Skip to main content
sharethis

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกทีวีวันศุกร์ สรุปรถไฟความเร็วปานกลางไม่ทันการ จึงคิดสร้างรถไฟความเร็วสูง ไทยลงทุนเอง ช้ากว่านี้จะเสียการ ตามเขาไม่ทัน จะใช้แรงงาน-ช่างเทคนิคไทย ส่วนวิศวกรจีนเพราะใช้เทคโนโลยีจีน ขออย่าเอางบเดิมมาเทียบ เพราะตัวเลขเก่ากับตัวเลขใหม่เป็นคนละอันกัน ย้ำจะสร้างให้ทุกภาค ช่วงปิดเทอมฝาก ปู่ ย่า ตา ยาย ระวังเด็กๆ เล่นกับไฟ ระวังจมน้ำ ระวังไฟดูด พร้อมเตือนคนปากไม่ดี "คงลืมไปว่าวันนี้ผมอยู่ในตำแหน่งไหน"

ที่มาของภาพ: เว็บไซต์รัฐบาลไทย

25 มี.ค. 2559 - เว็บไซต์รัฐบาลไทย เผยแพร่คำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งกล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2559 เวลา 20.15 น. มีรายละเอียดดังนี้

000

สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน

สิ่งแรกที่ผมขอกล่าววันนี้ ในฐานะตัวแทนของประชาชนชาวไทยและประเทศไทย ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับการบาดเจ็บและสูญเสีย จากเหตุการณ์ที่กรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยี่ยม และขอประณามการก่อการร้ายครั้งนี้ รวมทั้งจะร่วมกันต่อต้านการกระทำดังกล่าวร่วมกับประเทศอื่น ๆ ในโลกใบนี้ด้วย สำหรับประเทศของเราเองนั้น ผมได้กำชับทุกส่วนราชการ หน่วยงานทุกภาคส่วน ให้ใช้ความระมัดระวังในเรื่องของการรักษาความปลอดภัยสถานที่และบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่สำคัญที่มีชาวต่างประเทศและชาวไทยเป็นจำนวนมาก อาทิเช่น ท่าอากาศยาน ท่าเรือ ท่ารถ สถานที่ท่องเที่ยว ฯลฯ อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนทุกท่านได้ร่วมมือกันเฝ้าระวัง สังเกตหากพบเห็นสิ่งผิดปกติหรือพบบุคคลที่ต้องสงสัย ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่โดยเร็วจะได้แก้ปัญหาได้ทันสถานการณ์ก่อนที่จะเกิดขึ้น

ผมของแสดงความยินดีกับทีมฟุตบอลชาติไทย หรือ “ทีมช้างศึก” ของเราที่ประสบความสำเร็จ ผ่านรอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 เป็นผู้นำกลุ่มเอฟ เข้าไปสู่ฟุตบอลโลก 2018 พร้อมทั้งได้สิทธิ์ในการแข่งขันเอเชี่ยนคัพ 2019 ด้วย ขอขอบคุณทุกคนและโค้ช “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ทีมงาน และที่สำคัญคือนักเตะทุกคน ที่ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ จนสามารถนำความสุขมาสู่คนไทย สังคมไทยได้อีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงพลังความสามัคคี ความมุ่งมั่นแล้ว ยังแสดงให้เห็นว่าไม่มีอะไรที่คนไทยทำไม่ได้ เราไม่เป็นรองชาติใดในโลกนี้ ถ้าเราพยายามช่วยกัน

วันนี้มีเรื่องดี ๆ ของความร่วมมือในการทำงานร่วมกัน ในรูปแบบประชารัฐ ได้แก่ การทำงานของมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มูลนิธิป่าทะเลเพื่อชีวิต สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และบริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) ในโครงการ “รักน้ำ” ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยจะใช้งบประมาณด้าน CSR การประชาสัมพันธ์ของบริษัท ในการสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชน เพื่อดำเนินโครงการในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การอนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งน้ำ ตามแนวทางพระราชดำริ เช่น การปลูกหญ้าแฝกป้องกันการกัดเซาะหน้าดิน การกำหนดแนวเขตป่าชุมชน ให้คนอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสมดุล การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ด้วยการส่งเสริมให้มีการใช้วิทยาการและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ร่วมกับปราชญ์ชาวบ้าน ในการสร้างฝายชะลอน้ำ แก้มลิง แอ่งน้ำเล็ก ๆ ของชุมชน ที่เก็บน้ำในไร่นา

นอกจากนั้น ยังมีการสร้างศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศวิทยา การสร้างเครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการปรับปรุงกระบวนการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรม ให้ลดการใช้น้ำต้นทุนลง 28% และเข้มงวดการบำบัดน้ำทิ้ง ก่อนคืนกลับสู่ธรรมชาติ ให้อยู่ในระดับที่สะอาดและปลอดภัยต่อสัตว์น้ำ และสามารถใช้ในการเพาะปลูกได้อีกด้วย มีการตรวจสอบตลอดเวลา ผมเห็นว่า ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกัน มีน้ำใจต่อกัน ประเทศไทยของเรา ก็จะสามารถผ่านพ้นวิกฤตภัยแล้งครั้งนี้ได้ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยเฉพาะโครงการรักน้ำ ตามแนวทางประชารัฐนี้ เป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน โดยเฉพาะชุมชนเกษตรกรรมของไทย ซึ่งถือว่ามีสัดส่วนมากที่สุดของประเทศ ให้เราสามารถยกระดับความเป็นอยู่ของตนในท้องถิ่นของกลุ่มเกษตรกรให้ดีขึ้น มีชีวิตใหม่ มีความหวัง ลดหนี้สิน โดยไม่ต้องเข้ามาเสี่ยงโชคในเมือง ทำงานกับขายแรงงาน ซึ่งไม่ค่อยจะเพียงพอ ครอบครัวได้มีโอกาสอยู่กันพร้อมหน้า ลูกหลานในอนาคตจะกลับไปพัฒนาถิ่นเกิดของตน รัฐบาลก็ทำให้สอดคล้องทั้งหมด การศึกษาที่ต้องกลับไปภูมิลำเนาของตนเอง มีทุนการศึกษาให้อะไรก็แล้วแต่ หรือที่ต่อยอดจบไปแล้วเดิมยังไม่มีงานทำเหล่านี้ แต่ต้องมีกติกาชัดเจนว่าจะต้องกลับไปอยู่ที่บ้านของตัวเองเพื่อพัฒนาบ้านเกิดของตนเองให้มีความมั่นคงตลอดไป ทั้งหมดนี้ก็จะเกิดด้วยความร่วมมือกันของทุกฝ่าย เพราะประเทศไทย เป็นของคนไทยทั้งหมด ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่งเกือบ 70 ล้านคนในวันนี้

สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ผมได้มีโอกาสลงพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อไปติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการต่าง ๆ ตามนโยบายรัฐบาลที่ได้ออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสนับสนุนงบประมาณ “ตำบลละ 1 ล้านบาท” ในการสร้างความเข้มแข็งและแก้ปัญหาภัยแล้ง ตามแนวทางประชารัฐ มีตัวอย่างและมีผลสำเร็จที่น่าชื่นชม คือ โครงการก่อสร้างประตูเปิด-ปิดน้ำ และคลองส่งน้ำหนองมัก ต.จอมศรี อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ที่เป็นการจัดการแหล่งน้ำทางการเกษตรของชุมชนเองช่วยลดความเสี่ยงแก่เกษตรกร 5 หมู่บ้าน 190 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรได้รับประโยชน์ 3,000 ไร่ สร้างรายได้แม้ในช่วงหน้าแล้งก็สามารถจะประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์ ทำการประมง ปลูกพืชผักสวนครัว พืชน้ำน้อยได้ นอกจากนั้น ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ ด้วยการกักเก็บน้ำได้มากกว่า 5 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีคลองส่งน้ำเล็ก ๆ ลงสู่ไร่นาเกษตรกร ความยาวกว่า 1 กิโลเมตรที่ตื้นเขินเดิม แก้ไขปัญหาน้ำท่วมและกักเก็บน้ำไว้ดื่ม-กิน-ใช้ อีกด้วย นั่นคือตัวอย่างประชารัฐระดับล่าง ซึ่งประชาชนมีความต้องการกำหนดความต้องการขึ้นมาเอง และเขาก็ร่วมมือกันทำ รัฐก็เข้าไปสนับสนุนและช่วยเหลือ

สำหรับประชารัฐระดับบน ก็ได้มีการประชุมคณะกรรมการ กรอ.ส่วนกลาง และคณะกรรมการ กรอ.กลุ่มจังหวัด รัฐร่วมเอกชนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 (จังหวัดอุดรธานี เลย หนองคาย บึงกาฬ และหนองบัวลำภู) ผมเป็นประธานในการประชุม เพื่อจะรับทราบการบริหารจัดการภัยแล้ง การบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่ และติดตามความคืบหน้าในเรื่องการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อยตลอดจนการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็ก ได้มีการรับฟังข้อเสนอของภาคเอกชนหลายเรื่องด้วยกันในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในพื้นที่กลุ่มจังหวัดดังกล่าว

รัฐบาลต้องการสร้างความยั่งยืนที่มีจุดมุ่งหมายอันเดียวกัน คือ ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง สร้างความเชื่อมโยง 18 กลุ่มจังหวัดอย่างสอดคล้องกัน ชูจุดเด่นของแต่ละกลุ่มจังหวัด ของแต่ละกลุ่มภูมิภาค โดยเฉพาะวันนี้ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องสินค้าที่จะต้องมีการบ่งบอกทางภูมิศาสตร์ ต้นกำเนิด (GI) ต้องระบุแหล่งที่มา เพื่อสร้างจุดสนใจให้สินค้ามากขึ้นและเป็นไปตามพันธะสัญญากับโลกภายนอกเขาด้วย สำหรับการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ผมและคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติในหลักการให้จัดทำงบประมาณเพิ่มเติมในเรื่องที่เร่งด่วน จำนวนเงินกว่า 300 ล้านบาท ตามที่ กรอ.กลุ่มจังหวัดเสนอมา เป็นโครงการที่จะเป็นประโยชน์และสามารถจะเกิดได้โดยทันที ก็ยินดีที่ทุกคนได้ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ อย่าให้รัฐต้องเป็นผู้กำหนดเองทั้งหมด

อีกเรื่องหนึ่งในระหว่างการเดินทางไปสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง –ล้านช้าง ครั้งที่ 1 และการประชุมโป๋วอ่าว ฟอรั่ม ฟอร์ เอเชีย ระหว่างวันที่ 22 – 24 มีนาคมที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสพบหารือ แบบทวิภาคีกับท่าน หลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นเพื่อนกัน เราเป็นมิตรกันอยู่แล้ว มีหลายประเด็นที่พูดคุยกันในเรื่องของการสร้างสรรค์ ทำอย่างไรความสัมพันธ์ไทยกับจีนจะพัฒนาให้มากยิ่งขึ้นโดยเร็ว รวมทั้งในการร่วมมือในการสนับสนุนประเทศอื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะในประเทศอาเซียนด้วยกัน

ประเด็นสำคัญคือเราได้บรรลุถึงข้อตกลงหรือข้อยุติในหลักการ เกี่ยวกับการดำเนินการสร้างรถไฟความร่วมมือ ไทย – จีน และ G to G คือ ไทยจะลงทุนดำเนินการเองทั้งหมดทุกขั้นตอน ในลักษณะ G to G โดยไม่มีทั้งการให้สัมปทานหรือการร่วมทุนกับใครทั้งสิ้น เนื่องจากเราพิจารณาแล้วว่าเรามีศักยภาพสามารถทำได้ ในส่วนหลักการของจีนนั้น คือเขาไม่สามารถจะร่วมลงทุนได้ในกรณีนี้ ถ้าหากว่าไม่ใช่เป็นเรื่องของสัมปทาน ซึ่งเราคงให้เขาไม่ได้อยู่แล้ว เราลงทุนเองดีกว่า ผลประโยชน์ตกอยู่กับเราทั้งสิ้นและเราสามารถเริ่มเป็นโครงการแรก เป็นรถไฟความเร็วสูงเส้นแรก ระยะทางไม่ยาวมากนักคือเส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทางประมาณ 250 กิโลเมตร ซึ่งจะใช้เทคโนโลยีจากจีน ในการก่อสร้างและถ่ายทอดองค์ความรู้ทั้งเรื่องก่อสร้าง การบริหารจัดการเดินรถ และคนไทยจะต้องดำเนินการให้ได้เองในระยะเวลาอันรวดเร็ว

ทั้งนี้ รัฐบาลเห็นความสำคัญกับการมีรถไฟความเร็วสูง คือเดิมคิดไว้ว่าจะทำรางไว้ก่อนแล้วนำรถไฟความเร็วปานกลางมา สรุปว่าไม่เหมาะกับสถานการณ์วันนี้ เราไปไม่ทัน การลงทุนนี้ลงทุนในประเทศดีกว่า เพื่อจะบริการประชาชนเป็นหลักแล้วกัน เรื่องเชื่อมโยงต่าง ๆ ก็ว่ากันในระยะต่อไป เราสามารถจะเดินทางได้สะดวกรวดเร็วขึ้น ก็อยากให้เป็นรถไฟสู่อนาคต เป็นรถไฟความเร็วสูงเส้นประวัติศาสตร์ก่อนก็แล้วกัน เพื่อประโยชน์ความสัมพันธ์ไทย – จีนด้วย เพื่อการพัฒนาการปฏิรูปประเทศไทย ระยะที่ 1 ด้วย

และจากการสำรวจข้อมูลพบว่า ภาคอีสานที่จำเป็นเกิดก่อนในขณะนี้ เพราะมีความพร้อมของศักยภาพในหลาย ๆ ด้าน จากที่ไปเยี่ยมเยียนมาในเรื่องของการค้า การลงทุนต่าง ๆ ขยับขยายมี GDP มากขึ้น สำหรับภาคอื่นก็รอระยะหนึ่ง ไม่ใช่ว่าจะทำให้ภาคใดภาคหนึ่ง ต้องทำทุกภาคอยู่แล้ว แต่ตอนนี้รัฐบาลตั้งใจให้เป็นจุดเริ่มก่อน ให้ประชาชนได้เห็น ได้เข้าใจว่าการคมนาคมขนส่งของประเทศจะเป็นอย่างไรต่อไปในอนาคตวันข้างหน้า ซึ่งจำเป็นต้องมีหมด เพื่อใช้ในการบริการประชาชนเป็นหลัก การสัญจรไปมามีความรวดเร็ว มีการเคลื่อนย้ายแรงงานเคลื่อนย้ายคนที่จะไปสู่ต่างจังหวัด และต่างจังหวัดมาทำงานในกรุงเทพฯ ทำนองนี้ ให้เร็วขึ้นเช้าไปเย็นกลับก็ได้ เพราะฉะนั้นเราเริ่มภายในก่อนดีกว่า ไม่ใช่เฉพาะเรื่องรถไฟความเร็วสูงอย่างเดียว ที่เราคิดอยู่ขณะนี้ นโยบายรัฐบาลที่ได้มีการอนุมัติหลักการและจัดทำโครงการรถไฟทางคู่ตามเส้นทางเดิมให้สามารถสวนกันได้ เพื่อใช้ในการขนส่งสินค้าและเดินทางที่ไม่รีบร้อน และอยู่ในศักยภาพที่ประชาชนทุกคนสามารถใช้ได้ไปพร้อม ๆ กันอีกด้วย เป็นทางเลือกนะครับ หากเราเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ เราผลิตคนขึ้นมาใหม่ ๆ ให้มีความชำนาญในเรื่องการบริหารจัดการ เรื่องเทคนิค เทคโนโลยีการควบคุมการบริหารการเดินรถเหล่านี้ ก็สามารถที่จะเกิดประโยชน์สูงสุดได้

สิ่งที่ผมเน้นคือ การบริหารจัดการพื้นที่สองข้างทาง โดยคนไทยเอง โดยประเทศไทย รัฐบาลจะหาวิธีการทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์ร่วมกันอย่างสูงสุดกับคนไทยและภาคเอกชน ธุรกิจไทย อาจจะมีความร่วมมือในลักษณะ PPP ร่วมลงทุนได้ ทั้งหมดนั้นเราจะเร่งดำเนินการให้ได้โดยเร็วตามกำหนดเวลาที่มีอยู่ ตาม MOU ที่ได้ลงนามกันไว้แล้วด้วย เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบเท่านั้นเอง ซึ่งทางจีนก็ยินดี นายกรัฐมนตรีจีนเขาฝากมาว่า ขอให้คนไทยเชื่อมั่นจีนกับไทยนั้นเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน ขอให้เชื่อมั่นว่าทางจีนก็มีความปรารถนาดีกับไทย ผมก็ตอบเขาไปว่า เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยกันสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้กับประชาชนในประเทศ ซึ่งท่านก็รับปากว่าโอเค ต้องทำเรื่องเหล่านี้ให้ชัดเจนขึ้น ไม่ได้มุ่งหวังแต่เรื่องธุรกิจเพียงอย่างเดียว

การใช้แรงงานคงใช้แรงงานไทยเป็นหลัก ช่างเทคนิคไทยให้มากที่สุด เพียงแต่ว่าต้องเอาวิศวกรเพราะเราใช้เทคโนโลยีของเขามาแนะนำมาควบคุมการก่อสร้างอะไรต่าง ๆ ผมก็บอกไปแล้วว่า วัสดุบางอย่างที่ไทยสามารถผลิตเองก็ต้องใช้ของเรา อะไรผลิตไม่ได้จำเป็นต้องซื้อก็ต้องซื้อ วันนี้โชคดีที่หลาย ๆ อย่างราคาค่อนข้างจะถูกลง แต่อย่าลืมว่าจำนวนวงเงินต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลงได้ เพราะด้วยเทคนิคและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป อย่าเอาตัวเลขเดิมมาพิจารณาวันนี้ ตัวเลขเก่า ตัวเลขใหม่คนละอันกัน คนละสถานการณ์กัน ดูว่าคุ้มค่าหรือไม่ และเราได้ประโยชน์หรือไม่ อันนี้เป็นสิ่งสำคัญอย่าไปบิดเบือนกันจนเสียหายไปหมด ทุกอย่างไม่ได้กำหนดด้วยราคาเพียงอย่างเดียว ต้องกำหนดด้วยประสิทธิภาพ ประสิทธิผลด้วย ผมอยากให้ประชาชนทั้งประเทศเกิดความมั่นใจ

ถ้าทุกคนตระหนักถึงความสำคัญร่วมกันของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานนี้แล้วก็จะสามารถขยับขยายไปยังภูมิภาคเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก อาจจะมี 3 – 4 เส้นอีกก็ได้ลักษณะเดียวกันนี้ไป ถ้าเรามีศักยภาพที่เพียงพอ และมีรายได้เข้าประเทศมากขึ้น หรือมีการร่วมลงทุนกับคนไทยภายในประเทศให้มากยิ่งขึ้น ผมคิดว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ แต่ต่อไปเราก็จะเชื่อมเส้นแรกนี้ตะวันออกเฉียงเหนือไปโคราช ระยะแรกไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ อาทิ แหล่งท่องเที่ยว เขตเศรษฐกิจ เมืองท่า เมืองสำคัญ ด้วยการใช้รถยนต์ รถไฟฟ้า ทางเรือก็ได้ ให้เชื่อมต่อซึ่งกันและกัน สำหรับการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านการค้าขายไปสู่ทวีปอื่น ๆ นั้นก็เป็นอนาคต เราจะได้ผสมผสานเป็นระบบการขนส่งทางรางของภูมิภาคและของเอเซียต่อไป

วันนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องร่วมมือกันเร่งเดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงให้ได้ เมื่อมีก้าวแรก ก้าวต่อ ๆ ไปก็จะตามมา ขอให้ทุกคนมั่นใจถ้าเราชักช้ากว่านี้ก็จะเสียงานเสียการ เราจะตามใครเขาไม่ทัน เพราะการประชุมทุกประเทศเขาพัฒนาหมด ขอให้พี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือ ใครที่เดือดร้อนเราก็จะเยียวยาให้ เพราะต้องมีคนเดือดร้อนอยู่บ้าง แต่ประโยชน์ได้มากกว่าคนเดือดร้อนเราก็จะต้องดูและให้มีความสุข หาที่อยู่ที่กินให้กรณีที่อยู่ในเส้นทางดังกล่าว อย่าต่อต้านคัดค้านกันเลย ทำให้ประโยชน์ของชาติเสียหายไปมาก แต่ของตัวเองรัฐบาลก็จะดูแลให้ ขอให้เคารพใน กติกา ในกฎหมาย ผมจะพยายามรักษาผลประโยชน์ของชาติให้ได้มากที่สุด โดยจะกำกับดูแล ทั้งตัวผมเอง ทั้ง คสช. และ ครม. อย่างรอบคอบ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสมบัติของชาติจากภาษีของพวกเราทั้งสิ้น และเพื่อเป็นอนาคตของลูกหลาน

คาดว่าในเดือนกรกฎาคมนี้ จะสามารถเริ่มดำเนินการได้ ในเรื่องของเงินทุนก็คงจะใช้เงินกู้ด้วย ใช้ในการลงทุนเราเตรียมเงินไว้หลายอย่างด้วยกัน ในเรื่องของการลงทุนภาครัฐแต่ใช้ไม่ได้เพราะว่าติดโน่นติดนี่มากมาย ผมจำเป็นต้องตัดสินใจ ไม่อย่างนั้นก็ไม่เกิดงาน ไม่เกิดการจ้าง ไม่เกิดอะไรใหม่ ๆ เลย และก็บอกว่ารัฐบาลบริหารเศรษฐกิจไม่ได้ เพราะฉะนั้นผมจึงอยากขอร้องว่าอะไรที่จะเกิดประโยชน์ขอให้ช่วยกัน อย่าคัดค้านกันเลย มีปัญหาอะไรอยากให้รัฐแก้ปัญหาให้ เราก็แก้ปัญหาให้ แต่ต้องเดินหน้าให้ได้ ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวงการคลังได้ควบคุมในเรื่องค่าใช้จ่าย เงินงบประมาณภาครัฐก็ดูแลในภาพรวมอยู่แล้ว และกระทรวงคมนาคมก็ต้องทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดคุ้มค่ากับเม็ดเงินทุกบาททุกสตางค์ จะต้องมีการดำเนินการให้เกิดความโปร่งใส ถ้าใครเห็นว่าไม่โปร่งใสก็ร้องเรียนมาเลย ผมตรวจสอบให้ทันที และจะต้องให้เกิดประสิทธิภาพโดยเร็ว สำหรับภาคเอกชนของไทยก็ขอเชิญชวน ไม่ใช่เฉพาะเส้นทางเส้นนี้ มีอีกหลายอย่างที่อยากจะให้ร่วมมือไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า ทางมอเตอร์เวย์อะไรก็แล้วแต่ เราก็มีนักธุรกิจขนาดใหญ่จำนวนมากพอสมควร ถ้าเรามาร่วมลงทุนกันในส่วนตรงนี้ได้ผลประโยชน์ก็จะอยู่ในประเทศเราเอง เรื่องที่จะแบ่งปันกันอย่างไรก็ว่ากันมา ให้เกิดความเป็นธรรม แต่ข้อสำคัญคือ ขอร้องให้ทุกคน ทุกบริษัทที่มีเงินช่วยประเทศชาติในช่วงนี้แล้วกัน ไม่อย่างนั้นไปไม่ได้แน่นอน วันหน้าก็เกิดไม่ได้อีกจะทำอย่างไร ก็ขอให้พี่น้องประชาชนเข้าใจในหลักการ ในข้อเท็จจริง และฟังข้อมูลของรัฐบาลที่ถูกต้องด้วยจะได้ก่อให้เกิดความขัดแย้งใด ๆ แน่นอนว่าทำอะไรก็ตามต้องมีความขัดแย้ง สำคัญคือข้อมูลถูกต้องหรือไม่ ไม่อย่างนั้นประเทศของเราติดกับดักของตัวเองอยู่แบบนี้ ขอให้มองอนาคตของประเทศไว้เป็นสำคัญ

สำหรับความคืบหน้าในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลและ คสช. ในการแก้ปัญหาที่ผ่านมาเป็นเวลาเกือบ 2 ปี เราต้องปฏิรูปไปด้วย แต่คำว่าปฏิรูป ระยะที่ 1 ของเรา ซึ่งไม่ได้ง่ายเพราะฉะนั้นแผนปฏิรูปที่เขียนมากันมากมายไปหมด ทำไม่เสร็จ เพราะฉะนั้นทุกกิจกรรมต้องเอาระยะที่ 1 มาทำก่อนอะไรที่ทำไม่ได้ติดไว้ก่อน ทำที่ทำได้ก่อนเลย ทันที เรียกว่าปฏิรูปทันที ที่มีปัญหากันขณะนี้ คือเรื่องตำรวจ เรื่องอะไรต่าง ๆ มีทันทีบ้าง อะไรทำต่อต้องทำต่อ วันนี้ต้องให้สามารถดำเนินคดี จับกุมได้ให้เหลือตำรวจน้ำดีอยู่ เพื่อจะไม่ให้มีตำรวจที่ไม่ดีในองค์กร มีทุกองค์กร ข้าราชการดีบ้าง ไม่ดีบ้าง แต่ผมพยายามทำแต่ที่ แต่ต้องเห็นใจเพราะมีจำนวนมาก ถ้าเราไปรื้อเร็ว ๆ ทีเดียว งานเดินไม่ได้อีก วันนี้ต้องเดินหน้าประเทศไปด้วย ถ้าไม่มีความขัดแย้ง ไม่ต้องปฏิรูป ไม่ต้องเดินหน้าประเทศ ผมรื้อทันทีทุกอย่าง แต่เป็นไปไม่ได้ แต่ขอความร่วมมือของผู้บังคับหน่วย ปลัดกระทรวง อธิบดี ดูตัวเองด้วยว่าทำงานได้ตรงตามนโยบายของรัฐบาลหรือไม่ ตามที่รัฐบาลกำหนดวิสัยทัศน์หรือยัง และผมจะดูท่านอีกที ขอให้ความสำคัญกับโครงการที่สำคัญ ในเรื่องการสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศ เช่น

1. โครงการบ้านประชารัฐ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับพี่น้องประชาชน ผู้มีรายได้น้อยและปานกลางข้าราชการ และผู้ที่มีรายได้ไม่แน่นอนหรือประกอบอาชีพอิสระ ค้าขาย ขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง คืออาชีพอิสระ ต้องดูคนทุกกลุ่ม ข้าราชการต้องเห็นใจเขาถึงทุกคนบอกว่าเขาจะต้องมีเงินเดือนแต่เขาต้องเสียภาษีเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ว่าจะขึ้นเงินเดือนเท่าไหร่ก็ตาม พอขึ้นเงินเดือนเสร็จ เป็นไปตามกฎหมาย ตาม พ.ร.บ. สิทธิของเขา ต้องขึ้นปีไหนขึ้นได้ ปีไหนยังขึ้นไม่ได้ คอยก่อน แต่บางครั้งจำเป็นต้องขึ้น ไม่ใช่เอาเงินไปให้เขา ถ้าเพิ่มให้เขาไป ภาษีจะกลับมา อันที่ 1 อันที่ 2 มีแรงจับจ่ายใช้สอยในข้างล่าง ผมไม่ได้มุ่งหวังว่าต้องซื้อของมากขึ้น ไม่ได้มุ่งหวังให้มีการผลิต ถ้าไม่มีใครซื้อเลย ประชาชนซื้อไม่ไหว รายได้น้อย ยังไปไม่ถึงตรงนั้น ก็ต้องเอาข้าราชการไปนำร่องก่อน วงจรผลิตต่าง ๆ จะได้ไม่เลิกผลิต และโรงงานประกอบการไปได้ไม่หมด อยากให้คิดให้เป็นระบบแบบนี้ อะไรที่เราเริ่มได้เริ่มก่อน เพราะฉะนั้นในส่วนของที่อยู่อาศัย อยากให้ดูว่าเราคิดเป็นระบบระยะยาว เราจะทำให้คนที่ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อนเลยให้สามารถมีบ้านเป็นของตนเอง และจะมีสถานที่ค้าขายประกอบการแถวนั้น จะได้ไม่ลำบาก เชื่อมโยงกับระบบคมนาคมขนส่งอีกเป็นภาพรวม ระยะแรกในมูลค่าไม่เกิน 1.5 ล้านบาทต่อหน่วย โดยมีหลายอย่างด้วยกัน (1) จัดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยโดยมีธนาคารอาคารสงเคราะห์และธนาคารออมสินจัดทำโครงการวงเงิน 40,000 ล้านบาท ระยะเวลาเงินกู้ไม่เกิน 30 ปี (2) สินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย วงเงินสินเชื่อประมาณ 30,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน ระยะเวลาเงินกู้ไม่เกิน 2 ปี เพื่อสนับสนุนสินเชื่อให้เอกชนผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และการเคหะแห่งชาติ ที่เข้าร่วมพัฒนาโครงการฯ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งเรื่องการก่อสร้าง การจ้างแรงงานต่าง ๆ เป็นภาพรวมของประเทศ และ (3) การสนับสนุนให้เอกชนผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าร่วมพัฒนาโครงการฯ รับภาระค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์ร้อยละ 2 ของราคาที่อยู่อาศัย และค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการจำนองร้อยละ 1 ของมูลค่าจำนองเป็นระยะเวลา 2 ปี รวมทั้งรับภาระค่าใช้จ่ายส่วนกลางในปีที่ 1 เป็นต้นโดยเริ่มโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา

โครงการนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัยของรัฐบาล คสช. 10 ปี (พ.ศ.2559-2568) ซึ่งตั้งเป้าหมายให้ผู้มีรายได้น้อยกว่า 2.7 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ จาก 4.6 ล้านครัวเรือนตามยอดในปัจจุบันที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย เห็นไหมว่ามี 4.6 ล้าน ทำ10ปีได้แค่ 2.7 ล้าน ต้องหาความร่วมมือให้มากขึ้น ถ้าเราอยากให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดี สังคมจะปลอดภัย สร้างโอกาสในการเข้าถึงบริการของรัฐ และธำรงความเป็นธรรมในสังคม

โดยในปี 2559 ในส่วนของการเคหะแห่งชาติ กระทรวงการพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์ มีโครงการที่พร้อมขับเคลื่อน ได้แก่ (1) โครงการต่อเนื่องพร้อมขายและส่งมอบ จำนวน 182 โครงการ 10,000 หน่วย(2) โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย จำนวน 61 โครงการ 15,000 หน่วย(3) โครงการบ้านพักสวัสดิการข้าราชการ ประมาณ 5,000 หน่วย และ (4) โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง เป้าหมาย 20,000กว่าหน่วย โดยเริ่มประมาณเดือนมิถุนายนนี้ในส่วนของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน มีโครงการที่พร้อมขับเคลื่อนปีนี้ ได้แก่ (1)โครงการบ้านมั่นคง พร้อมส่งมอบบ้านเกือบ 3,000 ครัวเรือน (2) โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองลาดพร้าวและคลองเปรมประชากร จำนวน 26 ชุมชน เกือบ 4,000 ครัวเรือน โดยจะส่งมอบพื้นที่ให้กรุงเทพมหานครบริหารจัดการต่อในกลางปีนี้ (3)โครงการที่อยู่อาศัยกลุ่มคนไร้บ้าน จังหวัดเชียงใหม่และขอนแก่น รวม 151 ครัวเรือน และ (4) โครงการปทุมธานีโมเดล เป้าหมาย 1,000 กว่าครัวเรือนอย่างไรก็ตามที่กล่าวเรียนไปแล้ว ต้องทำต่อเนื่อง ไม่ว่าจะรัฐบาลไหนก็ตาม ต้องทำต่อให้สำเร็จ เพราะระหว่างที่เรากำลังทำอยู่ ไม่ครบ 4.6 ล้าน และระหว่าง 10 ปี 20 ปี วันข้างหน้า จำนวน 4.6 ล้านมากขึ้นไปตามลำดับ เพราะคนมากขึ้น มีครอบครัวมากขึ้น คนต้องการตลอดเวลา ขอให้เป็นยุทธศาสตร์ระยะยาว

2. มาตรการกระตุ้นราคายางพาราในประเทศให้สูงขึ้นเราเริ่มรับซื้อยางในตลาดไปแล้ว จับโครงการจับคู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ยางนี่สำคัญที่สุด และมีการส่งเสริมการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางและยางพาราธรรมชาติ และกระตุ้นให้ผู้ประกอบการไทยหันมาแปรรูปยางพาราให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ตลอดจนมีการหารือ 3 ประเทศใหญ่ในเอเชียที่จะร่วมกันรักษาเสถียรภาพราคายางของพวกเราเอง ที่เราเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก ทุกอย่างมีความก้าวหน้าตามลำดับ เราต้องแก้ปัญหาราคายางในประเทศอย่างยั่งยืน สำคัญที่สุดคือการผลิต ผลการดำเนินงานในปัจจุบันมีความก้าวหน้าเป็นที่น่าพอใจในฐานะรัฐบาล แต่กลุ่มเกษตรกรอาจจะยังไม่พอใจมากนัก เพราะต้องการราคาที่สูงมากกว่านี้ ขอเวลาสักหน่อย ต้องพัฒนาไปสู่การผลิต สร้างนวัตกรรมให้มีมูลค่าสูงขึ้น ใช้ในประเทศให้มากขึ้น ทั้งนี้ ต้องมีการเตรียม Rubber City ในเรื่องของการสร้างโรงงานผลิตยาง ยางรถยนต์ การทดสอบยาง ต้องใช้เวลาเพราะที่ผ่านมาไม่ได้ วันนี้ผมต้องเข้ามา กว่าจะอะไรได้สักอย่างติดไปหมด เพราะปัญหาเก่ามีอยู่ วันนี้ต้องมาแก้ ต้องใช้อำนาจบางอย่างที่ผมมีอยู่ในการที่ทำให้เกิดขึ้น วันนี้ที่น่าพอใจ เห็นราคาและจำนวนที่มียอดสั่งซื้อและมูลค่าการซื้อขายเป็นจำนวนมากขึ้น จากผู้ซื้อต่างประเทศกว่า 40 ประเทศ มีคำสั่งซื้อสินค้ายางและผลิตภัณฑ์รวมมูลค่ามากกว่า 5 หมื่นล้านบาท นี้คือสิ่งที่รัฐบาลแก้ รัฐบาลนี้แก้อย่างยั่งยืน สามารถช่วยเพิ่มปริมาณการใช้ยางภายในประเทศ ทั้งยางแท่งยางแผ่นรมควันน้ำยางข้น รวมเกือบ 8 แสนตัน นอกจากนี้ ยังมียอดสั่งซื้อไม้ยางพารา กว่า 2 หมื่นตู้คอนเทนเนอร์ โดยล่าสุด มีผู้ซื้อจากต่างประเทศให้ความสนใจเพิ่มเติม ทั้งจากกลุ่มประเทศอาเซียนจีน อินเดีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป สหรัฐฯ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) จะซื้อขายยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง จำนวน 8 ฉบับ มูลค่ากว่า 17,500 ล้านบาท และ MOU การซื้อขายผลิตภัณฑ์ยางและยางพาราธรรมชาติอื่นๆ อีก ที่มีกำหนดส่งมอบภายใน 1 ปี มีมูลค่า 2,160 ล้านบาทเป็นผลที่รัฐบาลได้จัดคณะรัฐมนตรีไปเดินการตลาด เรื่องการค้าขายผลิตผล ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยาง ข้าว มีตลาดใหม่มากมาย สำหรับการไปเยือนจีนครั้งนี้ ได้พูดคุยกับท่านรัฐมนตรีจีน ท่านรับปากว่าจะเร่งดำเนินการในเรื่องของการซื้อยางและข้าวจากไทยให้ได้โดยเร็ว หลาย ๆ อย่างดีขึ้น หลายประเทศมีความเชื่อมั่นเรามากขึ้น วันนี้เราต้องเชื่อมั่นกัน ถ้าไม่เชื่อมั่นกัน ต่างประเทศไม่เชื่อมั่น เพราะฉะนั้นกรุณาฟังนิดหนึ่งว่าผมทำอะไรอยู่

ในส่วนการเร่งรัดให้กระทรวงต่างๆ ส่งเสริมการใช้ยางพาราในประเทศ ขอสั่งการอีกครั้งหนึ่งเร่งดำเนินการสู่การผลิตให้ได้โดยเร็ว เพราะว่าทุกกระทรวงรออยู่ เพื่อจะได้ไปกำหนด TOR สร้าง เช่น สนามกีฬาหรือว่ายางปูพื้น หรือแม้กระทั่งใช้เป็นยางรถยนต์ สำหรับยางยนต์ทางทหาร คือถ้าเราไม่ทำตรงนี้ เริ่มต้นไว้ก่อน ไปไม่ได้ ในระหว่างที่เรารอ บริษัทใหม่ ๆ เกิดขึ้น เขาเอาบริษัทเก่า ๆ ที่มีอยู่แล้วเดิม มาขอร้องขอความร่วมมือประชารัฐได้ไหม ส่วนหนึ่งมาเอายางกับเรา ไปผลิตออกมาและมาขายส่วนราชการ ตามระเบียบต่าง ๆ ที่เขียนขึ้นมาเพื่ออำนวยประโยชน์ ทั้งนี้ไม่ใช่การเอื้อประโยชน์ให้ใคร ต้องมีการแข่งขันกัน ต้องมีการให้ความร่วมมือระหว่างกัน และใช้มาตรการทางการเงินการคลังดูแลท่านมีทั้งลานกีฬา สนามเด็กเล่นถึงแม้ว่าราคายางในปัจจุบันจะดีขึ้น แต่ไม่สบายใจมากนักจนกว่าจะคงที่ เพราะว่าเกี่ยวโยงกับปัญหาน้ำมัน น้ำมันมีส่วนในการผลิตยางเทียมได้ถูกกว่า อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์จากยางธรรมชาติดีกว่า ทนกว่า แข็งแรงกว่า แต่ราคาสูง จะทำอย่างไรทั้งสองอย่างไปด้วยกันให้ได้ รัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน วันนี้จะรอดูผลจากการดำเนินงานของแต่ละกระทรวงมาประเมินผลว่าไปถึงไหน ในเรื่องของการใช้ยาง แต่ผมต้องกำชับหน่วยงานตรงกลาง กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ BOI ต้องเร่งดำเนินการ ผมสั่งไปหลายครั้งแล้วรีบผลิตออกมาให้จับต้องได้สักที จะทำอะไรออกมาขนาดเท่าไร กว้างยาวแค่ไหน ใช้ทำอย่างไรได้บ้าง เสนอไปแล้วว่าต้องการอย่างไร เขาเตรียมเงินเพื่อจะทำอยู่แล้ว แต่ยังผลิตไม่ได้เพราะยังหาบริษัทใหม่ ๆ มาทำไม่ได้ ใหม่ไม่มี เอาเก่ามาทำ แต่ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ไม่เอื้อประโยชน์ให้กับใครทั้งสิ้น ขอเป็นความร่วมมือประชารัฐ

3. การยกระดับคุณภาพวิชาชีพกำลังคนอาชีวศึกษา ได้ออกคำสั่งโดยการบูรณาการระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คณะกรรมการการอาชีวศึกษา สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และผู้แทนภาคเอกชน ในการรวบรวมข้อมูลความต้องการกำลังคนอาชีวะนำมาวางแผนผลิตคน ในขณะเดียวกันหาตำแหน่งจ้างงานรอไว้ด้วย ไม่ใช่ผลิตมามากไม่มีคนรับทำงาน หรือออกไปทำงานไม่ได้ ผมอยากให้ใช้เวลาที่ว่าลดเวลาเรียนเพิ่มเวลาเรียนรู้ เอาเวลาเรียนรู้มาสอนวิธีการทำงาน จบไปจะได้ทำงานได้ และมีการศึกษาทวิภาคี ให้ช่วยกระทรวงศึกษาฯ อย่าคิดว่าศึกษาคือกระทรวงศึกษาฯ ไม่ใช่ ผมบอกแล้วทุกกระทรวงเกี่ยวข้องหมด กระทรวงมหาดไทยก็เกี่ยว กระทรวงแรงงานก็เกี่ยว กระทรวงอุตสาหกรรมก็เกี่ยว เพราะเป็นที่คนต้องใช้คน ถ้ากระทรวงศึกษาฯ ผลิตไม่ตรง ไร้ประโยชน์ ไม่ต้องมีกระทรวงศึกษาฯ ก็ได้ เพราะฉะนั้นเราได้กำหนดเรื่องนี้ ผลิตคนให้ตรงกับความต้องการของภาคเอกชน ทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ หารือร่วมกัน มีคณะกรรมการอยู่แล้ว ในระยะเวลา 5 ปี (ปี 2558 - 2562) สรุปผลเบื้องต้นได้ดังนี้ (1) หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มีความต้องการแรงงานสายวิชาชีพกว่า 3.5 ล้านคน (2) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มีความต้องการ ราว 1.2 ล้านคน และ (3) สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มีความต้องการ ประมาณ 6 แสน 5 หมื่นคน เป็นเพียงประมาณการเบื้องต้น จะได้รู้ว่าผลิตใครออกมา จะมีงานตรงไหน ไม่ใช่เรียนอะไรก็ได้ จบมาไม่มีงานทำ มีปริญญาแต่ไม่มีงานทำ หรือทำงานไม่เป็น ไม่ได้ เราต้องเร่งในการจัดทำแผนผลิตกำลังคน-แรงงานมีฝีมือของประเทศ วันนี้ต้องวิศวกรรถไฟ วิศวกรบริหารการเดินรถ วิศวกรราง ในเมื่อเราจะพัฒนาประเทศเราไปสู่ความทันสมัย คนเหล่านี้เรามีหรือยัง ถ้ายังไม่มีเราต้องเอาคนข้างนอกมาทำ และวันหน้าคนของเรายิ่งไม่มีงานทำ คิดแบบนี้ รัฐบาลใครก็แล้วแต่ อย่าไปใช้การบริหาร การแก้ปัญหาในเชิงเร่งด่วนอย่างเดียว เร่งด่วนทำให้จบ ๆ ไป ความยั่งยืนจะไม่เกิด ที่ผมทำอาจจะยั่งยืนแต่ไม่ทันใจ

สำหรับกระทรวงศึกษาธิการในการกำหนดทิศทางความต้องการในอนาคต เพื่อเป็นข้อเสนอต่อ “คณะทำงานประชารัฐ” ด้านการยกระดับคุณภาพวิชาชีพ ภาคเอกชนต้องช่วยด้วย ในเรื่องของทุนการศึกษา การวิจัยและการพัฒนา การเรียนรู้ระบบทวิภาคี และการเตรียมงานสำหรับบุคคลกลุ่มนี้ และยกระดับเขาเป็นหัวหน้างาน ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องความเชื่อมโยงทั้งหมด ทุกคนต้องคิดให้ครบ ทุกกระทรวงต้องคิดแบบนี้ เพราะฉะนั้นอยากให้พัฒนาเร่งด่วนในปีนี้ก่อนที่ว่าเรามีความต้องการกำลังคนปี 59 ประมาณ 1 ล้านคน ในแต่ละสาขาอาชีพที่หน่วยงานเขาเสนอมาในขณะที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษายังผลิตได้เพียง 4 แสนกว่าคนเท่านั้น ขาดไป 6 แสนกว่า แสดงว่าแรงงานอาชีวะยังไม่เพียงพอป้อนตลาดแรงงานอีกกว่า 5 แสนคน เป็นโอกาสลูกหลานทุกคนมาเรียนอาชีวะก่อนแล้วปริญญาค่อยอีกทีหรือเรียนไปพร้อม ๆ กัน ทำงานไปด้วยได้เงิน เลิกตีกัน ทะเลาะกัน ไม่ได้เงินด้วย ติดคุกอีกต่างหากเพราะฉะนั้นมาเรียนอาชีวะและมีงานทำ อยากให้ทุกคนอยู่ในกลุ่มคนทั้งหมดประมาณ 1 ล้านคน ที่จะต้องหางานทำปี 59 เพราะขาดหลายล้าน รัฐบาลทำเต็มที่แล้วทั้งในสาขาวิชาเดิมและการเปิดสาขาวิชาใหม่เพื่อรองรับความต้องการของสถานประกอบการ ขอร้องสถาบันต่าง ๆ อุดมศึกษาด้วย กรุณาไปทบทวนดูสาขาที่สอนกันออกมามีงานทำกันเท่าไหร่ ถ้าไม่มีจะทำอย่างไร ปรับแก้ได้ไหม จะปรับส่วนหนึ่งเป็นด้านวิชาชีพ ในลักษณะที่เป็นช่างเทคนิคได้ไหม วิศวกรได้ไหม ถ้าผลิตมาด้านเดียวด้านบริการ ท่องเที่ยว มัคคุเทศก์ อีกหน่อยจะล้น เพราะฉะนั้นต้องทำให้สมดุลกัน เอาตัวเลขเหล่านี้ อยากให้ไม่ว่าจะเป็นสถาบันราชภัฏ ราชมงคล แม้มหาวิทยาลัยของรัฐ เอาข้อมูลเหล่านี้ไปศึกษา และท่านนำไปสู่การขับเคลื่อนของท่านว่าจะผลิตคนอย่างไร ถ้าเรามุ่งเน้นแต่เพียงว่า คนมาเรียนมากได้ค่าเล่าเรียน เพื่อเป็นรายได้ให้ครู มหาวิทยาลัย ประเทศ ผมว่าไปไม่ได้ ต้องไปสองอย่าง ท่านลงทุนต้องมีเงินต้องได้กำไร ในขณะเดียวกันท่านต้องสร้างกำไรให้ประเทศชาติด้วย อย่าลืมประเทศชาติ ประเทศชาติสำคัญไปพร้อม ๆ กันด้วย

การทำงานที่เกี่ยวกับเรื่องคนจบปริญญาตรี สำคัญที่สุด หลายอย่าง หลายสาขาทำงานไม่ได้ ยิ่งสาขาที่ไม่ชัดเจน สาขาที่รวบรวมหลายอย่างมาเรียนแล้วแบ่งเล็ก แบ่งน้อย บางทีเขาไม่รับ เพราะไม่มีความชำนาญเฉพาะทาง อยากให้เน้นในเรื่องของเฉพาะทาง ในปริญญาตรีก่อนได้ไหม ผมไม่ใช่นักการศึกษา แต่ผมในเชิงปฏิบัติ ถ้าสมมติเราผลิตปริญญาตรีออกมา ในขณะที่เฉพาะทาง ถนัดอย่างใดสักอย่างหนึ่ง แล้วมีงานทำเลย ในขณะเดียวกันจะไปต่อปริญญาโท หรือจะเป็นหลักสูตรเสริม ค่อยไปเรียนบริหารจัดการที่รู้ทุกเรื่องได้ไหม เพราะต้องโตเป็นหัวหน้างานต่อไป

คราวนี้เราไปเรียนในเรื่องของบริหารจัดการ พร้อมจะเป็นหัวหน้างาน เป็นข้างล่างยังไม่ได้ทำเลย แล้วจะไปบริหารใคร ไปไม่ถึงตรงนั้น ลองคิดแบบผมดู ผมไม่ได้คิดแบบนักวิชาการ ผมคิดแบบทหารคิดนี้ และเหมือนกับเราฝึกทหาร เราก็ต้องฝึกจากพลทหารเป็นผู้หมู่ เป็นผู้หมวด เป็นผู้กองไม่ใช่ฝึกคนมาแล้วเป็นผู้กองได้เลย ต้องผ่านการเป็นผู้หมู่ ผู้หมวดมาก่อนเหมือนกัน เอาไปเปรียบเทียบดูแล้วกัน ผมไม่อาจจะกล่าวอ้างได้ดีหรือไม่ดี แต่ผมทำของผมแบบนี้ ถึงจะเข้มแข็ง มีงานทำมีสมรรถภาพมีประสิทธิภาพ เราต้องรีบระดม ขอให้บุคลากรของกระทรวงศึกษาและของทุกหน่วยงาน รัฐวิสาหกิจ อะไรก็แล้วแต่ บริษัท ห้าง ร้าน ภาคเอกชน ครู นักวิชาการ กรุณาให้ความร่วมมือด้วย แล้วเวลาที่ท่านเสนอข่าวอะไรกันออกมา วิเคราะห์ วิจารณ์ อะไรก็แล้วแต่ ออกมาเรื่องการศึกษาระมัดระวังด้วย บางทีไม่ตรง ผมไม่ได้ว่าท่าน ท่านมีสิทธิจะวิพากษ์วิจารณ์แต่การวิพากษ์วิจารณ์โดยข้อมูลไม่ครบ มีปัญหา เศรษฐกิจก็เหมือนกัน เรื่องเศรษฐกิจทั้งที่มีบางอันเชื่อมโยงอยู่ท่านไม่พูดถึงตรงนี้ ท่านพูดถึงแต่ปัญหาอย่างเดียว ปัญหาภายในของท่านเป็นหลัก ไม่พอใจตรงนั้นตรงนี้ แต่ท่านไม่ได้พูดถึงเลย ปัญหาของภาพใหญ่อยู่ตรงไหน แล้วใครจะช่วยกันตรงไหน ไม่พูดตรงนี้กัน

เหมือนกับวันนี้เรื่องรัฐธรรมนูญ นักการเมือง อะไรก็แล้วแต่ พูดแต่เรื่อง เลือกตั้ง ๆ ผมไม่เห็นมีใครพูดถึงอย่างอื่นเลยว่า จะทำการศึกษากันยังไง จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจยังไง ก็ดีแต่เอาเรื่องของผมไปติติงในส่วนที่ตัวเองก็ไม่ได้ทำด้วย ไปคิดใหม่ ทำใหม่ ยังมีโอกาส มีโอกาสให้ท่านปรับปรุงตัว ผมไม่อยากใช้คำว่า ผมเก่งกว่าท่านหรือท่านเก่งกว่าผม แต่ผมถ้าท่านไม่ได้มากล่าวอ้างให้ผมเสียหายผมก็ไม่เคยไปอยากตอบโต้ท่านอยู่แล้ว เสียเวลาการทำงานของผม หลายคนปากไม่ค่อยดี ก็คงลืมไปว่าวันนี้ผมอยู่ในตำแหน่งไหน ก็ระมัดระวังด้วยกฎหมาย เตือนไว้ก่อน

วันนั้นถ้าหากมีปัญหาอะไรทำได้ คือปัญหาน้อย ทำได้ก็ทำเลย ปีนี้ปีหน้า ถ้าทำไม่ได้ก็ไปทำต่อระยะที่ 2 แต่ต้องเนื่องกับระยะที่ 1 ไม่ใช้ทำ 1 กับ 2, 3, 4, 5 แล้วก็ทำให้เสร็จภายในปีเดียว ไม่มีอะไรเสร็จ เพราะความขัดแย้งสูง ปล่อยให้เป็นแบบนี้เป็นเวลานานจนเกินไปถ้าวันนี้นะ ถ้าวันก่อนทำถึงอย่างที่ผมว่าไว้ บางอย่างทำไปแล้ว บางอย่างกำลังทำอยู่ บางอย่างยังไม่ได้ทำ ใช้เวลา 2 ปีเสร็จแล้ว วันนี้ปล่อยกันมาเท่าไร เป็น 10 ๆ ปี ยังไม่พร้อมหมด แล้วก็ขอให้ทุกคนเข้าใจตรงนี้ด้วยการบริหารงานการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล เป็นผู้บังคับบัญชา ผู้มีอำนาจ คิดให้เป็นแบบนี้ คิดให้เป็นเชิงโครงสร้าง คิดให้เป็นเชิงคิดวิเคราะห์ กระบวนการเหล่านี้ คิดเป็น ชิ้น ชิ้น ชิ้น ชิ้น คิดแบบนี้ไม่ต้องมาเป็น ใครก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นอย่าได้มากล่าวอ้างทาง social media มากมายโจมตีกันทุกวันทั้ง ๆ ที่กำลังทำอยู่ในสิ่งที่ท่านไม่ได้ทำ

อีกเรื่องที่ผมให้ความสำคัญสูงสุดในขณะนี้ ผมชักรำคาญแล้ว คือเรื่องของการทุจริต ไม่ทุจริตเหล่านี้ ผมได้หารือกับท่านรัฐมนตรีกับรองนายกรัฐมนตรีทุกท่าน ผมจะดำเนินการอย่างจริงจังในกรณีที่มีการแอบอ้างว่ายังมีการทุจริตในนโยบายอยู่ ก็ผมเป็นนโยบาย ท่านว่าผมไม่ได้ เพราะผมไม่ได้มีเจตนาทุจริตอะไรเลย ไม่เคยต้องการผลประโยชน์ แต่ท่านกล่าวอ้างว่ามีการทุจริตเชิงนโยบาย ใครละที่ทุจริตเชิงนโยบายเพราะรัฐบาลมีหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย กำหนดมาตรการ กำหนดแผนงานโครงการ แล้วมีการตรวจสอบตลอดเวลา มีคณะกรรมการ มี คตร. มีอะไรตรวจสอบตลอดถ้าเรื่องใดชัดเจน ก็ส่งให้หน่วยงานตรวจสอบทุจริตเขาดำเนินการตามกฎหมาย ผมก็ทำอย่างนี้ตลอด เพราะฉะนั้นอย่ามาว่าผมไม่ดูแล แต่สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือมีคนกล่าวอ้างว่า มีคนที่รู้จักกับผู้กำหนดนโยบายไม่ว่าจะผมหรือรองนายกหรือรัฐมนตรีหรือ คสช. บางคน ไม่ว่าจะเป็นพลเรือน ตำรวจ ทหาร ผมถือว่าใช้ไม่ได้ คนเหล่านี้ใช้ไม่ได้ เพราะผมถือว่าวันนี้ทำให้ทุกคน ไม่ได้ทำให้ทหาร ทำให้ตำรวจ ไม่ได้ทำให้ข้าราชการ ผมทำให้ประชาชน 70 ล้าน เพราะฉะนั้นหากมีราชการหรือองค์การใดองค์กรหนึ่งก็ตาม เอาสิ่งที่รัฐบาล คสช. กำลังทำวันนี้ เจตนาที่ดีทุกอย่าง พยายามทำทุกอย่างอธิบายทุกอย่างไปแอบอ้างว่าได้สิทธิมาจาก คสช. ได้จากผมได้จากรองนายกรัฐมนตรี รองประวิตรบ้าง รองอะไรก็แล้วแต่ ผมคุยกับท่านแล้ว เอาสักที่ เพราะว่ามีกลุ่มคนบ้างคนบ้างกลุ่มนำไปกล่าวอ้างว่าได้รับอนุมัติมาแล้วจากที่ผมกล่าวมาแล้ว นรม. รัฐมนตรี คสช. มาเลยมาถามผมได้เลย ส่งเอกสารมาก็ได้ ส่งเป็นเอกสารลับปิดซองเปิดผนึกมา ผมจะปิดรับให้ แล้วผมจะตรวจสอบให้ทันที ถ้าจริง ไม่จริงก็ต้องยอมรับว่าไม่จริง ผมก็จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบทางลับก่อนไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐหรือจะเป็นรัฐวิสาหกิจอะไรก็แล้วแต่ หรือการผลประโยชน์ทับซ้อนอะไรเหล่านี้ ผมไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น ท่านรองนายกรัฐมนตรีก็บอกแล้ว เราต้องทำให้เกิดความชัดเจนขึ้น ไม่เช่นนั้นก็ถูกกล่าวอ้าง ทุกวัน ๆ อ้างกันไปกันมา คำพูดคนโน้นคนนี้ ไม่มีผลหรอก อย่างน้อยก็เพียงแค่สร้างความรำคาญ เพราะหงุดหงิด ทำงานอย่างอื่นไม่ได้ ติดเรื่องไม่เป็นเรื่องก็เอาหลักฐานมาใส่ซอง มาผมตรวจให้ทันที พรุ่งนี้เอามาเลยทุกที่ ใครอ้างใคร เรื่องอะไร ผลประโยชน์อยู่ที่ไหน เอามาผมสอบให้ ผมไม่ต้องการให้มีคนเลวเหล่านี้อยู่ เราต้องเร่งกำจัดออกไป ต้องสร้างน้ำดีไล่น้ำเสียออกไป เพราะหลายคนท่านอาจจะไม่เข้าใจว่าทุกคนก็มีเพื่อน มีญาติสนิทมิตรสหายเยอะแยะไปหมด ก็เคยพบปะพูดคุยกันมาตลอดเวลาในช่วงที่ผ่านมาก่อน 22 พฤษภาคม เป็นเพื่อนกัน เป็นมิตรสหายกัน ก็มีความจริงใจให้กัน ตอนนั้น คสช. ก็ยังไม่มีอำนาจอะไร ยังไม่ได้มาบริหาร เราต้องคำนึงถึงแต่ความเป็นเพื่อนรู้จักกันมาแต่เก่าแก่ ธรรมดาทุกคนก็มีเพื่อนหมดและ เราอ้างจะไม่รู้ก็ได้ว่าเขาเป็นยังไงทั้งจริง ๆ แล้ว เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วเขาจะเป็นยังไง เวลาหรือสถานการณ์ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ คนเราเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ด้วย ทางธรรมะเขาก็บอกไว้ว่า คนเราจะเปลี่ยนแปลงได้ด้วยอำนาจและผลประโยชน์ แต่ผมไม่เคยเปลี่ยนแปลงแล้วผมก็คิดว่า รองประวิตรหรือว่ารัฐมนตรีผมก็ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะว่าเราเสียสละเข้ามา เสียสละเข้ามา คือเสียสละให้ผม ผมบังคับเขาบ้างอะไรมาบ้างให้มาช่วยกันทำงานเขาก็เสี่ยงเหมือนกัน แต่ทั้งนี้ก็ไปทั้งขบวน คือข้าราชการทุกกระทรวงก็ต้องร่วมมือกัน คืออย่าไป เขาเรียกว่าอะไร ฉลาดน้อย ให้เขามาอ้างว่าวันนี้นายกสั่งมาเป็นนโยบาย ถามผมก่อน ถ้าใครอ้างแบบนี้ผมมา ผมจะเล่นงานให้ ไอ้พวกอ้าง ๆ ตัวดีนัก

วันนี้ไม่ว่าจะเพื่อนหรือใครก็แล้วแต่ ถ้าทุจริตผมไม่ละเว้น เพราะพวกผมไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะทำให้ไม่เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ เพราะว่าปัญหามากมาย งานหลัก งานใหญ่ของชาติมากมายถ้าผมมาเห็นผลประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างนี้ ผมว่าอย่าเข้ามาดีกว่า ทุกคนไม่อยากเข้ามาเข้ามาอยู่แล้ว แต่ต้องเข้ามา เมื่อเข้ามาก็ต้องอยู่ ทำให้สำเร็จ ไม่มีท้อแท้แล้วผมก็จะหนักขึ้นเรื่อย ๆ การใช้อำนาจของผมจำไว้แล้วกัน วันนี้ต่างชาติก็เข้าใจผมมากขึ้น เพราะฉะนั้นการที่เราจะทำสิ่งดี ๆ ให้กับประเทศของเรา ไม่ต้องกลัวอะไร ผมคิดว่าทำความดีต้องปลอดภัยก็ขอร้องเลิกสักที อย่าไปเขียน เขียนจดหมายมาหาผมเลย เรื่องบอร์ด เรื่อง CEO เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ผมจะรื้อทั้งหมด จำไว้อย่ามาอ้างใครอีก เด็กคนโน้นเด็กคนนี้อะไรต่าง ๆ ผมไม่ยอมทั้งสิ้น เพราะอำนาจผมคนเดียว ผมเป็นผู้รับผิดชอบ แล้วผมก็จะปรึกษาทุกท่าน รองนายก รัฐมนตรีทุกคน เอาคนดีมาทำงาน ไม่ดีเอาออกไป กำจัดทิ้งไป วันนี้ประเทศชาติสำคัญที่สุด

สุดท้ายนี้ อยากให้พี่น้องประชาชนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ มีกิจกรรม กระชับความสัมพันธ์ เดินทางท่องเที่ยว ใช้เงินไม่ต้องมากนักก็ได้ เมื่อวานผมไปที่จีน ผมเห็นคนเที่ยวเต็มไปหมดเลย แล้วก็ค่าใช้จ่ายในการเที่ยวค่อนข้างสูง เขาถึงชอบมาประเทศไทยเพราะค่าใช้จ่ายไม่แพงมากนัก ทุกคนรักประเทศไทยหมด เว้นคนไทยบางคนไม่ค่อยรักประเทศตัวเอง เพราะฉะนั้นผมก็อยากให้เสริมความสัมพันธ์ระหว่างกันเรียกว่าการปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันในสมาชิกในครอบครัว เพื่อนบ้าน เพื่อสร้างสรรค์ไง รวมกันเพื่อสร้างสรรค์ ไม่ใช้รวมกันเพื่อขัดแย้ง ๆ รวมกันเป็นกลุ่มแล้วขัดแย้ง ผมว่าไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาเลย

ที่ผ่านมาก็เป็นตัวอย่างอยู่แล้ว เป็นบทเรียนอยู่แล้ว แต่ดูหนังดูละครต่าง ๆ ก็เชิญ ผมไม่ได้ต่อต้าน จะหาว่าผมไม่ให้คนดูละครไม่ให้ดูหนัง เด็ก ๆ ผมก็ชอบดู ชอบอ่านนิยายอะไรเหมือนกัน พอโตขึ้นมาก็ไม่ค่อยมีเวลา ทำงานมากก็เลยไม่มีเวลา บางทีเลยเครียดไปบ้าง บางทีถ้าดูละครอาจอารมณ์ดีกว่า เดินก็ได้ ขอเวลาบ้าง ถ้าลดขัดแย้งมาก ๆ ผมก็จะอารมณ์ดีสนุกสนานเหมือนกับท่าน อยากเป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนกัน อยากให้แยกแยะเรื่องจริงกับละครด้วย เด็ก ๆ โดยเฉพาะเด็ก ๆ เมืองนอกเขากำหนดอายุ ของเรากำหนดแต่ก็ไม่ได้ทำ ใครอยากดูก็ดู พ่อแม่ก็ต้องดูแลจะได้ไม่สับสน ดูบ้านเมืองเขา ดูประเทศเรา ดูความแตกต่าง ดูความพร้อม ดูสังคมเรา สังคมเขา ดูการศึกษาเรา ดูการศึกษาเขา ดูความเป็นอยู่เขากับเรา รายได้เขากับเรา ดูความแตกต่างดูความพร้อม ดูสังคมเราสังคมเขา ดูการศึกษาเราการศึกษาเขา ดูความเป็นอยู่เขา เขากับเรา เมื่อเทียบกันออกมาแล้ว เราควรจะอยู่ตรงไหน แล้วเราควรจะพัฒนาอย่างไรเพื่อให้เท่าเทียมเขา ไม่ใช่เอาแต่สิ่งที่ดีเขามาแล้วเราต้องเป็นให้ได้แบบเขา เป็นไปไม่ได้ ถ้าเราไม่พร้อมเรื่องคน ทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

วันนี้ผมถูกต่อว่า หลายคนว่าผมไปเอาใจออกห่างละครไทย ไม่ใช่ ผมยกตัวอย่างอันเดียวเอง หลายประเทศก็ทำหมด และเรื่องจักร ๆ วงษ์ ๆ เรื่องประวัติศาสตร์มากมายไป แต่เขาทำได้สนุก แล้วมีคำสอน มีคำคม มีคติพจน์มากมาย มากกว่าด่ากันไปมา ผมว่าต้องลดลงบ้าง แล้วก็หาคติพจน์ ผมเคยถามแล้วว่า เราสร้างเรื่องนี้มาเพื่ออะไร เพื่อความบันเทิง แล้วได้อะไรมาอีก ก็สอนให้คนคิด แล้วคิดยังไง แล้วแต่คนจะคิด แล้วคนของเราคิดได้หรือไม่ โดยเฉพาะเด็ก ๆ คิดได้อย่างไร พูดมาแล้วให้เขาคิดหาคำตอบเอง ไม่ได้ บางอย่าง ต้องชี้แนะ ต้องนำทางให้ เราต้องคำนึงถึงวัยที่แตกต่าง ผู้ใหญ่ แยกแยะออก แต่เด็กเขาแยกแยะไม่ออก จะให้เด็กคิดเองว่าที่ด่ากันว่าดีหรือไม่ดี วันหน้าเขาเอาตัวอย่างเสียๆ หาย วันนี้เห็นอยู่แล้ว เด็กพูดจาไม่ไพเราะ พูดจากับผู้ใหญ่ไม่มีสัมมาคารวะ นี่คือสิ่งที่เราต้องแก้ไข เราต้องส่งเสริม หลายเรื่องเราดีอยู่แล้ว เช่น เรื่อง “ปดิวรัดา” ไม่ได้ดู แต่เห็นเขาว่าดี เป็นการส่งเสริมอุดมการณ์ทำงานของราชการและธรรมมะของผู้ครองเรือน อีกเรื่อง วันแซบสาแหลกขาด ไม่ได้ดูเหมือนกัน เขาว่าดี กำลังฉายอยู่ ลองไปดูกัน มุ่งเน้นการดูแลเลี้ยงดูปลูกฝังลูกหลาน ของเราในทางที่ถูก แก้ปัญหาเยาวชนในทางที่ถูก มีทั้งบ้านและโรงเรียนเป็นสิ่งสำคัญ ร่วมมือกัน

อีกเรื่องเป็นละครเวทีเรื่อง ผ้าห่มผืนสุดท้าย ผมให้แต่งในวาระสำคัญ ของกองทัพบกตอนที่ผมอยู่ คือธงไตรรงค์ที่ยามตายทุกคนทำหน้าที่ ถ้าตายก็มีผ้าห่มผืนสุดท้ายคือ ธงไตรรงค์ ที่ภาคภูมิใจให้กับครอบครอบครัวคือ ผืนเดียวเท่านั้น เป็นเรื่องราวของชีวิตที่เสียสละและรักครอบครัว ลองไปดูว่าสาระเป็นอย่างไร ทำไมเราต้องพร้อม ผมพูดถึงทหาร ถ้าตายก็มีธงไตรรงค์ เท่านั้นเอง เอาอะไรไปไม่ได้ ลูกหลานลำบากอีก ก็ไม่รู้อีก เพราะหนี้สินมากมายเหมือนกัน ทำอย่างไรให้เขามีขวัญกำลังใจ สู้รบได้ ลูก ภรรยา เขาไม่ลำบาก ก็ไปสู่ที่ผมไปทำวันนี้ เรื่องการที่อยู่อาศัย เรื่องที่เป็นของเขาเอง ข้าราชการ พลเรือน ทหาร ทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด ระยะที่ 1 ไปถามรัฐบาลหน้าจะทำอย่างไรต่อไป อยากให้ถามเขาบ้าง

ตอนนี้ท่านถามผมอยู่ข้างเดียว ทั้งประชาชนก็ถามผม ฝ่ายต่อต้านก็ถามผมและทำไมไม่ไปถามคนที่จะบริหารต่อไปด้วยว่าเขาจะทำอะไรต่อไป คำถามที่ถามผมไม่ถามเขา สื่อฝากด้วย การแสดงละครเวทีเมื่อสักครู่อาจจะไม่สะดวกมากนัก เพราะน่าจะเอาเป็นเทปหรือซีดีออกมาให้ดู แสดงถึงวันที่ 3 เมษายน โรงละครเมืองไทยรัชดาลัย ใครมีโอกาสมีความสามารถก็ไปติดตามและมาเล่าสู่กันฟัง ทุกอย่างคนไทยจะได้ไม่เครียด วันนี้เครียดเหลือเกิน ผมเครียดมากทั้งการบริหารประเทศ ทั้งแก้ปัญหารัฐธรรมนูญ ทั้งการปฏิรูป คสช. เดี๋ยวเลือกตั้งอีก มีบางคนบอกว่าผมต้องรับผิดชอบให้ผมลาออก ถ้าพูดอย่างนี้อันตราย ระวังตัวไว้ ด้วยคนพูดอย่างนี้ บอกถ้าไม่เรียบร้อยไม่ผ่านผมจะต้องลาออก มันเรื่องอะไรของคุณ เดี๋ยวผมจะดำเนินการกับคุณทางกฎหมาย

อีกเรื่องหนึ่ง ช่วงนี้เข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว และเป็นช่วงปิดเทอม ผู้ปกครองก็ทำงานทุกวัน หาเงินเลี้ยงลูก ก็ขอให้เด็ก ๆ ที่บ้านระมัดระวังตัวเองด้วยอย่าเล่นกับไฟ อย่าเล่นอะไรที่เป็นอันตราย ฝากลุง ป้า ปู่ ย่า ตา ยาย ฝากดูแลด้วย การเล่นน้ำแก้ร้อนก็ระมัดระวังเด็ก จมน้ำหลายที่อันตรายมากอย่าปล่อยให้เกิดขึ้น การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีคุณภาพอย่าให้ไฟดูด และการเล่นกลางแจ้งดูแลตัวเองอย่าให้เป็นไข้ ไม่สบาย มีคนคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ถ้ามีภัยมีเหตุฉุกเฉินก็ช่วยกันนะครับ สำคัญที่สุดตอนนี้คือช่วยกันประหยัดไฟ ประหยัดน้ำ ผมอยากใช้คำว่า ไม่มีใครที่ไหนจะเข้าใจเรา ช่วยเรา มากกว่าพวกเราซึ่งเป็นคนไทยด้วยกันเอง เรื่องอะไรที่ขัดแย้งค่อย ๆ แก้กันไป แสวงหาความเหมือนในความแตกต่างมาทำให้ได้ก่อนในช่วงนี้เอาประเทศชาติและอนาคตมาก่อน อย่าเพิ่งไปฟังอะไรที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง หรือไปขยายความให้เขา พวกผู้หวังดีมีอยู่มาก ขอบคุณครับ ขอให้มีความสุขในวันเสาร์อาทิตย์ครับ สวัสดีครับ

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net