Skip to main content
sharethis

เบญจรัตน์ มีเทียน ทนายความเข้ารายงานตัวส่งมอบหลักฐานตามหมายเรียกของตำรวจ รับทราบข้อกล่าวหาหมิ่นประมาทฝ่ายกฎหมาย คสช. หลังจากนั้นเข้าเยี่ยมลูกความ วีรชัย ชาบุญมี ผู้ต้องขังที่ มทบ.11 ต่อ เหยื่อคดีป่วนงานปั่นเพื่อพ่อโอด ไมเคยรู้จัก จ่าประธินหรือผู้ต้องหารายอื่นๆเป็นการส่วนตัว 

เมื่อวานนี้ (28 มกราคม 2559) น.ส.เบญจรัตน์ มีเทียน และคณะทนายจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้เดินทางเข้ารายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหาต่อ พ.ต.ท.อธิลักษณ์ หวังสิริวรกุล พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) 

เนื่องจากเมื่อ วันที่ 8 ธันวาคม 2558 เบญจรัตน์ มีเทียน ได้ถูก พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แจ้งความดำเนินคดี  ในข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวน ทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย , แจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวนว่าได้มีการกระทำความผิด , การแจ้งนั้นเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนักขึ้น ซึ่งความผิดดังกล่าวมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป และข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 , 173 , 174 , 181 และ 328 

น.ส.เบญจรัตน์ กล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องจากนายธนกฤต ได้ถูกศาลออกหมายจับกรณีร่วมกระทำผิดในคดีป่วนงาน ปั่นเพื่อพ่อ  เมื่อวันที่ 26 พ.ย.58 แต่นายธนกฤต ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำจังหวัดขอนแก่น นับตั้งแต่เดือน พ.ค.57 จึงไม่มีทางเป็นไปได้ว่าจะเป็นผู้ก่อเหตุ ต่อมาเมื่อวันที่ 28 พ.ย.58 นายธนกฤตจึงได้มอบอำนาจให้ตนเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง และคณะ  หลังจากนั้นทางทหารและตำรวจได้เดินทางไปพบนายธนกฤต ที่เรือนจำขอนแก่นหลายครั้ง พร้อมกับขอนายธนกฤตถอนแจ้งความเจ้าหน้าที่ โดยแลกกับการถอนหมายจับคดี ม.112 ที่ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งต่อนายธนกฤตภายหลังจากที่เป็นข่าวว่านายธนกฤตยังถูกขังอยู่ในเรือนจำขอนแก่น แต่ภายหลังจากที่นายธนกฤตได้ถอนแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่กลับไม่ได้ถอนแจ้งความคดี ม.112 นายธนกฤตลูกความของตน นายธนกฤตจึงได้มอบอำนาจให้ตนมาแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดต่อเจ้าหน้าที่ที่ทำการกล่าวหาตนใหม่อีกครั้ง 

น.ส.เบญจรัตน์ กล่าวต่อว่า จากนั้นเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.58 พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อ น.ส.เบญจรัตน์ผู้เป็นทนายความของนายธนกฤต รวมทั้งสิ้น 5 ข้อหา โดยอ้างว่า นายธนกฤต ไม่ได้ประสงค์จะแจ้งความดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ เป็นกระทำโดยส่วนตัวของ น.ส.เบญจรัตน์อง  ในวันนี้ตนจึงได้ติดต่อเจ้าพนักงานเจ้าของคดี เพื่อขอมอบตัวต่อสู้คดี พร้อมกับนำเอกสารมอบอำนาจ จากนายธนกฤต ซึ่งมอบให้ตนเป็นผู้แทนในการแจ้งความให้กับพนักงานสอบสวนเป็นหลักฐาน เพื่อยืนยันว่าได้ทำไปตามหลักวิชาชีพทนายความทำตามที่ได้รับมอบอำนาจมาในฐานะทนายความ นอกจากนั้นจะส่งคำให้การเพิ่มเติมและพยานหลักฐานเพิ่มในภายหลัง  

นส.เบญจรัตน์ ได้กล่าวว่า หากพนักงานสอบสวนต้องการแจ้งความเอาผิด ก็ต้องดำเนินคดีกับนายธนกฤต ผู้มอบอำนาจ การดำเนินคดีกับทนายความผู้รับมอบอำนาจจึงเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องและเข้าข่ายการใช้อำนาจคุกคามกลั่นแกล้งทนายความ ตนได้เตรียมหลักทรัพย์ เป็นเงินสด 300,000 บาท ไว้เพื่อขอยื่นประกันตัวแล้ว

แต่ในท้ายที่สุด เจ้าพนักงานตำรวจเจ้าของคดีได้สั่งปล่อยตัว น.ส.เบญจรัตน์ โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากผู้ต้องหาไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี และมีอาชีพที่พักเป็นหลักแหล่งน่าเชื่อถือ จึงเชื่อว่าไม่น่าจะหลบหนี นอกจากนั้นเจ้าพนักงานตำรวจยังได้แจ้งเพิ่มเติมว่าว่าทางเจ้าพนักงานสอบสวนจะเริ่มทำการสอบสวนจากนายธนกฤตและบุคคลผู้เกี่ยวข้องต่อไป 

ขณะที่ วันนี้ ( 29 มกราคม 2559 ) เวลา 14.00 น. ทนายเบญจรัตน์ มีเทียน และคณะทนายจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้เดินทางเข้าเยี่ยมผู้ต้องหาในคดี ป่วนงาน Bike for Dad ที่ เรือนจำชั่วคราว มทบ.11 โดยได้เข้าเยี่ยมนายวีรชัย ชาบุญมี 1ใน 9 ผู้ต้องหาเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง นายวีรชัยได้ให้ข้อมูลเบื้องต้นกับ เบญจรัตน์ ผู้เป็นทนายความของเขาว่า ตนได้เคยถูกขังอยู่ในเรือนจำในคดียาเสพติดในช่วงเวลาเดียวกับที่มีการจับตัวผู้ต้องหาขอนแก่นโมเดลเข้าไปไว้ในเรือนจำ ขอนแก่น เมื่อปี 2557  แต่ไม่ได้มีความรู้จักกับ จสอ.ประธิน  จันทร์เกศ ผู้ถูกกล่าวหาว่ามีการเตรียมการป่วนงาน ปั่นเพื่อพ่อ แต่อย่างใด เพียงแต่เคยรู้จักพูดคุยกับผู้ต้องหาในกรณีนั้นเพียงบางคนท่านั้น  วีรชัยเองก็ไม่เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับตัวเขามาคุมขังเพื่ออะไร

เบญจรัตน์  กล่าวว่าการขอเข้าเยี่ยมลูกความซึ่งเป็นผู้ต้องขังอยู่ในเรือนจำ มทบ.11 ครั้งนี้ได้รับการอำนวยความสะดวกจากเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบด้วยดี ไม่ได้มีการคุกคามทั้งโดยกริยาและวาจา เหมือนการเข้าเยี่ยมในครั้งที่ผ่านมา และทางคณะทนายจะคัดหนังสือแต่งตั้งทนายจากศาลเพื่อขอเข้าเยี่ยมลูกความรายต่อไปจนครบ โดยครั้งหน้าจะเดินทางมาเข้าเยี่ยมในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 13.00 น.

น.ส.เบญจรัตน์ มีเทียน อายุ 51 ปี เป็นทนายความของ นายธนกฤต ทองเงินเพิ่ม และผู้ต้องหาอีกหลายคนในคดีขอนแก่นโมเดล ข้อหาเตรียมการวางเพลิงเผาสถานที่ราชการเมื่อ ปี 2553  และคดีเตรียมป่วนงาน Bike for Dad โดยกรณีการฟ้องร้องได้เกิดขึ้นจากการแถลงข่าวของ คสช.มีรายชื่อนายธนกฤตซึ่งในขณะนั้นจนถึงปัจจุบันยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจังหวัดขอนแก่นอยู่ด้วย 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net