กระทรวงทรัพยากรฯ เผย 70 เมกะโปรเจคได้ประโยชน์จากคำสั่ง คสช.

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหน่วยหลักรับผิดชอบการทำรายงาน EIA เผย คำสั่ง 9/2559 ไม่มีผลกดดันกระบวนการอนุมัติ EIA เพราะหากปิดช่องทางการฟ้องร้องของผู้รับเหมาหากรายงาน EIA ไม่ผ่าน พร้อมเผย 70 โครงการได้รับประโยชน์

เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2559 กรุงเทพธุรกิจ และ PPTV News รายงานตรงกันว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบการจัดทำ รายงานอีเอไอ ได้ชี้แจงและทำความเข้าใจต่อผู้สื่อข่าว เกี่ยวกับข้อกังวลของนักวชาการและเครือข่ายภาคประชาชน ที่ออกมาเรียกร้องให้ทบทวนและยกเลิกคำสั่งดังกล่าว

สุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ในฐานะโฆษกกระทรวงฯ ยืนยันว่าคำสั่งดังกล่าวของ คสช. ไม่ได้เป็นการปลดล็อคขั้นตอนการทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) เพราะการอนุญาตให้รัฐหาเอกชนเข้ามาดำเนินการควบคู่ไปได้ก่อนนั้น ในคำสั่งได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า หน่วยงานเจ้าของโครงการไม่สามารถให้สิทธิเอกชน ในการลงนามเพื่อผูกพันในสัญญา หมายความว่าในท้ายที่สุดหากโครงการไม่ผ่านมติคณะรัฐมนตรี ในทางปฏิบัตินอกจากจะไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้แล้ว บริษัทเอกชนก็ไม่มีสิทธิในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐได้ ซึ่งตรงนี้ถือเป็นประโยชน์ที่ประชาชนและประทศชาติจะได้รับ

ทั้งนี้ การดำเนินโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ ก่อนที่จะสามารถทำการประมูลหาผู้รับเหมาได้นั้น ตามปกติจะต้องรอให้รายงานEIA ได้รับอนุมัติก่อน ซึ่งในขั้นตอนนี้จะใช้เวลาอีกประมาณหนึ่งปีครึ่งถึงสองปี แต่เพื่อให้การพัฒนาในโครงการที่จำเป็นเร่งด่วนใน 5 ด้าน ได้แก่ คมนาคมขนส่ง ชลประทาน ป้องกันสาธารณภัย โรงพยาบาล และที่อยู่อาศัย ให้สามารถดำเนินการได้เร็วขึ้น รัฐบาลจึงเห็นสมควรลดระยะเวลาในส่วนนี้ลง เพราะกระบวนการทั้งสองสามารถทำควบคู่กันไปได้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อกัน

ด้าน รวีวรรณ ภูริเดช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยืนยันว่าการดำเนินการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ ที่เข้าข่ายต้องทำรายงาน EIA ยังคงต้องทำตามขั้นตอนปกติ ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมคุณภาพและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมปี 2535 เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนกฎหมาย ดังนั้น ข้อกังวลที่ทางเครือข่ายนักวิชาการและภาคประชาชน ระบุวาคำสั่งดังกล่าวของ คสช. มีผลทำให้กระบวนการพิจารณาอนุมัติอีไอเอ ผ่านความเห็นชอบได้ง่ายกว่าปกตินั้น ในทางปฏิบัติไม่ได้เป็นเช่นนั้น และที่สำคัญคำสั่งนี้ไม่ได้กดดัน และเร่งรัดกระบวนการพิจารณาอีไอเอแต่อย่างใด

"ขณะนี้มีโครงการที่จะที่ได้รับประโยชน์จากคำสั่งนี้ 70 โครงการ กว่าครึ่งเป็นโครงการด้านคมนามคม โดยเฉพาะระบบรางและการสร้างมอเตอร์เวย์ สำหรับเหตุผลที่ คสช. ออกคำสั่งนี้ เข้าใจว่าต้องการช่วยให้โครงการร่วมทุน เช่น โครงการรถไฟระบบรางคู่ สามารถดำเนินการได้เร็วขึ้น เพราะตามปกติหากต้องรอ EIA ผ่านความเห็นชอบ ซึ่งใช้เวลาประมาณสองปี จะทำให้การพิจารณาด้านงบประมาณ และการร่วมทุนซึ่งใช้เวลาอีกประมาณสองปีนั้นล่าช้าออกไปอีก ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการพัฒนาประเทศ"

โดยมีโครงการที่จะที่ได้รับประโยชน์จากคำสั่งนี้ 70 โครงการ โดย 20 โครงการด้านคมนาคม โดยเฉพาะระบบรางและการสร้างมอเตอร์เวย์ ทางหลวง 36 โครงการ /ท่าอากาศยาน 2 แห่งท่าเทียบเรือ 2 โครงการ เขื่อนอ่างเก็บน้ำ 8 โครงการ โรงพยาบาลรัฐ 5 และสิ่งก่อสร้างในทะเล 4โครงการ โรงไฟฟ้า 4 แห่ง

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท