Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis


#ใต้พรม
(บันทึกไว้ด้วยความรำลึกถึงอีกหนึ่งชีวิตที่เสียไปในวันที่สิบแปดมกรา)

สี่ปีก่อน แววเป็นโรคไขสันหลังอักเสบ 

ที่หลงเหลือถึงวันนี้คือขา 2 ข้างที่ขยับไม่ได้
ต้องไปไหนมาไหนด้วยรถเข็น
แววเป็นคนหนองบัวลำภู แต่งงานมีลูกตั้งแต่ยังสาว
ปีนี้แววอายุย่าง 38 แล้ว ลูกสาวคนเดียวกำลังเรียน ม.1

แววมาที่โรงพยาบาลนี้ครั้งแรกราวหนึ่งปีก่อน
เพราะมีคนแถวบ้านบอกว่าที่นี่มีตัดเหล็กดามขา ใส่แล้วจะฝึกเดินได้
ฉันยืนยันกับแววไปว่าทำได้ แต่ต้องมาโรงพยาบาลเพื่อฝึกเดิน
ถ้าเดินทางไม่สะดวกจะจองเตียงมานอนฝึกที่โรงพยาบาลก็ได้
อีกอย่างตลอด 4 ปีที่ผ่านมาแววไม่เคยถอดสายสวนปัสสาวะเลย
มีความเป็นไปได้สูงมากที่แววน่าจะปัสสาวะออกได้
หรือถึงไม่ออกก็สวนปัสสาวะเป็นครั้งๆ เองได้
โดยไม่จำเป็นต้องคาสายสวนให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
แต่แววควรมานอนโรงพยาบาลช่วงสั้นๆ
เพื่อตรวจเช็คไตและกระเพาะปัสสาวะและฝึกสวนฉี่เอง
ถ้ารวมๆ กับเวลาที่ควรมาฝึกเดิน ก็มาอยู่ซัก 1-2 สัปดาห์
แววตอบทันทีว่า
“หนูมาไม่ได้หรอกค่ะ ต้องดูลูก ปัสสาวะใส่สายไปก่อนก็ได้ไม่เป็นไร”
 

แม้ฉันจะนัดแววมาตรวจเพื่อรับยาลดเกร็ง แต่แววก็ไม่มาตามนัด
หลายเดือนผ่านไป เธอกลับมาอีกครั้ง
“หนูไม่มีค่ารถค่ะ”
“สามีเค้าไม่ยอมให้มาหาหมอเพราะเปลืองเงิน”
“นี่หนูรับจ้างรีดผ้าเก็บเงินเอง ได้วันละ 60 บาท ไว้เป็นค่าขนมให้ลูกบ้าง เจียดไว้เป็นค่ารถมาเอายาด้วย”

========================
ฉันเรียนจบเป็นหมอเมื่อราว 13 ปีก่อน
ตอนนั้นโครงการบัตรทองเริ่มใช้มาได้ประมาณ 1 ปี
ฉันได้ยินเสียงบ่นจากพี่ๆ หมอผู้บริหารเสมอๆ ว่า
เงินบำรุงเราลดลงเรื่อยๆ จะไปรอดอีกซักกี่ปีก็ไม่รู้
แต่ฉันก็เป็นเพียงหมอตัวเล็กๆ ที่มีหน้าที่เพียงตรวจคนไข้
เสียงพี่น้องหมอที่คุยกันเรื่องโรงพยาบาลจะล้มละลาย ดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนปีที่ผ่านไป
พร้อมกับจำนวนเพื่อนหมอร่วมรุ่นที่ลาออกไปทำงานโรงพยาบาลเอกชนหรือคลินิกความงามที่เพิ่มขึ้นทุกปีๆ
หรือว่าระบบที่เราใช้อยู่มันจะไม่ดีจริงๆ?

จนมาวันหนึ่งที่ฉันได้เห็นตัวเลขสถิติที่บอกว่า
ก่อนปี 2545 มากกว่า 5% ของครัวเรือนในประเทศไทย
ต้องล้มละลายเพราะค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ
คิดตามจำนวนครัวเรือนที่สำรวจมากกว่า 5 หมื่นครัวเรือน
แปลว่าในแต่ละปีมีครอบครัวมากกว่า 2,000 ครอบครัวที่ต้องล้มละลายเพราะจ่ายเงินมาหาหมอ

ฉันนึกถึงคำพูดของรุ่นพี่คนหนึ่งที่เห็นปรากฏการณ์นี้กับตา
“คนไข้ต้องขายวัวขายควาย จำนำที่นามาหาหมอ
ถึงหายป่วย กลับไปเขาก็ไม่มีหนทางใช้ชีวิต
บางคนเลือกที่จะตายที่บ้าน แทนการสร้างหนี้ให้ลูกหลาน”

คนหนึ่งคนล้มป่วย
ครอบครัวหนึ่งครอบครัวล้มละลาย
เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเงียบๆ
อาจมีเสียงร้องไห้เบาๆ ที่ไม่มีใครในสังคมได้ยิน
เหมือนเศษฝุ่นที่อยู่ใต้พรม

เมื่อสิบกว่าปีก่อนมีหมอคนหนึ่งกล้ากวาดเศษฝุ่นที่ใต้พรมขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ
เพื่อจะบอกว่า ...มันไม่ถูกต้องที่คนไทยจะต้องล้มละลายเพราะต้องจ่ายเงินให้โรงพยาบาล...
เวลาผ่านไปกว่าสิบปี ตัวเลขครัวเรือนที่ต้องล้มละลายเพราะค่าใช้จ่ายทางสุขภาพลดลงเรื่อยๆ
แต่ชายผู้เป็นต้นธารของการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้อยู่เห็นดอกผลของมันเสียแล้ว

นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ ผู้ต่อสู้เพื่อสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในวันนี้เมื่อ 8 ปีที่แล้ว

=====================
ผ่านมาแปดปี
หลักประกันที่ช่วยคุ้มครองคนจำนวนมากไม่ให้ล้มละลาย
อาจจะกำลังขยับเพื่อปรับเปลี่ยนโฉม
เพื่อให้โรงพยาบาลอยู่รอด คนไข้อยู่ปลอดภัย

หลายคนเชื่อมั่นว่าการให้ประชาชนร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายบางส่วนคือทางรอดให้ระบบอยู่ยั่งยืน
คำถามอยู่ที่ว่า
เราจะร่วมจ่ายกันที่ไหน เมื่อไหร่ และร่วมจ่ายค่าอะไร

=====================
แววเป็นคนพิการถือสิทธิบัตรทองคนพิการ
บัตรชนิดนี้พิเศษกว่าบัตรทองทั่วไป
ตรงที่ไปรักษาที่โรงพยาบาลที่ร่วมโครงการกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ทุกแห่งโดยไม่ต้องมีใบส่งตัว
อยากจะทำกายภาพบำบัดก็ฟรี อยากได้รถเข็นคนพิการก็ฟรี
เป็นสิทธิที่ดีมากๆ เมื่อแววมาถึงโรงพยาบาล

แววมาพบฉันก่อนเดินทางกลับบ้านที่หนองบัวลำภูเมื่อสัปดาห์ก่อน
ก่อนไปเธอบอกว่า “อีกสองเดือนหนูถึงจะกลับกรุงเทพ
หนูไม่แน่ใจว่าจะได้กลับมาหาหมออีกเมื่อไหร่
หนูเชื่อว่าหมอหวังดี หนูจะพยายาม”
...พยายามหาเงินค่ารถมา... ประโยคนี้ดังต่อมาในใจฉัน

ฉันหวังว่าจะได้เจอแววอีกครั้ง
และหวังว่าการร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายจะไม่ทำให้ใครต้องล้มละลายไปแบบเงียบๆ
ใต้พรม

==========================
ด้วยความรำลึกถึงนักสู้ผู้ก่อตั้งระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของประเทศไทย
นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์

หมายเหตุ: เรื่องราวของแววไม่ใช่เรื่องแต่ง เป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดในปี 2559

 

หมายเหตุประชาไท: บันทึกนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่เพจเฟซบุ๊ก เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net