Skip to main content
sharethis

<--break- />

ประชาไทสัมภาษณ์ ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด บัณฑิตใหม่หมาดผู้เป็นสมาชิกของขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (NDM) เธอเคยติดคุกมาแล้วรอบหนึ่งพร้อมกับเพื่อน NDM รวม 14 คน จากการทำกิจกรรมต่อต้านคสช.ที่หน้าหอศิลป์ ในวันนี้เธอตกเป็นผู้ต้องหาถูกออกหมายจับอีกครั้ง จากการร่วมกิจกรรม “นั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง” เธอเป็นหนึ่งในผู้ที่เตรียมจะแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้ (16 ม.ค.) อีก 5 คน ทั้งหมดมีความเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะถูกจับกุมตามหมายจับ (อ่านข่าวที่นี่

ระหว่างการพูดคุยลูกเกดให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น อธิบายวัตถุประสงค์ของการไม่ยอมรับทราบข้อกล่าวหา รวมถึงการจัดแถลงข่าวทั้งที่ทราบว่ามีความเสี่ยงสูงยิ่งที่จะถูกจับกุม-ติดคุกอีกครั้งเนื่องจากมีหมายจับเรียบร้อยแล้ว มีเพียงการสนทนาบางช่วงที่เล่าถึงประสบการณ์การติดคุกครั้งก่อนเท่านั้นที่น้ำเสียงของเธอสั่นเครือด้วยความความสะเทือนใจ


แฟ้มภาพ : ชลธิชา แจ้งเร็ว (ซ้ายมือ)

“คดีนี้ค่อนข้างเป็นที่น่ากังวล เราเองพยายามจะไม่ประมาทกับคดีนี้ พวกเรามีการประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา ประเมินท่าทีเจ้าหน้าที่ มีการคุยกันตลอดว่าจะถูกคุมตัวหรือแขวนคดี ยอมรับว่าการประเมินของเราตอนแรกๆ คิดว่าคงจะแขวนคดี แต่สถานการณ์ปัจจุบันเขาเดินเกมรุกอย่างหนัก คุกคามครอบครัวพวกเราหลายคน การประกาศของเจ้าหน้าที่ด้วย เราจึงคิดว่าคดีนี้มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่เราจะถูกควบคุมตัวแล้วก็ฝากขัง”

“ในช่วงแรกที่พวกเรารู้เรื่องหมายจับ มันไม่ผิดไปจากสิ่งที่เราคาดหมาย เราก็คุยกันว่าจะรับมือสถานการณ์ยังไง พอหมายจับออก อย่างแรกกระแสสังคมโจมตีว่าพวกเราหลบหนี บางส่วนก็ว่าเป็นเด็กดื้อเป็นตัวสร้างปัญหาสังคม รวมถึงการใส่ร้ายที่มีเป็นระลอก แต่เราก็ยังยืนยันไม่รับทราบข้อกล่าวหา ยืนยันเหมือนตอน 14 คน (กรณี NDM) ไม่ยอมรับกระบวนการของศาลทหาร คู่กรณีของเราคือทหาร แต่คนกลางที่เอามาใช้ตัดสินยุติปัญหาความขัดแย้งกับ คสช.คือฝ่ายเขา เรารู้สึกกระบวนการตรงนี้ไม่แฟร์ อีกอย่างเราทุกคนเป็นประชาชนควรจะมีสิทธิในการตรวจสอบด้วย เรายืนยันว่าสิ่งที่เราทำไม่ใช่ความผิด สิ่งที่เราได้รับไม่ยุติธรรมเลย”

“พรุ่งนี้พวกเราพร้อมเรื่องความเสี่ยงที่จะถูกควบคุมตัว เราคุยกันห้าคน ติดต่อธเนตรไม่ได้ เราคุยกันแล้วว่าถ้าควบคุมตัวพร้อมกันหรือแยก ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เราจะไม่ประกันตัว จะขอสู้ เพื่อแสดงให้สังคมรับรู้ถึงที่สุดว่า ต่อให้มีอีกคดี ติดคุกอีกกี่รอบ ก็จะยืนยันเหมือนเดิม เพื่อบอกกับ คสช.และสังคมว่าสิ่งที่เราทำไม่ใช่ความผิด ประชาชนควรมีสิทธิมีเสียงกำหนดทิศทางในประเทศของตัวเอง พรุ่งนี้เราจึงจะไปแสดงหยุดยืนไม่หลบหนี ไปบอกเหตุผลว่าที่ไม่รับทราบข้อหาคืออะไร และเรายังเรียกร้องให้ตรวจสอบคอร์รัปชั่นให้ถึงที่สุด”

“เขาขึ้นมาเป็นใหญ่ในประเทศแล้วไม่มีใครเลยมาตรวจสอบสิ่งที่เขาทำ อย่างน้อยให้เราได้เป็นเหมือนฝ่ายค้าน ตรวจสอบสิ่งที่เขาทำบ้างก็โอเค”

“ณ ตอนนี้ทุกคนสะดวกใจที่จะแถลงข่าว พร้อมกับความเสี่ยง และกำลังใจ เรียกว่ายังไงดี มันเต็มร้อย เราอยากให้แสดงให้สังคมรับรู้ถึงความคิดความเชื่อของพวกเรา แต่เราไม่มีการบังคับกัน เพราะเรารู้ดีว่าแต่ละคนมีต้นทุน ภาระ ความเสี่ยงที่ไม่เท่ากัน ใครที่เปลี่ยนแปลงเราก็เข้าใจซึ่งกันและกัน”

“อย่างลูกเกด ยอมรับเลยว่าพร้อมระดับมากถึงมากที่สุด เพราะเริ่มหายห่วงที่บ้านบ้างแล้วเพราะเขามีกำลังใจดีขึ้นในการรับมือเรื่องหล่านี้ แม้ตอนนี้มีปัญหาหลายอย่างในครอบครัวก็ตาม”

“เรื่องติดคุก ยอมรับตรงๆ ว่า ทุกครั้งที่ตัวเกดรู้ว่าตัวเองมีหมายจับหรือมีโอกาสติดคุก ไม่มีครั้งไหนที่เกดรู้สึกชินในเรื่องเหล่านี้ มันไม่ใช่เรื่องที่เราจะทำความเข้าใจได้ในสังคมนี้ จะเข้าใจได้ยังไงว่าสิ่งที่เราทำเป็นความผิด เราเป็นแค่เด็กที่อยากเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีกว่านี้ เปลี่ยนแปลงสังคมให้เป็นไปตามความฝันของเรา ต้องการตรวจสอบคอร์รัปชั่น เกดไม่คิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความผิด พอมีคดีความเข้ามา ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทำใจยอมรับเรื่องเหล่านี้ได้เลย เกดใช้เวลานานมากในการหาคำตอบให้ตัวเองว่า สิบปียี่สิบปีข้างหน้าถ้ามองย้อนกลับมาเราจะบอกลูกหลานยังไงว่าสังคมแย่ขนาดไหน”

“ยอมรับเลยว่ากลัว ไม่มีใครอยากเข้าไปอยู่ในนั้น ยอมรับว่าช่วงเวลาที่เข้าไปอยู่ในนั้นเป็นช่วงที่แย่ที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต” (เสียงสั่นและสะอื้น-ผู้สื่อข่าว)

“ไม่ใช่แค่แย่ทางกายภาพ แต่จิตใจก็แย่มาก พอคุณออกมาจากคุก ด้านหนึ่งแม้จะมีผู้คนมากมายชื่นชมสิ่งที่เราทำ แต่คนอีกจำนวนมากที่มองเราในภาพลบ เป็นไอ้เด็กขี้คุก”

“คนเรียกร้องเสรีภาพ สิทธิมนุษยชนพื้นฐานที่ต้องเข้าไปอยู่ในนั้นมันสะท้อนให้เห็นว่าสังคมเรามันห่วยแตกขนาดไหน ยอมรับตรงๆ ว่ากลัว แต่สุดท้าย สิ่งที่มันน่ากลัวกว่าการเข้าไปอยู่ในนนั้น คือการที่ไม่ได้ทำตามสิ่งที่เราเชื่อ ดังนั้น ต่อให้มีคดีอีกกี่คดีก็จะยอมอยู่ข้างในนั้นและไม่ประกันตัวออกมา”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ช่วงที่ลูกเกดยังศึกษาในมหาวิทยาลัย เธอมีบทบาทในการคัดค้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับ ‘เหมาเข่ง-สุดซอย’ เป็นตัวหลักในการจัดกิจกรรมจุดเขียนเขียนสันติภาพ และเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง 2 ก.พ. และยังมีบทบาทช่วยเหลือนักโทษคดีการเมืองโดยเฉพาะส่วนที่เป็นนักศึกษาด้วย

ในด้านสุขภาพ ลูกเกดเป็นโรคเส้นประสาทด้านบนอักเสบ โดยเธอระบุว่าเริ่มเป็นมาตั้งแต่ถูกยื้อยุดฉุดกระชากในระหว่างการจับกุมในการประท้วงหน้าหอศิลป์ กรณีรำลึก 1 ปีรัฐประหาร ทำให้เกิดอาการชาที่ขาซ้ายเรื่อยมา เดินระยะไกลไม่ได้ และช่วงที่อาการหนักนั้นทำให้เดินไม่สะดวก ปัจจุบันเธออยู่ระหว่างการทำกายภาพบำบัดและยังคงมีอาการชาที่ขาซ้ายเป็นระยะ

ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกออกหมายจับจากทริปราชภักดิ์ (ข้อหาขัดคำสั่ง คสช.ชุมนุมเกิด 5 คน) มี 6 รายได้แก่ 1) สิริวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว อายุ 23 ปี 2) ชลธิชา แจ้งเร็ว อายุ 22 ปี 3) ชนกนันท์ รวมทรัพย์ อายุ 22 ปี 4) กรกช แสงเย็นพันธ์ 23 ปี 5) อภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธุ์ 29 ปี 6) ธเนตร อนันตวงษ์ อายุ 25 ปี

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net