Skip to main content
sharethis
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศนใจอียูเข้าใจถึงความตั้งใจการแก้ปัญหาค้ามนุษย์ของไทย ด้าน 'พล.ต.สรรเสริญ' เผยสื่อต่างประเทศเสนอข่าวแรงงานทาสในไทยบิดเบือน สร้างความเสียหายต่อประเทศ ยันนายกฯ ให้ความสำคัญการแก้ปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย-ประมงผิดกฎหมาย ย้ำจัดการเด็ดขาดกับผู้กระทำผิดทั้งกระบวนการ เตรียมชี้แจงข้อเท็จจริง 21 ธ.ค.นี้
 
20 ธ.ค. 2558 สำนักข่าวไทยรายงานว่านายเสข วรรณเมธี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กรณีสหภาพยุโรป (อียู) เตือนไทยให้เร่งแก้ไขปัญหาแรงงานทาสในอุตสาหกรรมอาหารทะเลอย่างจริงจังว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาไทยทำงานร่วมกับอียูอย่างใกล้ชิดในการแก้ปัญหาการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (ไอยูยู) ทั้งนี้ อียูทราบดีว่ารัฐบาลไทยมีนโยบายต่อต้านการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง และรับทราบถึงผลการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมของไทยในเรื่องดังกล่าว ขณะที่หน่วยงานต่างๆ กำลังเร่งตรวจสอบการค้ามนุษย์และการใช้แรงงานผิดกฎหมายในเรือประมงและโรงงานแปรรูปสัตว์น้ำอย่างเข้มข้น รวมทั้งเร่งรัดการดำเนินคดีเพื่อให้ลงโทษผู้กระทำผิดได้โดยเร็ว จึงทำให้มีผลที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นในการบังคับใช้กฎหมายและการดำเนินคดีในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งได้จับกุมและดำเนินคดีผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ในภาคประมงไปแล้วหลายราย
 
“เดือนมกราคมนี้อียูจะนำคณะมาเยือนไทยอีกครั้ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการหารือและความร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ระหว่างไทยและอียูเพื่อแก้ปัญหาไอยูยู และพัฒนาระบบการบริหารจัดการประมงของไทย โดยจะหารือกันถึงความคืบหน้าล่าสุดและแผนการดำเนินการขั้นต่อไป เพื่อแก้ปัญหาและสร้างความยั่งยืนให้ทรัพยากรประมง ซึ่งความร่วมมือที่ใกล้ชิดและเป็นประโยชน์นี้จะช่วยให้การปฏิรูปภาคประมงประสบผลสำเร็จ ประเด็นค้ามนุษย์ในอุตสาหกรรมประมงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อียูให้ความสำคัญ การเดินทางเยือนไทยของอียูคราวนี้ก็จะเป็นโอกาสดีที่ไทยจะได้ชี้แจงความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาทั้งในด้านการปราบปรามและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ตลอดจนการปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวเพื่อให้แรงงานภาคประมงเข้ามาอยู่ในระบบและได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายด้วย” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว
 
เมื่อถามถึงความคืบหน้าของการพิจารณาต่ออายุใบเหลืองให้กับไทย นายเสขกล่าวว่า ไทยยังไม่ได้รับแจ้งว่าอียูจะตัดสินใจเรื่องดังกล่าวเมื่อใด แต่อียูยินดีที่ไทยมีความมุ่งมั่น จริงจัง และมีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาในทิศทางที่ถูกต้อง ทั้งนี้ ไม่ว่าอียูจะตัดสินอย่างไรไม่สำคัญเท่ากับการที่ทุกภาคของไทย ช่วยเร่งทำงานเพื่อแก้ปัญหาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการประมงที่ยั่งยืนและได้มาตรฐานสากล ซึ่งถือว่ามีความสำคัญสูงสุดเพราะขณะนี้เรากำลังดำเนินการต่างๆ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศไทยเอง
 
เตรียมชี้แจงกรณีสื่อต่างประเทศเสนอข่าวแรงงานทาสในไทย 21 ธ.ค.นี้
 
เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2558 ที่ผ่านมา สำนักข่าวไทยรายงานว่าพล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเอาจริงเอาจังในการจัดระเบียบและปราบปรามแรงงานผิดกฎหมายและการใช้แรงงานทาส โดยเฉพาะในภาคที่เกี่ยวกับสินค้าประมง ซึ่งที่ผ่านมามีสื่อมวลชนให้ความสนใจนำเสนอข่าวการปราบปรามการกระทำผิดต่อแรงงานอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การกระทำผิดต่อแรงงานไทยและต่างด้าวลดลงอย่างเห็นได้ชัด สามารถกล่าวได้ว่าเป็นบทบาทที่น่าชื่นชม เป็นการแสดงออกทางจรรยาบรรณที่รับผิดชอบต่อสังคม
 
“เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2558 สำนักข่าวต่างประเทศรายหนึ่งได้ร่วมกับชุดตรวจโรงงานที่ จ.สมุทรสาคร และนำเสนอผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ไทยโดยมีนัยที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่ามีแรงงานทาสจำนวนมากในประเทศไทย และเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการใด ๆ ยิ่งก่อให้เกิดความเข้าใจผิดอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ยังพยายามสร้างกระแสต่อต้านสินค้าประมงจากไทย โดยเฉพาะกุ้งแช่แข็งว่าถูกแกะเปลือกโดยทาส ซึ่งเป็นการนำเสนอด้านเดียว และขาดความรับผิดชอบอย่างรุนแรง จนสร้างภาพลบต่อประเทศไทย รัฐบาลขอเรียกร้องความเข้าใจและเห็นใจจากทุกภาคส่วนต่อกรณีการนำเสนอข่าวนี้ โดยการตรวจพบการกระทำผิดมิได้หมายความว่าไทยสนับสนุนให้ใช้แรงงานทาส แต่ในทางตรงข้าม เรากำลังดำเนินการกับแรงงานผิดกฎหมาย และสร้างความเป็นธรรมให้แก่แรงงานทุกคนที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
 
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย โดยให้จัดการอย่างเด็ดขาดต่อผู้กระทำผิดทั้งกระบวนการ ตั้งแต่ผู้ประกอบการ แรงงาน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อขุดรากถอนโคนปัญหาให้สิ้นซาก
 
“เพื่อสร้างความกระจ่างให้แก่สังคม ทีมขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาการทำประมงฯ ภายใต้การควบคุมของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อาทิ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร กระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศ จะชี้แจงข้อเท็จจริงต่อกรณีการนำเสนอข่าวของสื่อต่างประเทศ ในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ เวลา 10.00 น. ณ ศูนยแถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล”

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net