Skip to main content
sharethis

เปลี่ยนจากการแต่งตั้ง ผบ.ตร. จากเดิมให้นายกฯคัดเลือกเพื่อเสนอ ก.ต.ช. เป็นให้ ผบ.ตร. คัดเลือกรายชื่อจากตําแหน่งจเรตํารวจฯหรือรอง ผบ.ตร. แล้วเสนอ ก.ต.ช. เป็นต้น

4 ธ.ค. 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 44/2558 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตํารวจ โดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.เป็นผู้ลงนาม สั่ง ณ วันที่ 4 ธ.ค. 2558

คำสั่งหัวหน้า คสช. ระบุว่า เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตํารวจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเกิดความเป็นธรรม อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปในด้านการบริหารราชการแผ่นดินและกระบวนการยุติธรรมอาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว)พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ให้ยกเลิกความในมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติตํารวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

“มาตรา 32 เพื่อรักษาความเที่ยงธรรมในการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตํารวจ ให้ ก.ตร.ออกกฎ ก.ตร. กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตํารวจไว้ให้ชัดเจนแน่นอนกฎ ก.ตร. ดังกล่าวให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป”

ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในมาตรา 53 และมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติตํารวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 88/2557 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยตํารวจแห่งชาติ ลงวันที่ 10 กรกฎาคม พุทธศักราช 2557 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

“มาตรา 53 การแต่งตั้งข้าราชการตํารวจให้ดํารงตําแหน่งตามมาตรา 44 (1) (2) (3) (4) (5) และ (6) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

(1) การแต่งตั้งข้าราชการตํารวจให้ดํารงตําแหน่งตามมาตรา 44 (1) ให้ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติคัดเลือกรายชื่อข้าราชการตํารวจที่ดํารงตําแหน่งจเรตํารวจแห่งชาติหรือรองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติแล้วเสนอ ก.ต.ช. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แล้วให้นายกรัฐมนตรีนําความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง

(2) การแต่งตั้งข้าราชการตํารวจให้ดํารงตําแหน่งตามมาตรา 44 (2) (3) (4) (5) และ (6)ให้ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติคัดเลือกรายชื่อข้าราชการตํารวจเสนอ ก.ตร. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนแล้วให้นายกรัฐมนตรีนําความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง

มาตรา 54 การแต่งตั้งข้าราชการตํารวจให้ดํารงตําแหน่งตั้งแต่มาตรา 44 (7) ลงมาในสํานักงานผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ ให้ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติเป็นผู้สั่งแต่งตั้ง ส่วนในกองบัญชาการที่มิได้สังกัดสํานักงานผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ ให้ผู้บัญชาการเป็นผู้สั่งแต่งตั้ง

ในกรณีที่เป็นการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจให้ดํารงตําแหน่งจากส่วนราชการหนึ่งไปอีกส่วนราชการหนึ่ง ให้หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทําความตกลงกัน แล้วให้ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติหรือผู้บัญชาการที่ประสงค์จะแต่งตั้งเป็นผู้สั่งแต่งตั้ง”

ข้อ 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 56 แห่งพระราชบัญญัติตํารวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

“มาตรา 56 ในกรณีที่ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติเห็นว่าการใช้อํานาจในการแต่งตั้งของผู้บัญชาการไม่เป็นธรรม หรือมีกรณีไม่ชอบด้วยหลักเกณฑ์หรือวิธีการที่ ก.ตร. กําหนดตามมาตรา 57หรือมีเหตุผลความจําเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ข้าราชการตํารวจซึ่งดํารงตําแหน่งตั้งแต่มาตรา 44 (7) ลงมาพ้นจากพื้นที่หรือหน้าที่ หรือเห็นว่าหากดํารงตําแหน่งเดิมต่อไปจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการหรือมีเหตุพิเศษตามที่ ก.ตร. กําหนด ให้ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติมีอํานาจสั่งแต่งตั้งข้าราชการตํารวจให้ดํารงตําแหน่งตามมาตรา 44 (7) ลงมา ได้ตามควรแก่กรณี”

ข้อ 4 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 105/1 ของหมวด 8 การอุทธรณ์ แห่งพระราชบัญญัติตํารวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547

“มาตรา 105/1 ในกรณีที่ศาลปกครองมีคําพิพากษาถึงที่สุดสั่งเพิกถอนหรือแก้ไขคําสั่งในเรื่องใด ให้เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาผู้มีอํานาจ ก.ตร. หรือ ก.ต.ช. แล้วแต่กรณี ในการสั่งการตามสมควรเพื่อเยียวยาและแก้ไขหรือดําเนินการตามที่เห็นสมควร”

ข้อ 5 ให้ ก.ตร. ดําเนินการออกกฎ ก.ตร. เพื่อปฏิบัติตามคําสั่งนี้ ให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่คําสั่งนี้ใช้บังคับ

ข้อ 6 ในระหว่างที่ยังมิได้มีการออกกฎ ก.ตร. ตามข้อ 5 ให้นํากฎ ก.ตร. ประกาศ มติหรือกรณีที่กําหนดไว้แล้วในส่วนที่เกี่ยวข้องซึ่งใช้อยู่เดิมมาใช้บังคับโดยอนุโลมเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติตํารวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคําสั่งนี้ จนกว่าจะมีกฎ ก.ตร. ตามข้อ 5 ขึ้นใช้บังคับ

ข้อ 7 คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

 

สำหรับมาตรา มาตรา 32 เดิมนั้น ระบุว่า เพื่อรักษาความเที่ยงธรรมในการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ให้ ก.ตร. ออกกฎ ก.ตร. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจไว้ให้ชัดเจนแน่นอน กฎ ก.ตร. ดังกล่าวให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา 53 เดิมนั้นระบุว่า การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตาม มาตรา 44 (1) (2) (3) และ (4) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้

(1) การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตาม มาตรา 44 (1) ให้นายกรัฐมนตรีคัดเลือกรายชื่อข้าราชการตำรวจ แล้วเสนอ ก.ต.ช. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง

(2) การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตาม มาตรา 44 (2) (3) และ (4) ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคัดเลือกรายชื่อข้าราชการตำรวจเสนอ ก.ตร. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนแล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง

สำหรับ มาตรา 44 ตำแหน่งข้าราชการตำรวจมี ดังต่อไปนี้

(1) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

(2) จเรตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

(3) ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

(4) ผู้บัญชาการ

(5) รองผู้บัญชาการ

(6) ผู้บังคับการ และพนักงานสอบสวนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net