Skip to main content
sharethis

สหภาพแรงงานและตัวแทนผู้บริหารธนาคารกรุงเทพ เจรจาข้อเรียกร้องประจำปี 2558 นัดที่ 2  สหภาพฯ เผยยึดหลักการ "แรงงานสัมพันธ์ที่ดีและเจรจาเพื่อการอยู่ร่วมกันไม่ใช่แตกแยก เจรจาหาข้อยุติไม่ใช่ข้อพิพาท เจรจาเพื่อให้ได้ประโยชน์ไม่ใช่สูญเสีย และเจรจาเพื่อการสร้างสรรค์ไม่ใช่ทำลาย"

18 ก.ย. 2558 สหภาพแรงงานธนาคารกรุงเทพแจ้งกับสมาชิกสหภาพแรงงานว่าวานนี้ (17 ก.ย.) ได้มีการเจรจากับตัวแทนฝ่ายบริหารของธนาคารกรุงเทพเป็นครั้งที่ 2 ในการเจรจายื่นข้อเรียกร้องเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างประจำปี 2558 โดยทางสหภาพแรงงานธนาคารกรุงเทพระบุว่ายังคงมีการเจรจากันตามปกติ ซึ่งผู้แทนเจรจาของทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันพิจารณาข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงานธนาคารกรุงเทพจำนวน 15 ข้อ ซึ่งการเจรจาครั้งที่ 2 นี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันในบางข้อที่น่าจะมีแนวโน้มการได้ข้อยุติก่อนข้อเรียกร้องอื่น ๆ เช่น ข้อเรียกร้องที่เกี่ยวกับพนักงานที่ใกล้เกษียณอายุ พร้อมทั้งได้ทำความเข้าใจเจตนารมณ์ เหตุผล ข้อมูลสนับสนุนประกอบข้อเรียกร้องข้ออื่น ๆ เช่น เรื่องประกันอุบัติเหตุ เรื่องอัตราเงินเทียบสิทธิ์ค่ารักษาพยาบาล เรื่องเงินค่าเสี่ยงภัย เป็นต้น สำหรับข้อเรียกร้องที่ต้องอิงผลประกอบการของธนาคาร เช่น โบนัส เงินช่วยเหลือค่าครองชีพฯ เงินสมทบกองทุนฯ คงต้องรอผลประกอบการของธนาคารในไตรมาส 4 ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะได้นำมาประกอบการเจรจากันเพื่อหาข้อสรุป พร้อมทั้งนำเสนอต่อผู้บริหารระดับสูงพิจารณาต่อไป

นอกจากนี้สหภาพแรงงานธนาคารกรุงเทพยังแจ้งต่อสมาชิกว่า ในการเจรจาครั้งที่ 2 นี้ ผู้แทนเจรจาของสหภาพแรงงานได้หยิบยกประเด็นปัญหาและข้อเรียกร้องของปี 2557 บางข้อที่ธนาคารได้รับไปดำเนินการอยู่ในขณะนี้ว่ามีความคืบหน้าประการใดบ้าง อาทิเช่น เรื่องแนวทางการพิจารณาเลื่อนชั้นเชื่อนตำแหน่งสำหรับพนักงานที่อยู่ในตำแหน่งเดิมเกิน 5 ปี / เรื่อง Job Description / เรื่องเงินกู้สวัสดิการพนักงานเพื่อซื้อบ้านพร้อมที่ดินหลังที่สอง / และเรื่องพนักงานที่ปฏิบัติงานใน Exchange Booth เจ้าหน้าที่ FRO หรือ พนักงานตำแหน่งอื่นที่เรียกร้องเรียนเรื่องเงินช่วยเหลือพิเศษ 3,500 บาท หรือที่เรียกว่า "ค่าห้าง" ที่พนักงานกลุ่มนี้ยังไม่ได้รับเหมือนเช่นพนักงานกลุ่มที่ปฏิบัติงานในห้าง หรือ Micro Branch เป็นต้น ซึ่งหัวหน้าผู้แทนเจรจาของธนาคารได้แจ้งให้ทราบว่าทุกประเด็นที่สหภาพแรงงานทวงถามนั้น ธนาคารไม่ได้ละเลยปัญหา ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่องขอให้สหภาพแรงงานและพนักงานอดทนรอไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรอบคอบรัดกุมและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน

ซึ่งทางสหภาพแรงงานธนาคารกรุงเทพได้ขอขอบคุณและหวังว่าทุกประเด็นปัญหานั้นทางธนาคารกรุงเทพจะดำเนินการแก้ไขลุล่วงโดยเร็ว อันจะส่งผลดีต่อพนักงานและองค์กรคือธนาคารกรุงเทพในที่สุด สำหรับการเจรจานั้นทั้งสองฝ่ายยึดหลักการ "แรงงานสัมพันธ์ที่ดีและเจรจาเพื่อการอยู่ร่วมกันไม่ใช่แตกแยก เจรจาหาข้อยุติไม่ใช่ข้อพิพาท เจรจาเพื่อให้ได้ประโยชน์ไม่ใช่สูญเสีย และเจรจาเพื่อการสร้างสรรค์ไม่ใช่ทำลาย" สหภาพแรงงานจึงรายงานความคืบหน้าของการเจรจาข้อเรียกร้องประจำปี 2558 มาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

อนึ่งในการเจรจายื่นข้อเรียกร้องเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างประจำปี 2558 ที่ทางสหภาพแรงงานได้ยื่นข้อเรียกร้อง 15 ข้อที่ได้ยื่นไปก่อนหน้านี้ โดยข้อเรียกร้องทั้ง 15 ข้อมีดังนี้

1. ขอให้ธนาคารจ่ายโบนัสให้แก่พนักงานทุกคนทุกระดับชั้น ปีละ 5 เท่าของเงินเดือน บวกด้วยเงินเพิ่มพิเศษคนละ 30,000 บาท โดยแบ่งจ่ายเป็น 2 งวดเท่า เท่ากันภายในเดือนมิถุนายนและธันวาคมในแต่ละปี และพิจารณาโบนัสพิเศษเพิ่มเติมให้กับพนักงานตามผลกำไรสุทธิของธนาคารที่มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลายปีที่ผ่านมา ทั้งนี้มีผลตั้งแต่งวดมกราคม-มิถุนายน 2558 เป็นต้นไป

2. ขอให้ธนาคารกำหนดหลักเกณฑ์จ่ายเงินช่วยเหลือแก่พนักงานที่ทำงานกับธนาคารจนเกษียณอายุ สำหรับพนักงานที่เข้าทำงานกับธนาคารก่อนปี 2532 (ก่อนก่อตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ) ในอัตราคนละ 500,000 บาท หรืออายุงานคูณเงินเดือนเดือนสุดท้าย

3. ขอให้ธนาคารพิจารณาปรับขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงานทุกคนในปีที่เกษียณอายุเป็นกรณีพิเศษ โดยปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ในเกณฑ์มาตรฐานขึ้นไป เพื่อเป็นประโยชน์กับพนักงานที่เกษียณอายุในการคำนวณเงินชดเชยตามที่กฎหมายกำหนด

4. ขอให้ธนาคารจ่ายเงินช่วยเหลือค่าครองชีพให้กับพนักงานทุกคน ในอัตรา 3,500 บาท ต่อคน/ต่อเดือน

5. ขอให้ธนาคารจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานธนาคารกรุงเทพ จำกัด ซึ่งจดทะเบียนแล้วให้กับพนักงานทุกคนทุกระดับในอัตราร้อยละ 15 ของเงินเดือนอัตราเดียวเท่ากันทุกคน รวมทั้งพนักงานที่ลาออกจากสมาชิกกองทุนฯ และสมัครกลับเข้ามาเป็นสมาชิกกองทุนฯ ใหม่

6. ขอให้ธนาคารนำเงินที่มีอยู่ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของพนักงานเป็นหลักประกันในการกู้เงินสวัสดิการพนักงานได้ ทั้งนี้อยู่ภายใต้หลักเกณฑ์เงื่อนไขและวงเงินตามที่ธนาคารกำหนด

7. ขอให้ธนาคารจัดให้มีวงเงินกู้สวัสดิการพนักงาน เป็นสินเชื่อหมุนเวียนเอนกประสงค์ในวงเงิน 5 เท่าของเงินเดือน โดยไม่ต้องมีหลักประกัน

8. ขอให้ธนาคารจ่ายเงินค่าเสี่ยงให้กับพนักงานที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการรับ-จ่ายหรือรับแลกเปลี่ยนเงิน เช่น CSO, FRO, MO, CPO หรือพนักงานที่ปฏิบัติงานในลักษณะเดียวกันภายในเดือนมีนาคมของทุกปี ในอัตรา 3,500 บาท/คน/ปี

9. ขอให้ธนาคารจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษให้กับพนักงานที่ปฏิบัติงานใน สาขา/หน่วยงาน ที่เปิดให้บริการลูกค้า 7 วัน หรือสาขาที่เปิดทำการในลักษณะเดียวกัน หรือพนักงานที่ต้องปฏิบัติงานในลักษณะเดียวกันในอัตราคนละ 5,000 บาท/คน/เดือน

10. ขอให้ธนาคารจ่ายเงินช่วยเหลือพนักงานทุกคนในด้านการศึกษาของบุตรที่กำลังศึกษาเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ระดับก่อนอนุบาลจนถึงระดับปริญญาตรี เฉพาะค่าบำรุงการศึกษาและค่าบำรุงอื่นที่เกี่ยวกับการศึกษา ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินอัตราที่ทางราชการกำหนดของแต่ละสถานศึกษาดังนี้

ระดับการศึกษา

เงินช่วยเหลือไม่เกินปีละ

ก่อนอนุบาล

6,000 บาท

อนุบาล-ประถมปีที่ 6

9,900 บาท

มัธยมปีที่ 1-มัธยมปีที่ 3

11,000 บาท

มัธยมปีที่ 4-มัธยมปีที่ 6

12,000 บาท

ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)

15,000 บาท

ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) , วิชาชีพเทคนิค (ปวท.)

25,000 บาท

ปริญญาตรี

30,000 บาท

 

11. ขอให้ธนาคารพิจารณาจ่ายค่าเสี่ยงภัยให้กับพนักงานที่ต้องออกไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ได้รับเงินค่าเสี่ยงภัยในอัตราที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน คนละ 7,000 บาท/คน/เดือน ทุกตำแหน่ง ทุกพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง

12. ขอให้ธนาคารซื้อกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุให้กับพนักงานทุกคนและสามารถเบิกเงินค่าทดแทนการประสบอุบัติเหตุ

13. ขอให้ธนาคารปรับอัตราเทียบสิทธิค่ารักษาพยาบาลจากอัตราเดิม 700 บาท เป็น 1,500 บาท โดยพนักงานสามารถเบิกจ่ายได้ที่ต้นสังกัด

14. ขอให้ธนาคารจ่ายเงินค่าเครื่องแบบให้กับพนักงานชายหญิงคนละ 3 ชุด ต่อคน/ต่อปี

15. ขอให้ธนาคารจัดให้มีการประชุมร่วมระหว่างกรรมการสหภาพแรงงานธนาคารกรุงเทพกับผู้บริหารหรือตัวแทนผู้บริหารของธนาคาร อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อปรึกษาหารือร่วมกันในประเด็นปัญหาต่าง ๆ และเป็นการสร้างสรรค์แรงงานสัมพันธ์ที่ดีในสถานประกอบการ

โดยข้อมูลจากธนาคารกรุงเทพระบุว่าธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับครึ่งแรกปี 2558 จำนวน 17,442 ล้านบาท

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net