สหพันธ์เพื่อสิทธิมนุษยชนสากล (FIDH) ออกแถลงการณ์ร่วมกับองค์กรรณรงค์นานาชาติเพื่อทิเบตและองค์กรสิทธิมนุษยชนในจีนประณามการกระทำของรัฐบาลกลางของจีน หลังจากสั่งปิดกั้นไม่ให้นักเดินทางต่างชาติเข้าไปในพื้นที่เขตปกครองตนเองทิเบตก่อนหน้าที่จะถึงวันครบรอบ 57 ปีการลุกฮือของชาวทิเบต

วันที่ 10 มี.ค. ที่จะถึงนี้จะเป็นวันครบรอบการลุกฮือของประชาชนชาวทิเบตซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2502 เหตุการณ์ในครั้งนั้นส่งผลให้ดาไลลามะต้องลี้ภัยออกจากประเทศ ทั้งนี้ยังถือเป็นวันครบรอบ 8 ปี การประท้วงของชาวทิเบตที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางการเมือง

อย่างไรก็ตามทางการของจีนออกประกาศตามเมืองใหญ่ๆ สั่งให้ผู้มาเยือนจากต่างประเทศออกจากพื้นที่เขตปกครองตนเองทิเบตภายในเวลาที่กำหนดและห้ามชาวต่างชาติเข้าไปในพื้นที่ทิเบตช่วงเดือน มี.ค. ที่จะถึงนี้ 

แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่าทางการจีนมีการเน้นปฏิบัติการทหารมากขึ้นในแถบทิเบตหลังปี 2551 เช่น การซ้อมรบขนาดใหญ่เพื่อเตรียมรับมือการประท้วง และมีการเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยแถบชายแดนมากขึ้น รวมถึงมีการเน้นย้ำการใช้อำนาจจากส่วนกลางเพื่อควบคุมทิเบตโดยอ้าง "ความมั่นคง" ของประเทศจีน

แถลงการณ์ของกลุ่มสิทธิมนุษยชนระบุว่าในขณะที่ทางการจีนมีมาตรการกดขี่ในพื้นที่ทิเบตอย่างหนักรวมถึงการวางกำลังพลของพรรคคอมมิวนิสต์ในพื้นที่นับตั้งแต่มีการประท้วง 2551 มีการวางมาตรการในระยะยาวอย่างเป็นระบบในแคว้นคามและอัมโดของทิเบต การขยายมาตรการควบคุมเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการจากเหล่าผู้นำระดับสูงของจีน

เรื่องนี้ทำให้ชาวทิเบตแสดงความกังวลว่ามันจะเป็นมากกว่าแค่การปราบปรามตามปกติทั่วไปแต่จะมีความซับซ้อนและน่าสะพรึงกลัวขึ้นมาก โดยมีการใช้ตำรวจแฝงตัวอยู่ในสังคมและพยายามซักถามเกี่ยวกับการดำรงชีวิตทั้งหมดของพวกเขา

กลุ่มสิทธิมนุษยชนแถลงการณ์เรียกร้องให้ทางการจีนยกเลิกการปิดล้อมและปิดกั้นเขตปกครองตนเองทิเบตเพื่อเป็นการรับประกันเสรีภาพขั้นพื้นฐานของชาวทิเบตทุกคน อีกทั้งยังเรียกร้องทางการเปิดให้ชาวต่างชาติเข้าไปในทิเบตได้อย่างเสรีเพื่อให้ได้เห็นสถานการณ์ในทิเบตด้วยตัวเอง

เรียบเรียงจาก

Lockdown of Tibet: closure to foreigners deepens isolation, FIDH, 25-02-2016

https://www.fidh.org/en/region/asia/china/tibet/lockdown-of-tibet-closure-to-foreigners-deepens-isolation