12 ม.ค. 2559  รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า เมื่อเวลา 14.50 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ  พล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุมฯ ถึงเรื่องที่นายกรัฐมนตรีปรารภและสั่งการต่อที่ประชุมฯ โดยเฉพาะการกำหนดแนวทางการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับโครงการต่าง ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของประชารัฐ รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัลนั้น จะต้องมีการสร้างความเข้าใจและการรับรู้พื้นฐานให้กับประชาชนล่วงหน้าก่อนที่จะดำเนินการโครงการต่าง ๆ เพื่อป้องกันผู้ที่จะสื่อความหมายไปในทิศทางที่คลาดเคลื่อนหรือผิดจากนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดไว้ โดยจะมีคณะทำงานของโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย พ.อ.อภิสิทธิ์ ไชยนุวัติ และ พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์เข้ามาร่วมในการที่จะทำความเข้าใจและสร้างการรับรู้เกี่ยวกับโครงการต่าง ๆ ตามนโยบายรัฐบาลที่ดำเนินการไปแล้วและที่กำลังจะดำเนินการในอนาคตให้ประชาชนได้รับทราบอีกทางหนึ่ง

สำหรับเรื่องการขับเคลื่อนประชารัฐ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่าจะต้องให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการคิดเป็นหลัก ขณะที่รัฐบาลส่งเสริมสนับสนุนให้แนวความคิดของภาคประชาชนเกิดผลเป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับความต้องการของภาคประชาชนอย่างแท้จริง รวมทั้งส่งเสริมเงินทุนให้กับประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้โดยง่าย และให้ภาคเอกชนที่มีความสามารถเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินการด้วย  อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนที่เข้ามาช่วยในการดำเนินการเรื่องดังกล่าวนั้น เป็นการเข้ามาเพื่อที่จะช่วยงานรัฐบาลอย่างแท้จริง เพื่อให้ประเทศสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ ยืนยันรัฐบาลไม่ได้โอบอุ้มนายทุนอย่างที่มีกระแสข่าวแต่อย่างใด

พร้อมทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมกันจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2559 เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเหมาะสมทำให้เด็กเยาวชนและผู้ปกครองมีความสุข รวมทั้งเน้นย้ำเรื่องการสร้างจิตสำนึกให้กับเด็กและเยาวชนรุ่นใหม่รู้จักเคารพกฎหมาย มีคุณธรรม จริยธรรม เพื่อให้เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการที่จะส่งต่อถึงพ่อแม่และผู้ปกครองได้ด้วย ขณะเดียวกันในส่วนของเด็กและเยาวชนที่มีศักยภาพและความสามารถสูงในด้านต่าง ๆ ทั้งในด้านภาษาต่างประเทศ หรือด้านอื่น ๆ นั้น ขอให้นำเด็กและเยาวชนเหล่านี้ไปเป็นแบบอย่างให้กับเด็กและเยาวชนอื่น ๆ ของประเทศในการที่จะสร้างเสริมบุคลิกลักษณะให้เป็นคนที่มีความกล้าแสดงออกและมีความคิดริเริ่มแบบใหม่ ๆ

เร่งสร้างความเข้มแข็งจากภายในเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า ผลการประชุมฯ เรื่องที่นายกรัฐมนตรีปรารภและสั่งการต่อที่ประชุมฯ เกี่ยวกับเรื่องการสร้างความเข้มแข็งจากภายในประเทศซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้นายสมคิด  จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้นำไปขับเคลื่อนนั้น รองนายกรัฐมนตรี ได้รายงานที่ประชุมว่าจะมีผลอย่างเป็นรูปธรรมใน 4 ด้าน ในเร็วนี้ 1) การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในชนบท เช่น ลานตากวัตถุดิบต่าง ๆ ของภาคการเกษตร ยุ้งฉาง จะมีการขับเคลื่อนประชารัฐโดยนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 2) จะมีการสร้าง “1 ตำบล 1 SME” อย่างครบวงจร โดยจะหามาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการเทคโนโลยีใหม่ (Tech Startup) เพื่อจะเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ขยายธุรกิจและตลาดใหม่ ขณะเดียวกันรัฐบาลจะสร้างการตื่นตัวครั้งใหญ่ในเรื่องของ Thailand Startup โดยดำเนินการร่วมกับทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตร ภาคเทคโนโลยี ภาคธุรกิจบริการ เพื่อให้เจ้าของธุรกิจที่ใช้นวัตกรรมตั้งแต่ระดับขนาดเล็ก ขนาดกลาง ถึงระดับขนาดใหญ่สามารถเติบโตและเกิดการจ้างงาน สร้างรายได้และจำหน่ายสินค้าและบริการซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ของตลาดได้ด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลจะสนับสนุนการจัดตั้ง National Startup Center เชื่อมโยงบัญชีนวัตกรรมที่มีอยู่ในแต่ละกระทรวงและจดทะเบียน Startup ทั้งหมด ส่งเสริมให้ Startup เหล่านี้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ทั้งจากธนาคารของรัฐและเอกชน รวมถึงมีกองทุนร่วมลงทุนให้เกิดความเข้มแข็ง 3) อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จะมีการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในระดับท้องถิ่น ระดับตำบล และระดับหมู่บ้าน โดยกระทรวงการคลังและ BOI กำลังหามาตรการที่จะเป็นสิ่งจูงใจให้มีการลงทุนเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในระดับท้องถิ่น และ4) การสร้างตลาดกลางสินค้าเกษตร เพื่อรองรับสิ่งต่าง ๆ ที่รัฐบาลได้ผลักดันคาดจะเห็นผลเกิดเป็นรูปธรรมในเร็ว ๆ นี้