นักวิชาการ ม.รังสิต เผยผลตรวจเลือดชาวบ้านรอบเหมืองทอง อัคราฯ พบแมงกานีสเกินค่ามาตรฐาน 420 คน สารหนู 196 คน ไซยาไนด์ 59 คน ด้านตัวแทนเหมืองค้านผลการตรวจ ชี้ผู้ตรวจไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ย้ำผลตรวจไม่ตรงกับหน่วยงานรัฐ

เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2559 ผู้จัดการออนไลน์ ASTV รายงานว่า ฉัตรพร ราษฎร์ดุษดี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เป็นประธานในการประชุมคณะทำงานตรวจสอบและแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการดำเนินกิจการเหมืองแร่ทองคำ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดพิจิตร โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกว่า 40 คน และตัวแทนกลุ่มชาวบ้านที่คัดค้านการทำเหมืองทอง เข้าร่วมประชุมด้วย 4-5 คน

สมิทธ ตุงคะสมิทธ ผู้เชี่ยวชาญด้านสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ได้รายงานผลการตรวจเลือดของชาวบ้าน 3 จังหวัด คือ พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ จำนวน 1,004 คน ช่วงเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน 58 ว่าพบสารปนเปื้อนในร่างกายเกินมาตรฐานเช่นเดียวกับผลตรวจปีก่อนหน้านี้ โดยพบแมงกานีสในร่างกายเกินเกณฑ์มาตรฐาน 420 คน หรือ 41.83%, มีสารหนูในร่างกายเกินเกณฑ์มาตรฐาน 196 คน หรือ 19.52%, มีไซยาไนด์ในร่างกายเกินเกณฑ์มาตรฐาน 59 คน หรือ 5.88% ทั้งนี้ ในกลุ่มตัวอย่างที่เป็นเด็กพบแมงกานีสเกินมาตรฐาน 165 คน (55.56%) สารหนูเกินมาตรฐาน 53 คน (17.85%) และไซยาไนด์เกินมาตรฐาน 2 คน (0.67%)

ขณะที่เชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการประสานกิจการภายนอก บริษัทอัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ได้โต้แย้งว่า สมิทธไม่ใช่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทำงานโดยไม่ได้เสนอแผนงานให้คณะกรรมการ 5 ฝ่ายได้พิจารณาก่อน จึงเกิดข้อโต้แย้งมากมายตามมา อีกทั้งผลสรุปที่ออกมาไม่สอดคล้องกับหน่วยงานของภาครัฐ เช่น สาธารณสุข หรือกรมควบคุมมลพิษ

อย่างไรก็ตาม นางฉัตรพร ราษฎร์ดุษดี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร จะส่งผลการตรวจเลือดดังกล่าวไปให้ผู้เชี่ยวชาญของกระทรวงอุตสาหกรรม วิเคราะห์ต่อไปว่าข้อมูลดังกล่าวมีนัยที่เป็นผลกระทบต่อชาวบ้านอย่างไรหรือ ไม่ต่อไป

ขณะที่นอกห้องประชุมก็มีชาวบ้านที่เป็นพนักงานของเหมืองแร่ทองคำอัคราฯ ประมาณ 60 คน ได้ทำหนังสือมาขอความเห็นใจผ่านผู้ว่าฯ พิจิตร ให้กระทรวงอุตสาหกรรมต่ออายุประทานบัตร เพราะหากเหมืองทองอัคราฯ อาจต้องปิดลง ซึ่งจะส่งผลให้แรงงานรวมถึงครอบครัวเกือบ 2,500 คนต้องตกงาน