Skip to main content
sharethis

16 มี.ค. 2559 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้ออกแถลงการณ์ กรณีเจ้าหน้าที่ทหารปล่อยตัวนายสราวุธ บำรุงกิตติคุณแล้ว โดยศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิฯ ระบุว่า ตามที่เจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 30 นาย ได้ควบคุมตัวนายสราวุธ ผู้ดูแลเพจ“เปิดประเด็น” ไปจากที่พักในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค. 2559 วันนี้ (16 มี.ค.59) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้ได้รับแจ้งจากญาติของนายสราวุธว่า ปัจจุบันนายสราวุธได้รับการปล่อยตัวแล้วโดยญาติได้ไปรับตัวมาจากค่ายวิภาวดีรังสิต มณฑลทหารบกที่ 45  จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อเวลาประมาณ 8.00 น.     

ทั้งนี้ภายหลังถูกควบคุมตัวในวันที่ 9 มี.ค.59 นายสราวุธได้ถูกนำตัวไปควบคุมที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานครและเดินทางกลับมาถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานีเมื่อคืนนี้เวลาใดไม่แน่ชัด โดยการปล่อยตัวครั้งนี้เจ้าหน้าที่ทหารได้คืนคอมพิวเตอร์พกพาและโทรศัพท์มือถือที่ยึดไปคืนแก่นายสราวุธเรียบร้อยแล้ว และยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาว่านายสราวุธกระทำความผิดข้อหาใด  ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนขอแสดงความยินดีที่นายสราวุธได้รับการปล่อยตัวอย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงที่ยืนยันได้อีกครั้งว่ารัฐควบคุมตัวบุคคลโดยปกปิดสถานที่ควบคุมตัว และไม่ให้สิทธิผู้ถูกควบคุมตัวในการติดต่อญาติรวมถึงปฏิเสธที่่จะทราบชะตากรรมของผู้ถูกควบคุมตัว การปล่อยตัวดังกล่าวจึงไม่อาจทำให้การควบคุมที่ขัดต่อหลักการสิทธิมนุษยชนถูกต้องขึ้นมาได้

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิฯ จึงขอยืนยันข้อเรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติเคารพต่อพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคีและยุติการใช้อำนาจในการควบคุมตัวบุคคลตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 3/2558 ต่อไป

เจ้าตัวเผยถูกมือดีใส่ความ แต่ตรวจสอบแล้วไม่พบหมิ่นเบื้องสูง ระบุทหารดูแลดี

ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า นายสราวุธ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยตั้งค่าเฉพาะเพื่อนและมีการแคปภาพโพสต์ดังกล่าวไปเผยแพร่ในลักษณะสาธารณะโดยผู้อื่น ซึ่งโพสต์ดังกล่าว นายสราวุธ ระบุว่า ตนถูกมือดีใส่ความ แต่หลังจากได้รับการตรวจสอบแล้ว ตนไม่มีแนวทางหมิ่นเบื้องสูง และตนไม่มีใครจ้างทำเพจ ไม่มีสีเสื้อ ใครเป็นใครวิจารณ์ไปตามกระแส พร้อมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทหารดูแลความปลอดภัยดี แต่ห้ามติดต่อสื่อสาร

วันเดียวกัน สราวุธให้สัมภาษณ์ บีบีซีไทยถึงกรณีที่ถูกควบคุมตัวว่าเกิดจากกรณีที่มีผู้ไม่หวังดีแจ้งความว่าเขาเป็นพวกหมิ่นสถาบัน และรับจ้างทำเพจการเมือง ซึ่งเขาระบุว่าวันที่เกิดการควบคุมตัว มีเจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้ามาจำนวนมาก ทั้งทหาร ตำรวจในท้องที่ เจ้าหน้าที่กองบังคับการกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ซึ่งเขายินดีให้ตรวจสอบอุปกรณ์ทุกอย่าง เพราะเชื่อว่าตนเองไม่ได้ทำผิดตามที่ถูกกล่าวอ้าง และเพจ “เปิดประเด็น” นั้นทำเป็นงานอดิเรก

“เจ้าหน้าที่มากันเยอะราวกับเป็นผู้ก่อการร้าย ผมแค่ชอบดีเบตกับเพื่อน ไม่คิดว่าจะดัง ผมไม่ได้ปิดบังอะไร เพจเปิดประเด็นเอาไว้ถกเถียงเรื่องทั่วๆ ไป เป็นเรื่องที่เราทำเครื่องบินบังคับ หรือเล่นกีฬา ทำเสร็จเราก็ไปทำอย่างอื่น เมื่อเจ้าหน้าที่มาควบคุมตัวแล้วจากนั้นก็พานั่งเครื่องบินไปถึงกรุงเทพฯ มีเจ้าหน้าที่สอบสวนอีกชุด ถามว่าผมเป็นเครือข่ายหมิ่นสถาบันหรือเปล่า ผมตกใจแทบสิ้นสติเลย เพราะผมไม่ชอบเฮทสปีช ไม่ชอบภาพตัดต่อใส่ร้าย ไม่ว่าจะเกี่ยวกับสถาบันหรือไรก็ตาม”

สราวุธกล่าวว่า เขาทราบว่าถูกควบคุมตัวที่ มทบ. 11 และคิดว่าเปิดเผยได้เพราะไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขที่ห้ามไว้ก่อนถูกปล่อยตัว และยืนยันว่า ได้รับการดูแลและปฏิบัติอย่างดี แต่สิ่งที่กระทบความรู้สึกคือ เขาไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองว่าจะถูกควบคุมตัวนานแค่ไหน และกำลังถูกตรวจสอบเรื่องอะไร และก่อนได้รับการปล่อยตัว เจ้าหน้าที่ได้บอกให้ทำความเข้าใจถึงเหตุผลเรื่องการยึดอำนาจ ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องจำเป็น และยืนยันว่าตนเองเป็นห่วงเรื่องเดียวคือเศรษฐกิจ แต่ไม่ได้หมิ่นสถาบัน ไม่ได้รับจ้างทำเพจ

สำหรับข้อตกลงก่อนปล่อยตัวนั้น เขาระบุว่า ต้องยุติการทำเพจ ขณะที่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่พบว่าเขาเกี่ยวข้องกับการหมิ่นสถาบัน และเป็นคนสนใจการเมืองทั่วไปไม่ได้สังกัดฝ่ายใด

“จิตตก คุณลองคิดดูแล้วกันว่าถูกกักบริเวณต่อต่อกัน 6 วันโดยติดต่อใครไม่ได้เลย จะเป็นอย่างไร ทุกข์ของเรายังพอสวดอธิษฐาน แต่คนที่เป็นห่วงเราล่ะ” สราวุธกล่าว

 

ประยุทธ์ เพิ่งประกาศในคืนความสุข ไทยต้องรักษาพันธะที่ให้ไว้กับเวทีโลก

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” เรื่องของนโยบายรัฐบาลในการดำเนินการด้านต่างประเทศและเวทีโลกในปัจจุบัน โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "เราจะต้องรักษาพันธะสัญญาต่าง ๆ ที่เราสัญญากับเขาไว้แล้ว แล้วเราไม่ได้ทำ วันนี้ต้องเอามาทำหมด อันไหนควรทำใหม่ก็ว่าไปโดยไม่เสียเปรียบ มันยาก ยากเพราะบางทีลงนามกันไว้แล้วมากมาย"

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net