ศาลทหารสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว ชี้ประจักษ์ชัยจำเลย ม.112 วิกลจริตไม่สามารถต่อสู้คดีได้

19 ต.ค. 2558 โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw)  รายงานว่า ศาลทหารนัดไต่สวนแพทย์ผู้ตรวจอาการของจำเลย ในประเด็นว่าจำเลยมีอาการวิกลจริตหรือไม่ และสามารถต่อสู้คดีได้หรือไม่ แพทย์ผู้ตรวจจำเลยจากสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ เบิกความว่า ประจักษ์ชัยมีอาการหลงผิดชัดเจน มีความเชื่อที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เรียบเรียงความคิดไม่ต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นโรคจิตเภท

เมื่อศาลถามว่า โรคนี้สามารถรักษาหายขาดได้หรือไม่ แพทย์อธิบายว่า อาการทางจิตเรื้อรังนี้อาจรักษาให้ดีขึ้นได้แต่ต้องกินยาอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยต้องใช้เวลาหลักเดือน ซึ่งปัจจุบันจำเลยได้รับยาต้านโรคจิตไปกิน จำเลยมีอาการป่วยทางกายร่วมด้วยจึงลำบากเรื่องการให้ยา เพราะยาจิตเวชส่วนใหญ่มีผลไปทำลายตับ

หลังฟังความเห็นของแพทย์ ศาลวินิจฉัยว่า จำเลยมีอาการวิกลจริตจริงและไม่สามารถต่อสู้คดีได้ จึงให้งดการพิจารณาคดีไว้และให้จำหน่ายคดีชั่วคราว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 14 แต่ศาลไม่สั่งปล่อยตัวจำเลย ทนายความจึงยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายปล่อยตัวจำเลยด้วย

16 ต.ค. 2558 ช่วงเช้า ทนายยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ส่งตัวจำเลยไปอยู่ในความดูแลของญาติแทนการคุมขังอยู่ในเรือนจำ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 14 วรรค 2

ในการไต่สวน ศาลถามว่า ศาลให้นำผู้ที่จะเป็นผู้ดูแลจำเลยมาไต่สวน โดยทั้งแม่และน้องสาวซึ่งเป็นผู้ดูแลจำเลยต่างยืนยันว่าพร้อมจะรับดูแลจำเลยและสามารถพาจำเลยไปรักษาได้ทั้งโรคตับและโรคจิต ศาลชี้แจงว่า ในคดีนี้ศาลสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราวไม่ใช่จำหน่ายคดีถาวร ศาลจึงยังมีอำนาจควบคุมตัวจำเลยอยู่ แต่จะให้น้องสาวเป็นผู้ดูแล เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง จึงต้องการหลักประกันในการปล่อยตัวจำเลย ศาลไม่สั่งปล่อยตัวแต่ขอให้ฝ่ายจำเลยยื่นขอประกันตัวเข้ามา

ในช่วงบ่าย ทนายจำเลยยื่นขอประกันตัวด้วยหลักทรัพย์เป็นสลากออมสินมูลค่า 100,000 บาท พร้อมคำร้องประกอบการขอประกันตัวระบุถึงอาการป่วยโรคตับและอาการป่วยทางจิตของจำเลย ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว

ช่วงเช้าของวันที่ 17 ต.ค. 2558 ประจักษ์ชัยได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษธนบุรี และน้องสาวรับตัวไปอยู่ในความดูแล

ข้อมูลคดีประจักษ์ชัย โดย iLaw :

19 ก.พ. 2558 ประจักษ์ชัยไปยื่นคำร้องให้ถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญที่ทำเนียบรัฐบาล ข้อความที่เขาเขียนในคำร้องยาวสองบรรทัดเป็นเหตุให้เขาถูกจับกุมตัวในช่วงค่ำ และถูกตั้งข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามมาตรา 112 และฝากขังที่ศาลทหารกรุงเทพเป็นครั้งแรกในวันที่ 22 ก.พ. 2558

ประจักษ์ชัยก่อนถูกจับอายุ 41 ปี เป็นชาวจังหวัดศรีสะเกษ เข้ามาทำงานเป็นช่างขัดอลูมิเนียมที่จังหวัดสมุทรปราการ จากคำบอกเล่าของประจักษ์ชัย เขาเดินทางไปยื่นคำร้องที่ทำเนียบรัฐบาลในลักษณะนี้แล้วมากกว่า 20 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2535 แต่รปภ.ของทำเนียบรัฐบาลไม่เคยให้เข้าไปข้างใน เขาเคยถูกจับครั้งหนึ่งแต่ตำรวจตัดสินใจปล่อยตัวไป และในปี 2558 เขาถูกจับเป็นครั้งที่สอง ซึ่งตอนแรกเขาถูกปล่อยตัวให้กลับบ้านได้ แต่ตำรวจเปลี่ยนใจกลับไปตามจับตัวเขามาดำเนินคดี

จากคำบอกเล่าของญาติ ประจักษ์ชัยมีประวัติอาการทางจิตมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น เมื่ออายุ 16-17 ปีเขาเคยมีอาการคลุ้มคลั่ง แต่ทางบ้านฐานะไม่ดีเขาจึงไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง แม้ประจักษ์ชัยใช้ชีวิตตามปกติและดูแลตัวเองได้ แต่จะเป็นคนเข้าสังคมไม่ได้ มีอาการเหม่อลอย และมีวิธีคิดทางการเมืองเป็นของตัวเองที่คุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง

ประจักษ์ชัยได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษธนบุรี ในช่วงเช้าของวันที่ 17 ต.ค. 2558 รวมแล้วประจักษ์ชัยถูกคุมขังเป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 241 วัน

อ่านรายละเอียดคดีประจักษ์ชัยทั้งหมด --> http://freedom.ilaw.or.th/case/666

อ่านเรื่อง หลังลูกกรงมี ‘คนบ้า’ เมื่อ ‘คนไม่บ้า’ เดินหน้า ‘กระบวนการยุติธรรม’ http://freedom.ilaw.or.th/blog/112psychopathyCase

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท