Skip to main content
sharethis

เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมา สำนักข่าวไทย รายงานว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาคดีที่อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีนายกรัฐมนตรี กรณีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ส่งผลให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท โดยวันนี้จะเป็นการไต่สวนพยานครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นพยานฝ่ายอสส.จำนวน 4 ปาก ได้แก่ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) อดีตประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าว น.ส.แน่งน้อย เจริญทวีทรัพย์ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต เบิกความเรื่องหลักการทางบัญชี น.ส.ศิรสา กันต์พิทยา รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กระทรวงการคลัง เบิกความเรื่องหนี้สาธารณะ และนายสุพัฒน์ เอี้ยวฉาย ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เบิกความเรื่องจำนวนการเบิกจ่ายเงินให้กับชาวนา แต่วันนี้จะสอบเพียง 2 ปาก

อนุฯปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวยืนยันใช้หลักสากลสอบบัญชีข้าว

โจทก์ได้เบิกความน.ส. แน่งน้อย ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตและหนึ่งในอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นปากแรก ซึ่งชี้แจงต่อศาลว่าการปิดบัญชีข้าวของอนุกรรมการฯ จะใช้หลักการตรวจสอบบัญชีตามหลักเกณฑ์สากลและถูกต้องตามหลักบัญชี ซึ่งข้อมูลที่ใช้ปิดบัญชีได้มาจากการรวบรวมจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงข้อมูลจากคณะกรรมการการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวในโกดังรัฐบาลที่มีม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยแบ่งอนุกรรมการตรวจสอบแต่ละกระทรวงเช็คสต๊อกข้าวรัฐกว่า 1,800 โกดัง เนื่องจากก่อนที่อนุกรรมการฯ จะเข้ามาตรวจสอบ ข้อมูลเดิมที่มีอยู่ของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์กระจัดกระจาย และไม่สามารถใช้ปิดบัญชีได้ คณะอนุกรรมการฯ จึงต้องรวบรวมข้อมูลจากทุกหน่วยงานและตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว ยืนยัว่าข้อมูลที่ได้เป็นคนละส่วนกับข้อมูลที่ใช้ปิดบัญชีในสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์

น.ส. แน่งน้อย  กล่าวว่า การตรวจสอบบัญชีไม่ใช่การบ่งชี้ว่าโครงการนี้มีการทุจริต เพราะไม่สามารถนำตัวเลขการขาดทุนจากโครงการมาบ่งชี้ว่ามีการทุจริตได้ แต่เป็นการแสดงตัวเลขทางบัญชีเท่านั้น และยืนยันว่าใช้หลักเกณฑ์ททางบัญชีที่ถูกต้อง เพราะหากไม่ถูกต้องจะถือว่าเป็นการทุจริตทางตัวเลขอย่างหนึ่ง

ทนายจำเลยชี้ ไม่มีประสบการณ์ ไม่เคยเกี่ยวข้องโครงการรับจำนำข้าว

ขณะที่ทนายความของจำเลย พยายามชี้ให้ศาลเห็นว่าพยานเป็นผู้ที่ไม่มีประสบการณ์หรือเกี่ยวข้องกับการดำเนินการนโยบายโครงการรับจำนำข้าวที่มีมากว่า 30 ปี และครั้งนี้เป็นครั้งแรกของพยานที่เข้ามาทำหน้าที่ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2557

อดีตปธ.อนุฯ ปิดบัญชีจำนำข้าว ยันไม่ได้ชุมนุมกับกปปส. แค่เข้าตรวจสอบ

จากนั้น ทีมทนายของน.ส.ยิ่งลักษณ์เตรียมซักค้าน น.ส.สุภา พยานฝ่ายโจทก์คนที่ 2 โดยนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์พยายามซักค้านน.ส. สุภาว่ามีส่วนได้ส่วนเสียกับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแต่งตั้งน.ส.สุภา ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงการคลัง รวมถึงกล่าวหาว่าน.ส.สุภาเข้าร่วมการชุมนุมของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ที่กระทรวงการคลังเมื่อปี 2557 ด้วย เพื่อชี้ให้ศาลเห็นว่าพยานมีอคติต่อจำเลยและพยายามให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวต่อสื่อมวลชนในทางลบ

ขณะที่น.ส.สุภาชี้แจงว่า การได้รับแต่งตั้งเป็นรองปลัดกระทรวงการคลังเป็นไปตามขั้นตอนปกติ ส่วนการชุมนุมของกปปส.นั้น ในฐานะรองปลัดฯ ได้เข้าตรวจสอบการชุมนุมที่จัดขึ้นในบริเวณกระทรวงการคลังเท่านั้น ไม่ได้เข้าร่วมชุมนุม ส่วนการให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนไม่ใช่การบิดเบือนหรือใส่ร้าย แต่ให้ข้อมูลตามข้อเท็จจริง โดยได้ท้วงติงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากโครงการนี้ต่อรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์หลายครั้งตั้งแต่ขั้นหลักการ ยืนยันว่าไม่ได้มีอคติหรือโกรธเคืองกับอดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นข้าราชการอาชีพ ยินดีทำตามนโยบายรัฐบาล ทั้งยังชื่นชมอดีตนายกรัฐมนตรีและอยากให้อยู่บริหารประเทศต่อ จึงได้ทักท้วงไป เพราะไม่อยากให้เกิดความเสียหาย เนื่องจากโครงการดังกล่าวเปรียบได้กับระเบิดเวลาที่ต้องกู้หนี้สะสมเพิ่มเรื่อยๆ แต่เมื่อโครงการผ่านมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) แล้ว กระทรวงการคลังจึงจำเป็นต้องทำตามขั้นตอน รวมถึงต้องอนุมัติโครงการที่เกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน
 
น.ส.สุภา ชี้แจงว่า นอกจากนี้ยังพบว่ารัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์นำรายได้ที่มาจากการขายข้าวไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ โดยนำไปดำเนินโครงการต่อแทนที่จะนำไปชดใช้หนี้ที่กู้ยืมมา ส่งผลให้กระทรวงการคลังต้องรับภาระชดใช้หนี้เหล่านั้นต่อเนื่องจนถึงรัฐบาลปัจจุบัน ขณะที่ทนายความน.ส.ยิ่งลักษณ์พยายามซักค้านให้เห็นว่าการประกันราคาสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เป็นหนี้ที่รัฐยังชดใช้ไม่หมดเช่นกัน ซึ่งน.ส.สุภา ชี้แจงว่า เรื่องหนี้ของรัฐบาลสมัยนายอภิสิทธิ์ไม่ทราบรายละเอียด แต่ทราบว่ารัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ยอมชดใช้หนี้ในโครงการรับจำนำข้าว จึงส่งผลให้รัฐบาลปัจจุบันต้องชดใช้แทน
 
ยันสนใจเพียงตัวเลขขาดทุนและกำไร ไม่ได้สนใจผลประโยชน์ทางอ้อม
 
“โครงการรับจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นเพียงโครงการหนึ่งของรัฐบาล ไม่กำหนดเพดานในการรับซื้อและรับซื้อข้าวทุกเมล็ด ซึ่งเปิดช่องให้ทุกคนนำข้าวเข้ามาขายให้กับรัฐบาลได้ ขณะที่ในอดีตจะมีกำหนดเพดานการรับซื้อข้าวจากประชาชนไม่เกิน 20 ตันต่อคน ส่วนหลักเกณฑ์การอนุมัติกู้ยืมเงิน กระทรวงการคลังจะค้ำประกันให้กับโครงการของรัฐที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเท่านั้น” น.ส.สุภา ระบุ
 
นายนรวิชญ์ได้พยายามถามนำว่าโครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์เพื่อสาธารณะและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจกว่า 3.9 แสนล้านบาท ซึ่งสูงกว่าตัวเลขขาดทุน น.ส.สุภาทราบหรือไม่ ซึ่งน.ส.สุภา ระบุว่า ไม่ทราบ ทราบเพียงว่าโครงการรับจำนำข้าวเป็นเพียงโครงการหนึ่งของรัฐบาล เนื่องจากสนใจเฉพาะตัวเลขขาดทุนและกำไรเท่านั้น ไม่ได้สนใจผลประโยชน์ทางอ้อม

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศระหว่างทีมทนายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กำลังพยายามซักค้าน น.ส.สุภา ในประเด็นที่คณะรัฐมนตรีไม่ได้เพิกเฉยต่อการท้วงติงโครงการรับจำนำข้าว แต่ลงนามความเห็นชอบเป็นคำสั่งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง น.ส.สุภา มีส่วนรู้เห็นหรือไม่ ศาลได้เห็นว่าทีมทนายฝ่ายจำเลยพยายามซักค้านพยานฝ่ายโจทก์ในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์กับจำเลย เพราะทีมทนายสามารถนำสืบเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมได้ โดยไม่จำเป็นต้องพยายามซักค้านพยาน ศาลระบุว่าติดใจประเด็นที่คณะรัฐมนตรีใช้อำนาจนำเงินระบายข้าวมาหมุนเวียนในโครงการรับจำนำข้าวแทนการใช้หนี้ที่กู้ยืมมาดำเนินโครงการ โดยให้ฝ่ายจำเลยไปหาคำตอบเรื่องนี้ว่าคณะรัฐมนตรีใช้อำนาจใดดำเนินการ

ทั้งนี้ ศาลมีคำสั่งห้ามทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยรวมถึงพยานในคดีโครงการรับจำนำข้าวให้สัมภาษณ์ เนื่องจากการไต่สวนขณะนี้เป็นไปด้วยความราบรื่น จึงอยากรักษาบรรยากาศดังกล่าวไว้  จากนั้นเวลา 17.30 น.  การไต่สวนพยานครั้งที่ 2 ได้เสร็จสิ้นลง โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใด ๆ ต่อสื่อมวลชน ขณะที่กลุ่มประชาชนที่มารอให้กำลังใจได้มอบดอกไม้ให้ก่อนเดินทางกลับ

ด้านนายนรวิชญ์  ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์เพียงสั้น ๆ ว่า ศาลกำหนดนัดไต่สวนพยานฝ่ายอัยการ 3 ปาก ในวันที่ 26 ก.พ.นี้

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net