เครือข่ายกระจายอำนาจฯ เสนอต่อกรธ. ดันหลักการปกครองท้องถิ่นบรรจุ ในร่างรธน.ฉบับใหม่

9 มี.ค. 2559 สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย นำโดย ดร.ลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ดำเนินการจัด “เวทีสัมมนาเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจร่างพระราชบัญญัติกระจายอำนาจและองค์กรบริหารท้องถิ่น พ.ศ....” ณ ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ชั้น 16 อาคารซอฟต์แวร์ปาร์ค ถนนแจ้งวัฒนะ จังหวัดนนทบุรี โดยมีผู้เข้าร่วมเวทีกว่า 20 คน จากหลายภาคส่วน อาทิ นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ เครือข่ายภาคประชาชน องค์กรภาคีเครือข่ายด้านการกระจายอำนาจ  

ดร.ลัดดาวัลย์ กล่าวเปิดเวทีสัมมนาในครั้งนี้ โดยระบุถึงความสำคัญของหลักการกระจายอำนาจ ซึ่งทางคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายได้จัดทำบันทึกความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติการกระจายอำนาจและองค์กรบริหารท้องถิ่น พ.ศ.... โดยมีสาระสำคัญเพื่อแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องและความทับซ้อนของกฎหมายท้องถิ่นเพื่อให้องค์กรบริหารท้องถิ่นสามารถดำเนินการบริการสาธารณะให้กับประชาชนได้อย่างเต็มศักยภาพและมีประสิทธิภาพและให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความเป็นอิสระในการปกครองตนเองตามเจตนารมณ์ของประชาชนในท้องถิ่นนั้น ๆ

นายสรัล มารู นักวิชาการสำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย กล่าวสรุปสาระสำคัญ ของร่างพระราชบัญญัติการกระจายอำนาจและองค์กรบริหารท้องถิ่น พ.ศ.... (ฉบับคณะกรรมการปฏิรูป-กฎหมาย) ว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นการสังเคราะห์ ปฏิรูป และประมวลกฎหมายที่เกี่ยวกับ การกระจายอำนาจและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไว้ในฉบับเดียว ภายใต้หลักการที่สำคัญในเรื่องการกำหนดหลักการกระจายอำนาจ รวมไปถึงการกำหนดหลักการ และโครงสร้างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

ด้านนายไพโรจน์ พลเพชร กรรมการปฏิรูปกฎหมายชุดที่ 1 กล่าวถึงร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2559 ว่า เนื้อหาหลักการของร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว ไม่ปรากฏหลักการเรื่องการกระจายอำนาจและการปกครองส่วนท้องถิ่นไว้แต่อย่างใด ส่งผลให้ไม่สามารถก่อเกิดจังหวัดปกครองตนเองได้ และไม่อาจนำไปสู่การปฏิรูปเรื่องท้องถิ่นได้เลย

นอกจากนี้ ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.ศ.ดร.อุดม ทุมโฆสิต กล่าวว่า การปกครองประเทศภายใต้ระบอบประชาธิปไตยคือการปกครองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน โดยวิธีการที่จะนำพาประเทศไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยได้คือ จะต้องมีรูปแบบการปกครองที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมทั้งทางตรงและทางอ้อมให้มากที่สุด และให้สิทธิประชาชนในการปกครองตนเองในระดับท้องถิ่น นายอุดม มีความเห็นว่า สิ่งที่ขาดไปในร่างรัฐธรรมนูญฉบับ ปี 2559 คือ เนื้อหาที่ไม่แสดงเจตนารมณ์ในเรื่องการกระจายอำนาจ และการไม่ให้ความสนใจปัญหาของประชาชนในระดับท้องถิ่น

ต่อมาในเวลา 14.00 น. ของวันเดียวกัน กลุ่มเครือข่ายกระจายอำนาจสู่ชุมชนและท้องถิ่น ได้รวมตัวกันยื่นข้อเสนอร่างรัฐธรรมนูญในส่วนที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการปกครองท้องถิ่น ต่อคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยมี ศ.ดร.ชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษกคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญมารับข้อเสนอ   

ภาพจากเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย

เครือข่ายดังกล่าว เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มองค์กรชุมชนภาคประชาสังคม และสมาคมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อรวมกันขับเคลื่อนนโยบายและกฎหมายเพื่อให้รัฐและกลไกของรัฐเอื้อต่อการกระจายอำนาจให้แก่ชุมชนและท้องถิ่นตามหลักการปกครองตนเองบนพื้นฐานการกระจายอำนาจให้แก่ชุมชนท้องถิ่นได้สามารถจัดการตนเองบนฐานของเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของท้องถิ่น โดยที่ผ่านมาเครือข่าย ฯ ได้ร่วมกันผลักดันให้มีการบรรจุหลักการในระดับรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหลักการปกครองท้องถิ่นมาแล้วในหลายโอกาส ตลอดจนได้รับการสนับสนุนทางวิชาการจากองค์กรทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการพัฒนาแนวคิดและหลักการจนเป็นร่างกฎหมายชื่อว่า “ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจังหวัดปกครองตนเอง พ.ศ. ....” ซึ่งเครือข่าย ฯ ได้เคยยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับการปกครองท้องถิ่นทั้งในระดับรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่อประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ มาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2558 และขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่คณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญเปิดรับฟังความคิดเห็นของภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อพิจารณาปรับปรุง แก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญ (ร่างเบื้องต้น)

ข้อเสนอที่ยื่นมีเนื้อหาโดยสรุป ดังนี้

                1. ขอให้ยังคงไว้ซึ่งบทบัญญัติที่เคยบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับก่อน ได้แก่ข้อความในมาตรา 78 (3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 โดยขอให้มีข้อความดังนี้

                “มาตรา ...รัฐต้องดำเนินการตามแนวนโยบายด้านการบริหารราชการแผ่นดิน  โดยจะต้องกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยงานหลักในการจัดบริการสาธารณะ  สามารถพึ่งตนเองและตัดสินใจในกิจการของท้องถิ่นได้เอง  ส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการดำเนินการตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ พัฒนาเศรษฐกิจของท้องถิ่นและระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ ตลอดทั้งโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศในท้องถิ่น ให้ทั่วถึงและเท่าเทียมกันทั่วประเทศ รวมทั้งพัฒนาจังหวัดที่มีความพร้อมให้เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ โดยคำนึงถึงเจตนารมณ์ของประชาชนในจังหวัดนั้น”

                2. ยืนยันหลักการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 284 ที่กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องประกอบด้วยสภาท้องถิ่นและผู้บริหารหรือคณะผู้บริหารท้องถิ่นมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน

                3. กำหนดให้เพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับ “สภาพลเมืองท้องถิ่น” เข้าไปในหมวดการปกครองท้องถิ่น เพื่อให้มีสภาพลเมืองทำหน้าที่เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ การมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจทางการเมืองระดับท้องถิ่นและระดับชาติ การร่วมวางแผนพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งการจัดทำบริการสาธารณะ ตลอดจนส่งเสริมสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบการใช้อำนาจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

                4. กำหนดให้มี “คณะกรรมการปกครองท้องถิ่นแห่งชาติ” หรือ “สภาการปกครองท้องถิ่นแห่งชาติ” เพื่อทำหน้าเป็นองค์กรกำกับดู ส่งเสริม และพัฒนากลไกการปกครองท้องถิ่นให้มีเอกภาพ และประสิทธิภาพ

                5. ให้องค์กรบริหารท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่โดยเฉพาะและเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำบริการสาธารณะในพื้นที่ท้องถิ่น ดังนี้

                        (1) การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่น

                        (2) การสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ

                        (3) การจัดการเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ

                        (4) การส่งเสริมและการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม

                        (5) การพัฒนาเศรษฐกิจพื้นฐาน

                        (6) การศึกษาและการอบรม

                        (7) การส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่น

                        (8) การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในท้องถิ่น 

                6. รัฐต้องกำหนดหลักประกันในทางรายได้จากภาษีอากรแก่ท้องถิ่นเพื่อให้ท้องถิ่นมีรายได้ที่เพียงพอ โดยกำหนดให้ภาษีชนิดใดที่เป็นภาษีท้องถิ่นหรือภาษีที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจจัดเก็บเองตามกฎหมาย เมื่อจัดเก็บแล้วให้เก็บไว้เป็นรายได้ขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด และภาษีใดที่ใช้ฐานร่วมระหว่างรัฐกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือภาษีอื่นที่มิใช่ภาษีท้องถิ่นให้รัฐจัดสรรใช้แก่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบต่อปี

 

โดยเครือข่าย ฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อเสนอดังกล่าวจะได้รับการพิจารณาและนำไปเพิ่มเติมในร่างรัฐธรรมนูญที่จะจัดทำแล้วเสร็จในวันที่ 29 มี.ค. 2559 นี้ ซึ่งหากเครือข่ายพิจารณาร่วมกันแล้วเห็นว่าข้อเสนอดังกล่าวได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญและปรากฏถ้อยคำหรือข้อความในร่างรัฐธรรมนูญฉบับเพื่อลงประชามติ เครือข่าย ฯ ก็พร้อมที่จะสนับสนุนให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวผ่านการออกเสียงประชามติและประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท