ความเป็น Dystopia และสภาวะครึ่งๆกลางๆของมนุษย์ภายในภาพยนตร์ The Lobster

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ


ที่มาภาพ: http://www.allocine.fr

ผู้เขียนเพิ่งจะได้มีโอกาสได้รับชมภาพยนตร์ The Lobster (2015) ซึ่งเป็นภาพยนตร์ชื่อดังที่รับรางวัลชนะเลิศจากเทศกาลภาพยนตร์ในโลกตะวันตก มากมาย อาทิ Rotterdam International Film Festival, Cannes Film Festival, Film Fest Gent, และรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 4 ในรายการภาพยนตร์ไอริชยอดเยี่ยมจาก Dublin Film Critics’ Circle เป็นต้น

ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวนี้ไม่ได้ทำให้ผู้เขียนผิดหวัง เมื่อหยิบเลือกขึ้นมารับชม ผู้เขียนได้พบกับนัยทางปรัชญา และแนวคิดทางสังคมที่เกี่ยวกับชีวิตทางสังคมของมนุษย์อย่างเห็นได้ชัดจากภาพยนตร์ดังกล่าว สิ่งที่ภาพยนตร์ได้พยายามฉายนั้นปรากฏออกมาในลักษณะของการฉายถึงภาพของสังคมในยุค Dystopia หรือ เรียกอีกอย่างว่า โลกแห่งความสิ้นหวัง โหดร้าย และกระทบต่อสภาพจิตใจของผู้รับชม โดยเฉพาะการดึงให้ผู้ชมในยุคปัจจุบันได้กลับเข้าไปสู่ระบบแยกคู่ตรงข้าม (binary logic) ซึ่งแบ่งทุกอย่างให้แตกออกเป็นเพียงสองขั้ว สองมุม (bi-polarization to bi-polarity) ที่อยู่ตรงข้ามขัดแย้งกันเพียงเท่านั้น ดังจะเห็นได้จากการพยายามตัดแบ่งมนุษย์ออกเป็นสองกลุ่มก้อน คือ กลุ่มมนุษย์โสด (Loner) และกลุ่มผู้สังกัดในสถาบันของการแต่งงาน (Institution of Marriage)

การแยกภาคี การแยกขั้วตรงข้ามเหล่านั้นแสดงออกให้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงโลกที่ไม่มีอะไรครึ่งๆกลางๆ โลกที่หากไม่ใช่สีขาวก็ต้องกลายเป็นสีดำ โลกที่ต้องการความแน่นอน (certainty) โลกที่มีความต้องการสถาปนาตัวเองให้ขยายขึ้นเป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ (meta-structure) ที่ก้าวจะเข้ามากำหนดทางเลือกความเป็นไป (choice) ในชีวิตของมนุษย์ในฐานะที่เป็นตัวแสดงหรือหน่วยเล็กๆ (agents/actors) ในสนามขนาดใหญ่ (the field) ที่ไม่สามารถมีทางเลือกอะไรในชีวิตมากนัก โลกและสังคมในลักษณะนี้จะคอยพยายามสอดส่องและไม่อนุญาตให้มนุษย์เลือกทำอะไรครึ่งๆกลางๆ หรืออะไรที่มันเป็นการแสดงถึงความไม่ชัดเจนได้ สังเกตได้จากการที่พระเอกเรื่อง The Lobster ไม่สามารถเลือกที่จะเป็นคนสองเพศสภาพ (bisexual) ได้ พระเอกต้องเลือกว่าจะเป็นผู้นิยมชมชอบเพศเดียวกัน (homosexual) หรือ จะเป็นพวกที่นิยมชมชอบในเพศตรงข้าม (heterosexual) กล่าวคือ เมื่อเกิดทางแพร่ง หรือทุกๆครั้งที่มีการจัดแบ่งเส้นทางให้มนุษย์ต้องเลือก มันจะเป็นเพียงทาง “สองแพร่ง” ที่มนุษย์ไม่มีสิทธิหรือโอกาสแม้แต่จะเลือก 2 อย่าง เพราะเส้นทางเหล่านั้นจะมีกลไกบางอย่างมาจัดการและบีบบังคับให้มนุษย์เลือกเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งเสมอ ไม่มีสิ่งใดนอกเหนือจากนั้น

เช่นเดียวกัน จะเห็นว่าก่อนเข้าสู่พื้นที่ของโรงแรมหาคู่ หรือฉากที่พระเอกเรียกร้องพนักงานให้สรรหารองเท้าขนาด ”40 นิ้วครึ่ง” หรือ “40.5” จากทางโรงแรมมาให้ แน่นอน ทางโรงแรม หรือ โลกแห่ง Binary Logic ย่อมไม่เห็นด้วย และมีการออกเป็นคำสั่งห้ามเอาไว้อยู่แต่แรกแล้วว่าไม่มีอะไรที่ครึ่งๆกลางๆ พระเอกของภาพยนตร์ The Lobster จึงจำเป็นต้องเลือกระหว่างจะใส่รองเท้าขนาด 40 หรือขนาดที่ใหญ่กว่านั้นไปอีก 1 ระดับไปเลยคือ 41 ซึ่งสุดท้ายมันได้ช่วยให้พระเอกตระหนักได้ว่าไม่มีอะไรที่จะสามารถเป็น”จุด 5” ให้เลือก

อีกเหตุการณ์หนึ่งคือเรื่องของการสำเร็จความใคร่ให้แก่ตนเอง (masturbation) ที่เมื่อมนุษย์เข้ามาสู่โลกของ Binary Logic แบบเต็มรูปแบบ หรือเต็มขั้นตอนแล้ว ตัวแสดง หน่วย หรือคนที่ก้าวเข้าไปอาศัยอยู่นั้น จะต้องพบเจอกับกฎเกณฑ์กติกาต่างๆที่โลกนั้นสั่งหรือ อนุญาตให้กระทำหรือไม่กระทำ โดยจะมีกฎเหล็กประการสำคัญอยู่ คือ การหาคู่ และ การมีคู่ รวมถึงการผลักตนเองให้สามารถเข้าสู่ระบบสถาบันครอบครัว และสถาบันการแต่งงาน (family institution) ที่เป้าหมายหลักคือ การปล่อยน้ำกามเพื่อผลิตลูก (coitus) เพียงเท่านั้น  แต่หากหันมามองที่การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการสำเร็จความใคร่ของผู้ชายหรือของผู้หญิง สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นกิจกรรมและขั้นตอนกระบวนการที่อยู่กึ่งกลาง (in-between) ระหว่างการผลิตลูก กับ การยืนยันสถานะของความเป็นโสดหรือความโดดเดี่ยว หรือเรียกอีกอย่างว่า สภาวะของการไร้ความสัมพันธ์ (non-relational activity) สารคัดหลั่ง หรือ ความใคร่ที่ถูกปล่อยออกมาจึงกลายเป็นสิ่งที่ไร้ความหมาย และไม่เข้ากับตรรกะหรือจริตของโรงแรม ที่ปรากฏตัวในฐานะของโลกแห่ง Binary Logic อันพยายามจะบีบบังคับให้มนุษย์ต้องเลือกที่จะแสดงออกถึงความชัดเจนในกิจกรรมแต่ละครั้ง มนุษย์ต้องเลือกระหว่างการเดียวดาย และการแต่งงานหรือการผสมพันธุ์ โดยอีกกิจกรรมหนึ่งที่ภาพยนตร์ได้ฉายออกมาอย่างชัดเจน คือ เงื่อนไขของการเข้าสู่ระบบสถาบันการแต่งงานของมนุษย์ ในฉากที่โรงแรมสั่งให้มนุษย์ออกตามหาชีวิตมาสร้างครอบครัว เพื่อเข้าสู่ระบบสถาบันการแต่งงาน ในเวลาเดียวกันนั้นมนุษย์จำเป็นจะต้องเข้าสู่กระบวนการของการทำลาย ฆ่าฟัน “ความโสด” ให้สะบั้นทิ้งลงไปพร้อมๆกัน (simultaneously) เพราะมนุษย์ไม่สามารถที่จะคงสถานะของความโสดเอาไว้ได้ พร้อมๆกับการมีสถานะ “แต่งงานแล้ว” เพราะหากไม่กระทำเช่นนี้แล้วก็จะไม่สามารถอยู่รอดในโลก Binary Logic ได้

แต่ความจริงประการหนึ่งที่โลก Binary Logic ได้ละเลยคือ ความซับซ้อนของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า มนุษย์และสถาบันที่เรียกว่า สังคมของมนุษย์ลงไป เพราะจริงๆแล้วโลกไม่ได้มีแค่ความตรงกันข้ามแบบทวิภาคเท่านั้น โดยสิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือ พฤติกรรมของพระเอก The Lobster เมื่อถูกดึงเข้าสู่โลก Binary Logic ของโรงแรมบังคับให้ออกแสวงหาครอบครัว และเข้าสู่สถาบันการแต่งงาน พระเอกเป็นตัวแทนของตัวแสดงที่ไม่สามารถอดรนทนต่อระบบแห่งนี้ได้ ในทางเดียวกัน เขาพยายามหนีออกจากพื้นที่ดังกล่าวไปสู่ป่าของกลุ่มคนโสด หรือพื้นที่บังคับโสด (forced lonelity) แต่พระเอกก็ไม่สามารถอดทนอยู่ได้เช่นกัน แถมยังสามารถสร้างสรรค์ความรักขึ้นได้ในสภาพนั้นอีก แต่ทั้งสองก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่จะแต่งงานกัน ได้แต่พูดถึงการหลบหนีไปอยู่ในเมือง (โดยใช้เอกสารต่างๆที่ถูกปลอมขึ้นมา)

ในส่วนนี้คือจุดหักเหที่ภาพยนตร์ The Lobster ได้สร้างแสดงให้เห็นไว้ถึงความซับซ้อนและความพยายามที่จะหลุดออกจากกรอบโครงสร้างแห่งระบอบแบ่งแยกคู่ขั้วตรงข้าม (binary opposition) อย่างรุนแรง ผ่านการกระทำของพระเอก The Lobster ที่ไม่เห็นด้วยต่อระบบดังกล่าว สิ่งที่ David (พระเอกของภาพยนตร์) ได้กระทำลงไปต่อโครงสร้างแห่งขั้วตรงข้ามเหล่านั้นเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกหรือแสดงออกถึงสภาวะที่ยืนยันในขีดความสามารถแห่งความซับซ้อนภายในมนุษย์ (complexibility) ที่ไม่สามารถจะถูกจับไปเข้ารหัสหรือจัดประเภทแบบคู่ตรงข้ามแบบทวิลักษณ์ (binary oppositionalization) อย่างลงตัวได้

ตรงกันข้าม มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่ระบบวิธีการคิดที่ซับซ้อน คาดเดายาก (unpredictable) ไร้เหตุผล ครึ่งๆกลางๆ ไร้ความลงตัว ไร้ความแน่นอน (uncertainty) เชื่อและนิยมชมชอบในการปฏิบัติการตามเจตจำนงของตนเอง (general will-like subjects) มุมหนึ่งคือมุมที่ David พระเอก The Lobster ได้ให้อรรถาธิบายถึงภาพสภาวะความซ้ำซ้อน ซับซ้อน ไม่แน่นอน เข้าใจยากของมนุษย์ ที่ไม่สามารถจะอยู่ในระบบของความแน่นอน มั่นคง ตายตัวได้อย่างมีความสุข ตลอดไป มนุษย์ที่ไม่เคยพึงพอใจในสิ่งใด และมีความปรารถนามากกว่าทางแพร่งที่โครงสร้างผลิตขึ้นไว้ให้เลือกอยู่ตลอดเวลาเสมอ อีกมุมหนึ่งคือ โรงแรม ที่ได้ตอกย้ำถึงความพยายามในอีกด้านหนึ่งของโครงสร้างขนาดใหญ่แห่งวงจรคู่ตรงข้ามที่มุ่งจะผลิตหรือตัดแบ่งมนุษย์ให้เข้าไปสู่โลกของ 2 ขั้วทวิลักษณ์ (binary opposition) อย่างแรงกล้า เพื่อทำการจัดระเบียบความแตกต่าง และระบบความสัมพันธ์ให้ชัดเจน มีประเภทของความเฉพาะตัว เฉพาะเจาะจงที่สามารถระบุได้สะดวก ง่ายต่อการดูแล บริหารจัดการ

โดยสรุปแล้วจะเห็นได้อย่างประจักษ์ชัดจาก The Lobster ว่า วิวัฒนาการของโลกที่มนุษย์อาศัยอยู่นั้นไม่สัมพันธ์กับวิวัฒนาการทางด้านความนึกคิด และความต้องการของมนุษย์ กล่าวคือ แม้ความคิด และชีวิตมนุษย์จะมีวิวัฒนาการของความซับซ้อน (complex) ความเข้าใจยาก ความไม่แน่นอนของตนเองไปมากมาย ล้ำไกลเพียงใด แต่โลกหรือโครงสร้างต่างๆที่แวดล้อมรอบตัวของมนุษย์นั้นยังคงอยู่ในสภาพที่เป็นโลกแห่ง Binary Logic หรือ โลกแห่งการจัดสัมพันธ์คู่ตรงข้าม ทำให้เกิดสภาวะที่โครงสร้างและโลกไม่สามารถตอบรับกับความต้องการและชีวิตความรู้สึกของมนุษย์ได้อย่างลงตัว จนเกิดการบีบคั้นให้มนุษย์ต้องพยายามหนีห่างออกจากโครงสร้าง หนีจากโรงแรม (marriage) หนีจากป่าแห่งคนโสด (loner) เพราะในทุกๆวันนี้ สังคมมนุษย์ไม่ได้มีแต่โสดหรือแต่งงาน มีแฟนแล้วแค่เพียงเท่านั้น แต่มันยังมีความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ปรากฏออกมามากมายที่โครงสร้างอาจจะยังไม่สามารถให้การอธิบายได้ หรือยังไม่อาจมีพื้นที่ให้แก่รูปแบบความสัมพันธ์เหล่านั้นได้อย่างเต็มที่เท่าที่ควร เช่น การมีคนคุย มีคู่นอน แต่ไม่ได้คบหาในเชิงสถาบันกัน หรือคบหาในเชิงผูกมัดระหว่างกัน

หรือหากพูดให้ถึงที่สุดแล้วอาจกล่าวได้ว่าปัจจุบันโลก หรือ ระบบโครงสร้าง Binary Logic เหล่านั้นยังไม่อาจรับมือหรือมีวิวัฒนาการที่เพียงพอจะรองรับตัวแบบความสัมพันธ์บางชนิดที่มีรูปแบบออกไปในเชิงของ Postmodern ซึ่งเป็นความสัมพันธ์รักที่อาจล้ำ beyond ไปกว่า friend zone แต่ไปไม่ถึง in a relationship ก็เป็นได้
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท