เสวนา ‘ปอเนาะ: แหล่งอารยธรรมสันติภาพ’ ชี้รัฐไม่เข้าใจวัฒนธรรมพื้นถิ่น

สมาพันธ์นิสิตนักศึกษามุสลิมแห่งประเทศไทยจัด เสวนาหัวข้อ "ปอเนาะ: แหล่งอารยธรรมสันติภาพ (อวสานโรงเรียนญีฮาดวิทยา)" มูลนิธิศักยภาพชุมชนระบุกรณีสั่งปิดโรงเรียนญีฮาดวิทยา สะท้อนให้เห็นว่ารัฐไม่เข้าใจวัฒนธรรมของคนในพื้นที่ ใช้อำนาจนิติรัฐมาตัดสินคดีโดยปราศจากหลักนิติธรรมจะนำไปสู่ความขัดแย้ง
 
 
 
เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2559 ที่ผ่านมาสมาพันธ์นิสิตนักศึกษามุสลิมแห่งประเทศไทย (สนมท.) และองค์กรเครือข่าย ได้จัดเสวนาหัวข้อ "ปอเนาะ: แหล่งอารยธรรมสันติภาพ (อวสานโรงเรียนญีฮาดวิทยา)" ณ มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย เพื่อเปิดพื้นที่แสดงความคิดเห็นต่อกรณีโรงเรียนญีฮาดวิทยาหรือปอเนาะญีฮาด ถูกสั่งให้ปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 และศาลแพ่งมีคำสั่งริบที่ดิน 14 ไร่ให้เป็นตกเป็นของแผ่นดิน เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2558 โดยที่ครอบครัวแวมะนอไม่ขอยื่นอุทธรณ์
 
นางชลิดา ทาเจริญศักดิ์ ผู้อำนวยการมูลนิธิศักยภาพชุมชน กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่ารัฐไม่เข้าใจวัฒนธรรมของคนในพื้นที่ โดยที่รัฐใช้อำนาจนิติรัฐมาตัดสินคดีโดยปราศจากหลักนิติธรรม จึงนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐชัดขึ้น ซึ่งหลังจากการอพยพของครอบครัวและญาติปอเนาะญีฮาดได้ตัดสินใจย้ายออกจากปอเนาะเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมานั้น และได้จัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือครอบครัวปอเนาะญีฮาด แสดงให้เห็นถึงพลังบริสุทธิ์ของประชาชนโดยแท้จริง และภายภาคหน้าหากประชาชนปาตานีลุกฮือขยายพื้นที่การจัดการตนเองมากขึ้น เวลานั้นรัฐจะเข้าสู่ภาวะล้มเหลวถึงที่สุดและเหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดนักสู้มากขึ้น ทั้งนี้การตัดสินใจไม่ยื่นอุทธรณ์ นางชลิดา มองว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องและเชื่อว่าขณะนี้ประชาชนปอเนาะญีฮาดกำลังต่อสู้โดยใช้หลักสันติวิธี ไม่ใช่เป็นการยอมแพ้ต่อกระบวนการยุติธรรมของรัฐแต่อย่างใด
 
ขณะที่ นายวิทยา บูรณศิล มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม กล่าวถึงการดำเนินคดีโดยศาลแพ่งโดยมิชอบ ทั้งๆ ที่ควรที่จะเป็นศาลอาญา เพราะศาลอาญาจะต้องพิสูจน์พยานก่อนเสมอ ทั้งนี้จากพยานบุคคลและพยานหลักฐานจากศาลไม่มีความชัดเจนและไม่สามารถพิสูจน์ได้ และบ่อยครั้งที่ขึ้นศาลทางศูนย์ทนายฯ จะต้องรับมือจากเล่ห์เหลี่ยมของศาลอยู่บ่อยครั้ง ส่วนการยึดที่ดิน 14 ไร่ และที่ดินตกเป็นของแผ่นดินเรียบร้อยแล้วนั้น ทนายวิทยามองว่า คดีนี้ไม่มีความยืดหยุ่น ส่วนแนวโน้มว่าจะตกเป็นของประชาชนอีกครั้งหรือไม่นั้น เป็นไปได้ยากและชาวบ้านก็ไม่มีท่าทีว่าอยากจะได้ที่ดินคืนหากต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขของอำนาจรัฐ นอกจากประชาชนในพื้นที่จะฟ้อง ปปง. ข้อหาฉ้อโกงที่ดินประชาชนหรือตั้งศาลปาตานีขึ้นมาเอง
ด้าน นายศราวุธ ศรีวรรณยศ ที่ปรึกษาสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการยึดที่ดินวากัฟของศาล เป็นเรื่องที่ไม่ชอบธรรมด้วยหลักการศาสนาอิสลาม และเป็นสิ่งที่ผิดพลาดอย่างยิ่งของรัฐในการตัดสินคดีดังกล่าว ส่วนประชาชนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในที่ดินจะต้องออกมาแสดงจุดยืนและรักษาเกียรติของมุสลิมให้ที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเช่นนี้อีกครั้ง ทั้งนี้ที่ดินวากัฟจะยังคงอยู่จนถึงวันสิ้นโลก
 
ด้านนายอาลิฟ มาแฮ เครือข่ายพลเมืองปาตานีนอกมาตุภูมิ (PATANI viewers) กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ (ปาตานี) ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ปาตานีนั้นเป็นปัญหาทางการเมือง จึงไม่ควรนำนโยบายทางทหารมาแก้ไขปัญหา และหากจะแก้ปัญหาก็ไม่ควรนำสถาบันปอเนาะมาเป็นเครื่องมือ เพราะสถาบันเปาะเนาะเกิดขึ้นจากการผลักดันของชุมชน จึงไม่ต้องแปลกใจหากทุกวันนี้ชาวบ้านในละแวกปอเนาะญีฮาดจะออกมาปกป้องและรักษาเจตนารมณ์ของปอเนาะให้คงอยู่โดยการสร้างปอเนาะขึ้นมาใหม่ และสิ่งที่รัฐจะต้องกระทำหลังจากนี้คือการชำระประวัติศาสตร์เหตุการณ์ในครั้งนี้ให้เกิดความยุติธรรมกับประชาชน จากนั้นนายอาลิฟกล่าวต่ออีกว่า การที่รัฐพยายามกดทับระบบการศึกษาปอเนาะให้เหมือนกับระบบการศึกษาของส่วนกลางนั้น มันเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกับบริบทในพื้นที่อย่างสิ้นเชิง เพราะระบบการศึกษาปอเนาะแตกต่างจากระบบการศึกษาจากส่วนกลางมาช้านานแล้ว ซึ่งสถาบันปอเนาะเกิดขึ้นก่อนโรงเรียนของรัฐด้วยซ้ำ และที่เป็นปัญหาทุกวันนี้คือ “รัฐไทยไม่ยอมเปิดใจรับความแตกต่างเท่านั้นเอง “
 
จากหัวข้อการเสวนา ปอเนาะ : แหล่งอารยธรรมสันติภาพ (อวสานโรงเรียนญีฮาดวิทยา ) ทุกฝ่ายเห็นพ้องกันว่า ปอเนาะเป็นแหล่งอารยธรรมของสันติภาพอย่างแท้จริง เพราะเป็นแหล่งรวมองค์ความรู้ แหล่งขัดเกลาจิตใจ แหล่งที่สร้างคนให้เป็นคนและปอเนาะยังเป็นศูนย์รวมของความหลากหลายทางวัฒนธรรม ชาติพันธุ์ เชื้อชาติ นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แม้นว่าปัจจุบันความเข้มข้นจะน้อยลงบ้างอันสืบเนื่องมาจากอิทธิพลการคุกคามจากอำนาจรัฐ แต่ความเป็นปอเนาะก็ยังคงอยู่ไม่เลือนหาย จากนั้นบนเวทีเสวนายังเห็นพ้องกันว่า ตลอดระเวลาในสร้างสันติภาพโดยรัฐ ล้มเหลวมาตลอดทางและรัฐก็ไม่เคยถอดบทเรียนเพื่อนำมาสู่การแก้ไขแต่อย่างใด ทั้งนี้ปอเนาะญีฮาดยังไม่ได้ถึงจุดอวสาน เพราะญีฮาดยังคงอยู่ในใจของทุกคน
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท