Skip to main content
sharethis

ปลัดกระทรวงมหาดไทยเผยโครงการกำหนดสถานะให้แก่บุคคลไร้สัญชาติปี 58 พบนักเรียน/นักศึกษาไม่มีสัญชาติ ขาดสถานะ 6.9 หมื่นราย ตรวจสอบคุณสมบัติ 4.5 หมื่นราย มีคุณสมบัติได้สัญชาติ 1.9 หมื่นราย พร้อมกำชับ จนท. ช่วยเหลือราษฎรที่มีสิทธิในสัญชาติไทยให้ได้รับการรับรองสิทธิอย่างถูกต้อง เพื่อให้บุคคลเข้าสู่สิทธิในสวัสดิการของรัฐได้อย่างเสมอภาคเท่าเทียมกับคนไทยทุกคน-มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น

เด็กนักเรียนในศูนย์การเรียนรู้แห่งหนึ่งใน ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ภาพถ่ายเมื่อเดือนกรกฎาคม 2557 (ที่มา: ประชาไท/แฟ้มภาพ)

13 มี.ค. 59 เว็บไซต์รัฐบาลไทย รายงานเมื่อ 12 มี.ค. ว่า กฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยผลการดำเนินงานโครงการกำหนดสถานะให้แก่บุคคลไร้สัญชาติ ที่ดำเนินงานมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2558 ซึ่งมีจำนวนนักเรียนและนักศึกษาทั่วประเทศที่ยังไม่มีสัญชาติไทยหรือสถานะบุคคล จำนวน 69,670 ราย ประกอบด้วย นักเรียน นักศึกษาที่ได้รับพระราชทานทุนการศึกษา และนักเรียน/นักศึกษาทั่วไป

ได้ตรวจสอบคุณสมบัติทางทะเบียนราษฎร์แล้ว จำนวน 45,250 ราย ปรากฏว่านักเรียน/นักศึกษาดังกล่าวเป็นผู้มีคุณสมบัติได้รับสัญชาติไทย จำนวน 19,794 ราย กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยจึงได้ส่งรายชื่อดังกล่าวไปให้สำนักทะเบียนอำเภอ/ท้องถิ่น ตรวจสอบ รายชื่อ และติดต่อบุคคลที่มีอยู่ในพื้นที่อีกครั้งว่ายังอยู่ในพื้นที่หรือไม่ และได้แจ้งนักเรียน/นักศึกษาดังกล่าวมายื่นคำร้องขอมีสัญชาติไทยต่อเจ้าพนักงาน

ปัจจุบันมีผู้มายื่นคำร้องแล้ว จำนวน 8,729 ราย ขณะนี้นายทะเบียนได้อนุมัติเพิ่มชื่อเป็นบุคคลสัญชาติไทยแล้ว จำนวน 5,563 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นนักเรียน/นักศึกษาที่อยู่ในระหว่างรับพระราชทานทุนการศึกษาจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์อื่นๆ ด้วย จำนวน 523 ราย

"โอกาสนี้ จึงขอประชาสัมพันธ์แจ้งให้นักเรียน/นักศึกษาที่เป็นกลุ่มเป้าหมายจำนวนที่เหลือ ไปติดต่อสำนักทะเบียนในพื้นที่ เนื่องจากยังมีตัวเลขที่ยังไม่มายื่นคำร้องอีกจำนวนมาก" ปลัดกระทรวงมหาดไทยกล่าว

ก่อนหน้านี้ กระทรวงมหาดไทยโดยกรมการปกครองได้ดำเนินงานตามโครงการกำหนดสถานะให้แก่บุคคลไร้สัญชาติ ประจำปี 2558 เพื่อแก้ไขปัญหานักเรียนและนักศึกษาทั่วไป รวมทั้งนักเรียนนักศึกษาที่อยู่ระหว่างได้รับพระราชทานทุนการศึกษาได้มีสัญชาติหรือสถานะบุคคลที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีการประมวลผลข้อมูลทางทะเบียนราษฎร์ของบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย เพื่อแยกบัญชีรายชื่อเด็กนักเรียนไร้สัญชาติที่มีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ให้จังหวัดแจ้งสำนักทะเบียนทุกแห่งในเขตพื้นที่ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติเพื่อกำหนดสถานะให้แก่บุคคลเป้าหมายตามคุณสมบัติที่กฎหมายกำหนด

ปลัดกระทรวงมหาดไทยเปิดเผยว่ายังมีปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ อาทิเช่น การขาดความเข้าใจในกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้ง และไม่กล้าที่จะดำเนินการเนื่องจากเกรงว่าจะกระทำผิดขั้นตอน ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินงานตามโครงการฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงมหาดไทยจึงได้มีหนังสือแจ้งให้ทุกจังหวัดกำชับและทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน โดยเฉพาะจังหวัดส่วนใหญ่ที่มีกลุ่มเป้าหมายไม่ถึง 1,000 ราย ควรเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน สำหรับจังหวัดที่มีกลุ่มเป้าหมายจำนวนมาก เช่น ตราด ราชบุรี แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี เชียงราย และเชียงใหม่ ได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกำกับดูแลเรื่องนี้ด้วยตนเองอย่างใกล้ชิด และกำชับนายอำเภอ นายทะเบียนอำเภอ และนายทะเบียนท้องถิ่นที่มีเด็กและเยาวชนไร้สัญชาติอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบให้เอาใจใส่และให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติตามโครงการฯ อย่างจริงจัง เนื่องจากเป็นงานที่กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญ และต้องเร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลให้แก่เด็กและเยาวชนที่กำลังศึกษาเล่าเรียน ซึ่งเป็นงานที่มีส่วนสนับสนุนงาน ตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงให้ความสำคัญกับการศึกษาและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในถิ่นทุรกันดาร หากอำเภอใดมีปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติงานไม่ว่าจะเป็นเรื่องอัตรากำลัง ความรู้ ความเข้าใจของเจ้าหน้าที่ หรือเรื่องอื่นๆ ให้แจ้งขอรับการสนับสนุนมายังกระทรวงมหาดไทยซึ่งพร้อม จะให้การสนับสนุนแก้ไขปัญหาในทุกๆ ด้าน

ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำให้ผู้ปฏิบัติงานทุกระดับที่มีหน้าที่รับผิดชอบงานเรื่องสถานะบุคคลและสัญชาติทั้งในระดับอำเภอและจังหวัดได้ตระหนักถึงบทบาท อำนาจหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่มีสิทธิในสัญชาติไทยให้ได้รับการรับรองสิทธิความเป็นคนไทยอย่างถูกต้องเหมาะสม เพื่อให้บุคคลเหล่านี้สามารถเข้าสู่สิทธิในสวัสดิการของรัฐได้อย่างเสมอภาคเท่าเทียมกับคนไทยทุกคนและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก และเยาวชนที่กำลังอยู่ในระบบการศึกษาของประเทศที่จะเติบโตเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net