทันที รวมทั้งขอให้ทุกหน่วยงานยุติการผลักดันโครงการเขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง และหันมาใช้แนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง 14 แนวทาง ตามที่ได้เสนอมาหลายรอบแล้ว

 คณะกรรมการคัดค้านเขื่อน 4 หมู่บ้าน ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ ขอเรียกร้องให้ศูนย์ดำรงธรรม เรียกเอกสารข้อมูลรายงานการประชุมทั้ง 4-5 ครั้งที่ผ่านมา เผยแพร่ให้สาธารณะชนได้รับรู้ ตามสิทธิอันพึงมีของประชาชนตาม พรบ.ข้อมูลข่าวสารปี 2535 และขอให้แจ้งให้เราทราบเป็นลายลักษณ์อักษร

ทั้งนี้ คณะกรรมการคัดค้านเขื่อน 4 หมู่บ้าน ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ จะได้ทำหนังสือถึง ม.พัน 12  ศูนย์ดำรงธรรม กรุงเทพฯ และนายกรัฐมนตรี เพื่อติดตามเรื่องนี้อีกต่อไป

ด้วยจิตรคารวะ

คณะกรรมการคัดค้านเขื่อน 4 หมู่บ้าน ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่

19 สิงหาคม 2558 ณ วัดดอนชัย ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่

ศูนย์ประสานงานชุมชน ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ 54120

18  สิงหาคม  2558

เรื่อง       ขอให้ยุติโครงการ เขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง (เขื่อนแม่น้ำยม) จ.แพร่  พร้อมเสนอทางออก 14 ประการ และเหตุผลการคัดค้าน 14 ข้อ

เรียน      ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี

 สิ่งที่ส่งมาด้วย    1.เหตุผลในการคัดค้านเขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง 14 ประการ และแนวทางในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งลุ่มน้ำยม 14 แนวทาง

                           2.หนังสือยืนยันการยุติโครงการเขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง จากศูนย์ดำรงค์ธรรมจังหวัดแพร่ ที่ พร 0017.3(ศดท)/18584 ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2557

จากการที่คณะกรรมการคัดค้านเขื่อน 4 หมู่บ้าน ในนามกลุ่มราษฎรรักษ์ป่า ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ ได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีให้ยุติโครงการ เขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง (เขื่อนแม่น้ำยม) และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่ ได้มีหนังสือยืนยันว่ากรมชลประทานได้ยุติโครงการดังกล่าวแล้วนั้น แต่ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2558 ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มคนคณะหนึ่ง ไม่ระบุสังกัดประมาณ 10 กว่าคน ได้เข้ามาสำรวจจุดหัวงานบริเวณที่จะสร้างโครงการเขื่อนยมล่าง หรือ เขื่อนแม่น้ำยม ต่อมาในวันที่ 26 มิถุนายน 2558 ได้มีกลุ่มบุคคลใช้รถกรมป่าไม้ ได้มาสำรวจพร้อมมีแผนที่และถ่ายรูปชี้แนวหัวงานเขื่อนยมล่าง โดยชาวบ้านได้ทราบแต่เพียงว่าสันเขื่อนจะยาวกว่า 2 กิโลเมตร

คณะกรรมการคัดค้านเขื่อน 4 หมู่บ้าน ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ จึงขอให้ท่านได้กำชับหน่วยงานต่างๆ ให้ยุติการดำเนินการต่างๆ เกี่ยวกับเขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง ไม่ต้องมาสำรวจ ไม่ต้องมาศึกษาสร้างความกังวลใจให้กับชาวบ้านอีกต่อไป ตามที่ศูนย์ดำรงค์ธรรมได้แจ้งว่ายกเลิกโครงการแล้ว

การสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น จ.แพร่ จะทำลายป่า 41,750 ไร่ การสร้างเขื่อนยมบน และเขื่อนยมล่าง (เขื่อนแม่น้ำยม) จ.แพร่ ซึ่งก็คือเขื่อนแก่งเสือเต้นแยกออกเป็น 2 เขื่อน ก็จะทำลายป่าไม่น้อยไปกว่าเขื่อนแก่งเสือเต้น เพียงแต่เว้นชุมชนสะเอียบไว้เท่านั้น การทำลายป่า 30,000 – 40,000 กว่าไร่นั้น จึงเป็นการทำลายชาติ ทำร้ายชุมชน ผลาญงบประมาณแผ่นดินโดยใช่เหตุ ทั้งที่มีทางเลือก มีแนวทางในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งลุ่มน้ำยมอย่างน้อย 14 แนวทาง อาทิ การทำแก้มลิงโดยกรมทรัพยากรน้ำ 398 จุดก็สามารถกักเก็บน้ำได้ 1,500 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งมากกว่าเขื่อนแก่งเสือเต้นที่จุน้ำได้ 1,175 ล้านลูกบาศก์เมตร และมากกว่าเขื่อนยมบนเขื่อนยมล่างถึง 2-3 เท่า อีกทั้งใช้งบประมาณเพียง 4,000 ล้านบาท น้อยกว่างบสร้างเขื่อน 3-4 เท่า โดยกรมทรัพยากรน้ำได้ศึกษาไว้แล้ว สามารถทำได้เลย

การสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง ขนาดเล็ก ตามลำน้ำสาขา ทั้ง 77 ลำน้ำสาขา กระจายทั่วทั้งลุ่มน้ำยม จะกักเก็บน้ำได้มากกว่าเขื่อนแก่งเสือเต้น 3-6 เท่า ใช้งบประมาณน้อยกว่า และกรมชลประทานศึกษาไว้แล้วถึง 26 แหล่ง ก็สามารถทำได้เลย โดยไม่ต้องทำ EIA. และEHIA. เพราะมีผลกระทบน้อย เพียงแต่ทำประชาคมชุมชนก็สามารถดำเนินการได้

ดังนั้น คณะกรรมการคัดค้านเขื่อน 4 หมู่บ้าน ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ จึงขอให้ท่านได้ใช้แนวทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งลุ่มน้ำยม 14 แนวทาง เพื่อแก้ไขปัญหา อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง และเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง คณะกรรมการคัดค้านเขื่อน 4 หมู่บ้าน จึงขอให้ท่านประกาศยกเลิกเขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง (เขื่อนแม่น้ำยม) ที่สร้างปัญหาก่อให้เกิดความขัดแย้งมาอย่างยาวนาน โดยมีมติ ครม. รองรับอย่างเป็นทางการ

               จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

 

ขอแสดงความนับถือ

(นายสมมิ่ง  เหมืองร้อง)

ประธานคณะกรรมการคัดค้านเขื่อน 4 หมู่บ้าน (บ้านดอนชัยสักทอง)

(นายวิชัย รักษาพล)                         (นายเจริญบัวแดง)                           (นายสิทธิพร ดอกคำ)

 ประธานคณะกรรมการคัดค้านเขื่อน บ้านดอนชัย บ้านดอนแก้ว บ้านแม่เต้น

คณะกรรมการคัดค้านเขื่อน ตำบลสะเอียบ อ.สอง จ.แพร่

 

 0000000

เหตุผล 14 ประการที่ไม่สมควรสร้าง เขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง

                1.ผลการศึกษาของ องค์การอาหารและการเกษตรโลก (FAO.) ด้วยเหตุผลเรื่องการป้องกันน้ำท่วม เขื่อนแก่งเสือเต้น สามารถ เยียวยาปัญหาน้ำท่วมได้ เพียง 8 เปอร์เซ็นต์ เขื่อนยมบนเขื่อนยมล่าง จุน้ำได้เพียงครึ่งเดียว ยิ่งไม่มีทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้เลย

                2.ผลการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนา ประเทศไทย (TDRI.) ด้วยเหตุผลทาง เศรษฐศาสตร์ ได้ข้อสรุปว่า เขื่อนแก่งเสือเต้นไม่คุ้มทุน ส่วนเขื่อนยมบนเขื่อนยมล่างนั้น ยิ่งใช้งบประมาณมากกว่าเขื่อนแก่งเสือเต้นเสียอีก จึงไม่มีทางที่จะคุ้มทุนได้

                3.ผลการศึกษาของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ด้วยเหตุผลทางนิเวศวิทยา ที่มีข้อสรุปว่าหากสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นจะกระทบต่อระบบนิเวศน์ของอุทยาน แห่งชาติแม่ยมเป็นอย่างมาก หากเก็บผืนป่าที่จะถูกน้ำท่วมไว้จะมีมูลค่าต่อระบบนิเวศน์ และชุมชนอย่างมาก เขื่อนยมบนเขื่อนยมล่างก็กระทบต่อพื้นที่เดียวกันนี้ เพราะเป็นการแบ่งเขื่อนแก่งเสือเต้นออกเป็นสองตอน สองเขื่อนนั่นเอง

                4.การศึกษาของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยเหตุผลทางด้าน ป่าไม้ สัตว์ป่า ที่มีข้อสรุปว่า พื้นที่ที่จะสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น เป็นทั้งอุทยานแห่งชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งยังเป็นแหล่งป่าสักทองธรรมชาติ ผืนเดียวที่เหลืออยู่ ดังนั้น ควรเก็บรักษาไว้ เพื่ออนาคตของประชาชนไทยทั้งประเทศ อีกทั้งจังหวัดแพร่มีป่าสักทองธรรมชาติผืนใหญ่ที่สุดในโลก จึงไม่ควรทำลาย หันมาพัฒนาอุทยานแม่ยม รักษาป่าสักทอง พัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวจะสร้างประโยชน์ที่ยั่งยืนกว่าการทำลาย

                5.ผลการศึกษาของมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่า และพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ด้วยเหตุผลในการจัดการน้ำ ยังมีทางออก และทางเลือกอื่น ๆ อีกหลายวิธีการ ที่แก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้ โดยไม่ต้องสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น รวมทั้งไม่ต้องสร้างเขื่อนยมบนเขื่อนยมล่าง

                6.ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เสนอ 19 แผนงานการจัดการน้ำแบบบูรณาการ ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาทั้งน้ำแล้ง น้ำท่วม ได้อย่างเป็นระบบทั้งลุ่มน้ำยม โดยไม่ต้องสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น โดยไม่ต้องสร้างเขื่อนขนาดใหญ่อย่างเขื่อนยมบนเขื่อนยมล่าง ก็สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งได้เช่นกัน

                7.ผลการศึกษาของกรมทรัพยากรธรณี ได้ชี้ชักว่า บริเวณที่จะสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น ตั้งอยู่แนวรอยเลื่อนของเปลือกโลก คือ รอยเลื่อนแพร่ ซึ่งยังมีการเคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นการเสี่ยงอย่างมากที่จะสร้างเขื่อนใกล้กับรอยเลื่อนของเปลือกโลก เสมือนหนึ่งเป็นการวางระเบิดบนหลังคาบ้านของคนเมืองแพร่ เขื่อนยมบนเขื่อนยมล่างก็ตั้งอยู่บริเวณแนวรอยเลื่อนของเปลือกโลกเช่นกัน กระทบทั้งรอยเลื่อนแพร่ และรอยเลื่อนแม่ยม

                8.ผลการศึกษาของโครงการพัฒนายุทธศาสตร์ทางเลือกนโยบายการจัดการลุ่มน้ำยม (SEA) ชี้ให้เห็นว่ามีทางเลือกมากมายในการจัดการน้ำ ในลุ่มน้ำยม โดยไม่ต้องสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น เช่น การทำทางเบี่ยงน้ำเลี่ยงเมือง การทำแก้มลิง การพัฒนาอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก ขนาดกลาง เป็นต้น

                9.ผลการศึกษาของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ระบุโครงการเขื่อนเหล่านี้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ละเมิดสิทธิชุมชน อย่างร้ายแรง ซึ่งต้องยกเลิกโครงการโดยเด็ดขาด อีกทั้งยังมีทางเลือกหรือทางออกอื่นๆ อีกมากในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งได้ โดยไม่ต้องสร้างเขื่อนขนาดใหญ่

               10.เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง หรือ เขื่อนแก่งเสือเต้น ไม่มีการผลิตกระแสไฟฟ้าแต่อย่างใด ดังนั้นข้อกล่าวอ้างที่ว่าหากไม่สร้างเขื่อนก็จะไม่มีไฟฟ้าใช้ จึงเป็นความเท็จ เพราะเขื่อนไม่ได้ออกแบบเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าแต่อย่างใด อีกทั้งเขื่อนทั้งหมดของประเทศไทยผลิตไฟฟ้าได้เพียง 8 เปอร์เซ็นต์ ของกำลังการผลิตทั้งหมด หากยกเลิกการผลิตไฟจากเขื่อนทั้งหมดก็ยังมีพลังงานไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอ

             11.เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง หรือ เขื่อนแก่งเสือเต้น ทำลายป่า 30,000-40,000 ไร่ ซึ่งมีพรรณไม้นานาชนิดหลายล้านต้น ซึ่งไม่มีทางที่จะปลูกป่าทดแทนได้ดังที่รัฐบาลกล่าวอ้าง ที่ผ่านมามีเพียงการปลูกต้นไม้สร้างภาพแล้วปล่อยให้ตาย ไม่มีสภาพเป็นป่าดังที่รัฐบาลกล่าวอ้าง

             12.เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง หรือ เขื่อนแก่งเสือเต้น ทำลายป่ามหาศาลอันจะนำไปสู่ปัญหาโลกร้อน เป็นการทำลายแหล่งผลิตออกซิเจน ซึ่งเป็นปัญหาของคนทั้งชาติและคนทั้งโลก

              13.เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง หรือ เขื่อนแก่งเสือเต้น ทำลายแก่งเสือเต้น ท่วมทั้งแก่ง ท่วมทั้งที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่ยม ท่วมทั้งป่าสักทอง ทำให้หมดอัตลักษณ์ของความเป็นอุทยานแห่งชาติแม่ยม ทั้งแก่งเสือเต้นและป่าสักทอง จึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะทำลายอุทยานแห่งชาติแม่ยมที่เป็นสมบัติของตนไทยทั้งชาติและคนทั่วโลก

              14.เขื่อนเป็นเทคโนโลยีที่ล้าหลัง ยุโรปและอเมริกาได้เลิกใช้แล้วและหันกลับมาฟื้นฟูแม่น้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ เขื่อนจึงไม่ใช่สัญญาลักษณ์พัฒนาอีกต่อไป แต่เขื่อนคือ สัญลักษณ์ ของหายนะและการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและชุมชน

000000

แนวทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งลุ่มน้ำยม 14 แนวทาง
โดยไม่ต้องสร้าง เขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง

1.ฟื้นฟูป่าต้นน้ำ รักษาป่าที่เหลืออยู่ ป้องกันการบุกรุกป่า ให้ป่าซับน้ำไว้เป็นเขื่อนถาวรและยั้งยืน และทำหน้าที่เก็บคาร์บอลไดออกไซด์ ช่วยลดโลกร้อน อีกทั้งยังช่วยฟอกอากาศให้ออกซิเจนแก่คนไทยทั้งชาติ รวมทั้งมวลมนุษยชาติ อีกด้วย

2.รักษาและพัฒนาป่าชุมชน ทุกชุมชนควรมีป่าชุมชน ไว้ใช้สอย เก็บเห็ด ผัก หน่อไม้ สมุนไพร เป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตของชุมชน รักษาป่าอนุรักษ์ โดยเฉพาะป่าอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ต้องรักษาไว้อย่างเข้มงวด ห้ามมิให้พัฒนาโครงการขนาดใหญ่ที่กระทบต่อป่าและสัตว์ป่า เช่น โครงการเขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง ที่ผ่าใจกลางอุทยานแห่งชาติแม่ยม รวมทั้งเขื่อนแม่วงก์ ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ เป็นต้น

3.ปลูกต้นไม้เพิ่ม สร้างพื้นที่สีเขียวให้กับครอบครัว ชุมชน หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ภาค และ ประเทศชาติ ทุกคน ทุกชุมชน ช่วยกันทำได้ ช่วยลดโลกร้อนได้อีกด้วย ยุติการตัดถางป่าเพื่อปลูกต้นไม้สร้างภาพไปวันๆ ซึ่งไม่เกิดประโยชน์ ควรปล่อยให้ป่าได้ฟื้นสภาพเอง ซึ่งจะมีความหลากหลายทางพันธุกรรมมากกว่า

4.ฟื้นฟูระบบเหมืองฝาย พัฒนาฝายดักตะกอน ฝายชะลอน้ำ ฝายกักเก็บน้ำ ให้ทั่วทุกพื้นที่ที่มีศักยภาพ สนับสนุนให้ทุกชุมชนได้พัฒนา ฟื้นฟูระบบการจัดการน้ำชุมชน ให้ องค์กรท้องถิ่นสนับสนุนการสร้างแผนการจัดการน้ำชุมชน ใช้สะเอียบโมเดลเป็นแผนการจัดการน้ำชุมชนต้นแบบ

5.เพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำตามลำน้ำสาขา พัฒนาอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง ขนาดเล็ก ทั้ง 77 ลำน้ำสาขา ของแม่น้ำยม ซึ่งจะกักเก็บน้ำได้มากกว่าเขื่อนแก่งเสือเต้นถึง 3 เท่า ซึ่งกรมชลประทานสำรวจพบแล้ว 26 จุด ซึ่งสามารพัฒนาได้เลยโดยไม่ต้องสร้างเขื่อนขนาดใหญ่

6.ทำแหล่งรับน้ำหลากไว้ทุกชุมชน โดยกรมทรัพยากรน้ำได้สำรวจไว้แล้ว 395 แหล่ง เก็บน้ำได้มากกว่า 1,500 ล้าน ลูกบาศก์เมตร ซึ่งมากกว่าเขื่อนแก่งเสือเต้น ซึ่งเก็บน้ำได้เพียง 1,175 ล้าน ลูกบาศก์เมตร แต่ใช้งบเพียง 4,000 กว่าล้านบาท น้อยกว่าเขื่อนแก่งเสือเต้นถึง 3เท่า

7.พัฒนาโครงการ หนึ่งหมู่บ้านหนึ่งแหล่งน้ำ หนึ่งตำบลหนึ่งแหล่งน้ำ ทั่วทั้งลุ่มน้ำยม จะสามารถลดปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะฝนตกที่ไหนน้ำเข้าที่นั่น กระจายทั่วทั้งลุ่มน้ำ ไม่ใช่รอให้ฝนตกเหนือเขื่อนเท่านั้น ซึ่งเราไม่สามารถกำหนดธรรมชาติได้

8.สนับสนุนการจัดการน้ำระดับครัวเรือน และระดับชุมชนโดยใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน ได้แก่ ขุดบ่อ หรือ สระน้ำในไร่นา รวมทั้งอนุรักษ์ และฟื้นฟูระบบเหมืองฝายที่เป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านในแต่ละท้องถิ่น จะสร้างประโยชน์ให้กับชาวบ้าน และชุมชน อย่างเป็นจริง และใช้งบประมาณน้อยกว่าการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่

9.พัฒนาระบบภาษีเพื่อสิ่งแวดล้อม ชุมชนไหนรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อตัวเองและเพื่อชุมชนอื่น ควรได้รับการสนับสนุน ชุมชนใดไม่มีศักยภาพในการรักษาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ควรให้การสนับสนุน เป็นชุมชนพี่น้องหนุนช่วยกัน

10.กระจายอำนาจและงบประมาณให้กับชุมชนท้องถิ่น ในการวางแผนระบบการจัดการน้ำโดยชุมชน รวมทั้งสนับสนุนงบประมาณในการฟื้นฟูป่าต้นน้ำและระบบการจัดการน้ำของชุมชนท้องถิ่น และให้สิทธิและอำนาจการจัดการน้ำแก่ชุมชนท้องถิ่น โดยมีกฎหมายรองรับ

11.ทบทวนนโยบายการส่งเสริมปลูกพืชเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในฤดูแล้ง เพื่อลดปริมาณการใช้น้ำ และส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจแบบพอเพียง ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชอายุสั้น และเลือกปลูกพันธุ์พืชที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ เพื่อลดการบุกรุกพื้นที่ป่า และลดปริมาณการใช้น้ำในการทำเกษตรกรรมนอกฤดู

12.ส่งเสริมระบบการใช้ที่ดินให้สอดคล้องกับภูมิสังคม สนับสนุนโฉนดชุมชน สร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับชุมชน ยุติการขับไล่ชุมชนออกจากป่า สนับสนุนชุมชนที่อยู่กับป่า ให้รักษาป่า รักษาต้นน้ำ รวมทั้งจัดการผังเมืองให้สอดคล้องกับธรรมชาติและภูมิสังคม

13.บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ดิน น้ำ ป่า อากาศ แร่ ฯลฯ และมีบทลงโทษในการพัฒนาที่ผิดพลาด ทั้งทางอาญาและทางแพ่ง รวมทั้งส่งเสริมมาตรการลงโทษทางสังคมต่อผู้ใช้อำนาจการตัดสินใจ ผู้วางแผนงาน การบริหารประเทศ การพัฒนาที่ผิดพลาด ไม่ให้มีโอกาสเข้ามามีอำนาจอีกเจ็ดชั่วโคตร

14.ส่งเสริมและสนับสนุนสิทธิชุมชนตามรัฐธรรมนูญ ออกกฎหมายลูก รองรับสิทธิชุมชน ให้สิทธิชุมชนในการ ปกป้อง รักษา และใช้ประโยชน์ในทรัพยากร ดิน น้ำ ป่า อากาศ แร่ ฯลฯ

……….

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net