Submitted on Fri, 2016-01-29 20:28
จากกรณีเหตุการณ์ข้อพิ
วันนี้ (29 ม.ค. 59) ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ รายงานว่า พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผู้บัญชาการ สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงข้อมูลชาวเลราไวย์ ที่ห้องประชุม สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ภูเก็ต
โดย พ.ต.ท.ประวุธ กล่าวว่า กรณีปัญหาชุมชนชาวเลราไวย์ ภูเก็ต ขณะนี้ได้นำเอาข้อมูลอ้างอิงประกอบการพิจารณา โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตหาแนวทางแก้ปัญหาพื้นที่ตรวจสอบที่ทำกินชาวเลราไวย์ ที่มีการออก ส.ค.1 ไปทับที่ของชาวเล นำออกมาเป็นโฉนด ต่อมาผู้มีชื่อในโฉนดคนแรกตาย ตกทอดมารุ่นลูกรุ่นหลาน ฟ้องขับไล่ชาวบ้าน ในชั้นศาล มี 3-4 คดี บางคดีในศาลชั้นต้น ส่วนใหญ่ แพ้คดี ศาลพิพากษาให้ชาวเลออกจากพื้นที่ จากนั้นทางชาวเลได้ร้องขอให้ดีเอสไอช่วยค้นหาความจริง
เรื่องนี้มีการเล่าประวัติศาสตร์ของชาวเล มาก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ เอาศพไปฝังทีเกาะเฮ ต่อมาศพถูกรื้อออกไป การทำกินในพื้นที่ของชาวเลจะมีการฝังศพใกล้กับบ้านพักอาศัย เพราะว่า ไม่มีศาสนา นับถือดวงวิญญาณ ผูกพันกับร่างบรรพบุรุษ ผู้เสียชีวิตฝังใกล้บ้านมีการฝังศพเรียงตามทิศทางประเพณี ถ้าเจอ คือ โครงกระดูก เมื่อเป็นคำบอกเล่าไม่มีหลักฐาน ศาลไม่รับฟัง ยืนยันอีกฝ่ายมีโฉนดที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงทำให้ ชาวเล ต้องการให้ดีเอสไอ ช่วยหาพยานหลักฐาน
พ.ต.ท.ประวุธ กล่าวว่า โดยสรุปชาวเลอยู่มาก่อน 100 ปี หลักฐานยืนยันได้ว่าช่วงเปลี่ยน ส.ค. 1 เป็นโฉนด มีคน ในชุมชนเต็มพื้นที่ แต่ไม่มีคนไปสอบสวนสิทธิ์ ชาวเลไม่มีความรู้ อยู่แบบพอเพียง มีอาชีพหาปลา วันนึงมีคนมาออกโฉนดทับที่ชุมชน ซึ่งชาวเลไม่เคยเห็น เจ้าหน้าที่รังวัด การออกโฉนด คือการออกให้กับคนที่มีสิทธิ์ในที่ดิน แต่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่กลับออกโฉนดในพื้นที่ดังกล่าว มองว่ากระบวนการออกโฉนด ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เจ้าหน้าที่เบิกความตามเอกสาร ถ้ามองโดยตรรกะ มันไม่ใช่ วันนี้มีการนำเสนอพยานหลักฐาน ให้ทราบ เมื่อชาวเลอยู่มาเป็น 100ปี ถนนสาธารณะ เขาใช้เป็นเส้นทางสัญจร เดินไปทำพิธีกรรม คนที่ซื้อที่ดินออกโฉนดครอบอ้างสิทธิ์ และเรามีข้อมูลให้ จังหวัดภูเก็ต ประกอบการพิจารณา แก้ปัญหา