ข้าหลวงใหญ่สิทธิฯ ยูเอ็นกระตุ้นประเทศไทยให้สืบสวนอย่างรอบด้านในเรื่องการบังคับบุคคลสูญหาย พร้อมกำหนดการบังคับสูญหายเป็นความผิดอาญา
6 ม.ค. 2559 หลังศาลฎีกาของไทยพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ยกฟ้องจำเลยคดีการหายตัวไปของ สมชาย นีละไพจิตร ทนายสิทธิมนุษยชน และยกคำร้องของเป็นโจทก์ร่วมของครอบครัวนีละไพจิตร เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2558
ซาอิด ราอัด อัล-ฮุสเซน (Zeid Ra'ad al-Hussein) ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ แถลงเมื่อวันพุธที่ผ่านมาที่กรุงเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ กระตุ้นรัฐบาลไทยทำการสืบสวนด้วยความเด็ดขาดและใช้ความพยายามอย่างต่อเนื่องในคดีที่เกี่ยวข้องกับการบังคับให้สูญหายไปของบุคคลอย่างน้อย 82 ราย ซึ่งรวมไปถึงการหายตัวไปของทนาย สมชาย นีละไพจิตรเมื่อ 12 ปีที่แล้ว รวมถึงเรียกร้องให้ รัฐบาลไทยกำหนดให้การบังคับบุคคลสูญหายเป็นความผิดทางอาญาภายใต้ประมวลกฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทย และโดยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลด้วย
"ครอบครัวของผู้ที่หายตัวไปมีสิทธิที่จะรู้ความจริงเกี่ยวกับการหายตัวไปของญาติของพวกเขา ซึ่งรวมถึงความคืบหน้าและผลใดๆ ของการสืบสวนด้วย" เขากล่าวและว่า บทบาทของตุลาการไม่ใช่เพียงแต่ตีความกฎหมายและกระบวนการ แต่ต้องให้การปกป้องคุ้มครองสิทธิของพลเมือง ศาลฎีกาของไทยพลาดโอกาสในการปกป้องสิทธิของเหยื่อที่จะเข้าถึงความจริง ความยุติธรรม และการชดเชย จากการถูกบังคับให้สูญหายโดยไม่สมัครใจ
เรียบเรียงจาก
http://www.ohchr.org/EN/NewsEvents/Pages/DisplayNews.aspx?NewsID=16924&LangID=E