ทหารรักษาพระองค์สวนสนามเทิดพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัวฯ เฉลิมพระชนมพรรษา 88 พรรษา

ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประธานพิธีเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของทหารรักษาพระองค์ ประจำปี 2558 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 88 พรรษา ขบวนเดินแถวทหารรักษาพระองค์ 12 กองพัน 2,199 นาย ปฏิบัติท่าเคารพ "แลซ้าย" ขณะผ่านพระที่นั่งไชยชุมพล พระบรมมหาราชวัง

กองพันสวนสนามที่ 1 นำโดย พ.ท.ปกรณ์กิตติ์ คงประดิษฐ์ธร ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ปฏิบัติท่าเคารพ "แลซ้าย" ขณะผ่านพระที่นั่งไชยชุมพล โดยในพระที่นั่งมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทั้งนี้พิธีเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของทหารรักษาพระองค์ ประจำปี 2558 จัดขึ้นที่ท้องสนามหลวง เมื่อ 3 ธ.ค. 2558 (ที่มาของภาพ: โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย)

พล.อ.สมหมาย เกาฎีระ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้กล่าวคำถวายพระพร และนำทหารกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณตน ด้านหลังคือ (จากซ้ายไปขวา) พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม, พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก, พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ไม่อยู่ในภาพ) (ที่มาของภาพ: โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย)

ทหารรักษาพระองค์ 3 เหล่าทัพ 12 กองพัน และ 1 กองพันทหารม้า ร่วมในพิธีเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดบกำลังพลหันหน้าไปทางพระบรมมหาราชวัง เบื้องหน้าเป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ (ที่มาของภาพ: โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย)

3 ธ.ค. 2558 - พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานพิธีเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของทหารรักษาพระองค์ ประจำปี 2558 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยสำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ รายงานว่า มีนายทหารระดับสูงเข้าร่วมทั้ง พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และนายทหารระดับสูง เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง

โดยในพิธีมีการแสดงของวงดุริยางค์กองทัพไทย ซึ่งได้อัญเชิญเพลงพระราชนิพนธ์มาบรรเลง รวมทั้งการแปรขบวนของนักดนตรี จำนวน 109 คน การแสดงความสามารถของกองพันทหารม้า และม้าประกอบดนตรี จากนั้น ขบวนเดินแถวของหน่วยทหารรักษาพระองค์ 12 กองพัน จำนวน 2,199 นาย พร้อมด้วย 1 กองพันทหารม้ารักษาพระองค์ เริ่มต้นเดินขบวนจากบริเวณหน้าหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) เข้าสู่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยในระหว่างการเดินสวนสนาม กำลังพลได้ปฏิบัติท่าเคารพ "แลซ้าย" ขณะผ่านพระที่นั่งไชยชุมพล ซึ่งเป็นพระที่นั่งที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จประทับ เพื่อใช้ทอดพระเนตรตรวจตราการฝึกทหาร

หลังจากพิธีสวนสนาม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้นำกล่าวถวายราชสดุดี และกล่าวนำถวายสัตย์ปฏิญาณตนหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยกำลังพลหันหน้าไปทางพระบรมมหาราชวัง

สำหรับการจัดพิธีเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ในปีนี้ มีรูปแบบเช่นเดียวกับปี 2557 ที่มีขั้นตอนการปฏิบัติจัดกำลังเหมือนเช่น พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ในทุกๆ ปีที่ผ่านมา แต่รูปแบบของปี 2557 และ 2558 เป็นการกล่าวนำสดุดีและถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยการจัดตั้งเวทีที่ท้องสนามหลวง มีพระบรมมหาราชวังเป็นฉากหลัง (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

โดยที่พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์จัดขึ้นครั้งแรกในรัชกาลปัจจุบัน เมื่อปี พ.ศ. 2496 สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี และเริ่มจัดพิธีนี้อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ พ.ศ. 2504 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องในวโรกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จนถึงปัจจุบัน โดยกำหนดให้ใช้ลานพระราชวังดุสิต บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เป็นสถานที่ปฏิญาณตนและสวนสนาม

อย่างไรก็ตาม ในสารานุกรมวิกิพีเดีย รายงานว่า นับตั้งแต่ปี 2553 มีการปรับเปลี่ยนสถานที่และขั้นตอนของพิธี โดยในปี พ.ศ. 2553 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พร้อมทั้งนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ ท้องพระโรง พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน ส่วนทหารรักษาพระองค์ จำนวน 4 กรม รวม 13 กองพัน เคลื่อนกระบวนจากศาลาว่าการกลาโหม เข้าสู่ประตูวิเศษไชยศรี มาตั้งแถวเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท บนสนามหน้าศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตน โดยงดพิธีสวนสนาม และประกอบพิธีร่วมกับการเสด็จออกมหาสมาคม เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม

ในปี พ.ศ. 2554 ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พร้อมทั้งนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ มุขเด็จ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ส่วนทหารรักษาพระองค์ ประกอบด้วย กองบังคับการกรมผสมจำนวน 18 นาย หมู่เชิญธงชัยเฉลิมพลจำนวน 48 กองพัน กองทหารเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ จำนวน 468 นาย เคลื่อนกระบวนจากศาลาว่าการกลาโหม เข้าสู่ประตูวิเศษไชยศรี ประตูพิมานไชยศรี ตั้งแถวเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ที่บริเวณสนามหน้ามุขเด็จ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล และถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์ ในพระราชพิธีเสด็จออกมหาสมาคมรับการถวายพระพรชัยมงคล โดยงดการสวนสนามและประกอบพิธีร่วมกับการเสด็จออกมหาสมาคม

ในปี พ.ศ. 2555 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พร้อมทั้งนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และทหารรักษาพระองค์ ประกอบด้วย ทหารบก 8 กองพัน ทหารเรือ 2 กองพัน ทหารอากาศ 2 กองพัน และกำลังทหารม้ารักษาพระองค์ 1 กองพัน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม โดยเหล่าทหารรักษาพระองค์ทั้ง 12 กองพัน และทหารม้ารักษาพระองค์ 1 กองพัน เคลื่อนพลสวนสนามจากสวนอัมพรมายังสนามหญ้าหน้าพระที่นั่ง เพื่อกระทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนร่วมกับการถวายพระพรชัยมงคลของพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการพลเรือน

ในปี พ.ศ. 2556 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พร้อมทั้งนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ ศาลาราชประชาสมาคม วังไกลกังวล จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยเหล่าทหารรักษาพระองค์ทั้ง 12 กองพัน ซึ่งจะปรับกองกำลังในแถวลดลงเหลือ 1 กองร้อย เคลื่อนพลสวนสนามจากถนนเพชรเกษมมายัง วังไกลกังวล เพื่อกระทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนร่วมกับการถวายพระพรชัยมงคลของพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการพลเรือน

ก่อนหน้านี้ในปี พ.ศ. 2551 ได้มีการปรับขบวนทหารกองพันสวนสนามที่ 1 - 12 ในเวลาสวนสนามหน้าพระที่นั่งเป็น 2 แถวสวนสนามพร้อมกัน เพื่อกระชับเวลาของพิธีให้สั้นลง อันเป็นการลดพระราชภาระของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และในปี พ.ศ. 2552 สำนักราชเลขาธิการได้ประกาศเลื่อนพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนฯ ออกไปจากกำหนดเดิม คือวันที่ 2 ธันวาคม เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปประทับที่โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท