ผบ.กองทัพพม่าระบุจะเล่นบทผู้พิทักษ์รัฐในช่วงเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตย

นสพ.ของรัฐบาลพม่าตีข่าวสวนสนามวันกองทัพพม่าปีที่ 71 พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ระบุเมื่อชาติขาดนิติธรรม-กฎเกณฑ์ และการมีอยู่ของกลุ่มติดอาวุธ จะเกิดภาวะประชาธิปไตยโกลาหล กองทัพจะร่วมมือกับรัฐบาลในช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อสร้างพม่าที่เป็นประชาธิปไตยแบบหลายพรรคการเมือง เล่นบทค้ำจุนและส่งเสริมผลประโยชน์แห่งชาติ

พาดหัวหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์ เดอะโกลบอลนิวไลท์ออฟเมียนมาร์ สื่อของรัฐบาลพม่าเมื่อ 28 มี.ค. 2559 รายงานข่าวพิธีสวนสนามวันกองทัพพม่าปีที่ 71 ที่เนปิดอว์ เมืองหลวงของพม่า ในภาพ พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ผบ.กองทัพพม่า ตรวจพลสวนสนาม (ที่มา: The Global New Light of Myanmar, 28 March 2016)

กองทัพพม่าขนขีปนาวุธแสดงแสนยานุภาพ เนื่องในวันกองทัพพม่าปีที่ 71  (ที่มา: The Global New Light of Myanmar, 28 March 2016)

(ซ้าย) ทหารพม่าระหว่างสวนสนาม เนื่องในวันกองทัพพม่าปีที่ 71 (ขวา) พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ผบ.กองทัพพม่า  (ที่มา: The Global New Light of Myanmar, 28 March 2016)

29 มี.ค. 2559 หนังสือพิมพ์ของรัฐบาลพม่า เดอะโกลบอลนิวไลท์ออฟเมียนมา ฉบับวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา ลงข่าวการสวนสนามเนื่องในวันกองทัพพม่าเต็มหน้า 1 โดยเป็นการรายข่าวพิธีสวนสนามเนื่องในวันกองทัพพม่า จัดที่กรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงของพม่า โดยมี พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย เป็นประธานในพิธี มีการจัดกองพันสวนสนาม 5 กองพัน มี พ.อ.พิเศษ อ่องจ่อฮอ เป็นผู้นำขบวนสวนสนาม

สำหรับวันกองทัพพม่าตรงกับวันที่ 27 มีนาคม ของทุกปี โดยเป็นวันที่นายพลออง ซาน บิดาของ ออง ซาน ซูจี นำกองทัพพม่าเปลี่ยนข้างมาต่อต้านทหารญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2488 โดยถือเป็นการรำลึกครบรอบปีที่ 71

สถานีโทรทัศน์ MRTV ของทางการพม่า รายงานข่าววันกองทัพพม่าปีที่ 71 เมื่อ 27 มีนาคม 2559

ในการกล่าวสุนทรพจน์ของ พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ผบ.กองทัพพม่า ได้กล่าวถึงความสำคัญของตั๊ดมะดอ (Tatmadaw) หรือกองทัพพม่า โดยอ้างประวัติศาสตร์ว่าเพราะประชาชนแตกสามัคคี ขาดกำลังทหารที่ทันสมัย ทำให้ชาติตกเป็นอาณานิคมโดยเริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. 2367 และเป็นอาณานิคมทั้งหมดตั้งแต่ พ.ศ. 2429 หลังจากนั้นมาก็มีประชาชนต่อต้านเจ้าอาณานิคมแต่ก็พ่ายแพ้เนื่องจากขาดผู้นำที่สร้างเอกภาพและอาวุธสมัยใหม่

พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ยังอ้างถึง "ออง ซาน" ว่าได้นำเยาวชนรักชาติไปฝึกอาวุธที่เกาะไหหนานเพื่อเตรียมขับไล่เจ้าอาณานิคม ในหมู่ 30 สหายได้กรีดเลือดสาบานว่าจะอุทิศเพื่อเอกราชและก่อตั้งกองทัพพม่าอิสระ (BIA) เมื่อ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2484 (หรือหลังจากญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484) พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย กล่าวว่าเจ้าอาณานิคมได้ถอยหนีไปด้วยความสนับสนุนของประชาชนทุกชนชั้น

ผบ.กองทัพพม่า กล่าวต่อไปว่า เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2485 พวกฟาสซิสต์ (หมายถึง กองทัพญี่ปุ่น) ได้ยกเลิกกองทัพพม่าอิสระที่มีกำลัง 50,000 นาย และตั้งกองทัพป้องกันพม่า (BDA) ขึ้นแทนด้วยกำลัง 3,000 นาย และเมื่อ 15 กันยายน พ.ศ. 2486 ก็ได้เปลียนชื่อเป็นกองทัพพม่า (Tatmadaw) เนื่องจากว่าไม่ได้ตั้งขึ้นเพื่อป้องกันแต่เพื่อทำการรุกต่อต้านศัตรู และการปฏิวัติต่อต้านเกิดขึ้นเมื่อ 27 มีนาคม พ.ศ. 2488 ด้วยความร่วมมือกันระหว่างประชาชนและกองทัพพม่า เพื่อปฏิเสธฟาสซิสต์ผู้บุกรุก ผู้ยกเอกราชปลอมให้และทั้งยังกดขี่ประชาชน วันนี้จึงถูกตั้งชื่อว่า "วันปฏิวัติ" และต่อมามีการเปลี่ยนเป็นวันกองทัพพม่าเมื่อปี พ.ศ. 2498

ผบ.กองทัพพม่า กล่าวตอนหนึ่งว่า สิ่งกีดขวางของกระบวนการการทำให้เกิดประชาธิปไตยคือขาดการเคารพหลักนิติธรรมและกฎเกณฑ์ และการมีอยู่ของกลุ่มติดอาวุธ สิ่งเหล่านี้ล้วนนำไปสู่ประชาธิปไตยโกลาหล เมื่อสองสิ่งกีดขวางนี้ถูกจัดการ จึงจะมีความก้าวหน้าบนเส้นทางประชาธิปไตย "ข้าพเจ้าขอปฏิญาณว่ากองทัพพม่าจะร่วมมือเพื่อทำให้เกิดความรุ่งเรืองของสหภาพและประชาชน"

กองทัพม่าจะยังคงรับใช้ผลประโยชน์ของสาธารณะด้วยการยึดหลัก 3 ประการของชาติ (ได้แก่ 1. ไม่ทำให้สหภาพแตกสลาย 2.ไม่ทำให้ความสามัคคีแตกสลาย 3.ทำให้เอกราชถาวร) เพื่อสร้างชาติที่มีประชาธิปไตยแบบหลายพรรคการเมือง ด้วยการร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อสร้างสังคมประชาธิปไตยที่รุ่งเรืองด้วยการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง "เราจะทำงานด้วยขีดความสามารถสูงสุดของสติปัญญาและพละกำลัง พร้อมด้วยเอกภาพ วินัย และยึดหลักกฎหมาย ถ้าเรารักแผ่นดินแม่และจะทำให้ระบอบประชาธิปไตยแบบหลายพรรคการเมืองบรรลุผลเพื่อพัฒนาประเทศ เราต้องภักดีต่อรัฐ"

"กองทัพจะทำให้เกิดความมั่นคงสูงสุดแก่รัฐ ซึ่งจะต้องดูแลประชาชน สร้างเสถียรภาพและการพัฒนาสำหรับรัฐบาล เพราะฉะนั้น กองทัพพม่าจะรับเอานโยบายสันติภาพ เสถียรภาพ เอกภาพ และการพัฒนา"

"พวกเรา กำลังพลต่างอาสาเข้ามาอยู่ในกองทัพพม่าด้วยปิติในจิตวิญญาณ เราพร้อมแล้วที่จะเผชิญความยากลำบากและอุทิศด้วยชีวิตและหงาดเหงื่อ เรายังเป็นหนึ่งในผู้ที่จะรักษาเสถียรภาพของชาติในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตยนี้ และนำประเทศไปสู่สถาบันปัจจุบันด้วยโครงสร้างที่มั่นคงตามที่ประชาชนต้องการ กองทัพพม่าจะไม่อนุญาตให้มีความพยายามล่วงล้ำเข้ามาในดินแดนของเรา และสั่นคลอนความกลมเกลียวที่มีอยู่ในสหภาพ เรามีความรับผิดชอบที่จะมีบทบาทนำในการเมืองแห่งชาติ ในหนทางเดียวกับที่กองทัพพม่าได้ยืนอยู่แล้วในการรับมือสถานการณ์เสี่ยงภัยนานาในประวัติศาสตร์ของชาติ" ผู้บัญชาการกองทัพพม่ากล่าว

"เมื่อพิจารณาตามภารกิจที่กองทัพพม่าได้รับมอบหมายตามรัฐธรรมนูญ ก็จะเห็นว่ากองทัพพม่ามีเพื่อค้ำจุนและส่งเสริมผลประโยชน์แห่งชาติ" พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย กล่าว

ตอนท้ายของสุนทรพจน์ พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย เรียกร้องต่อกำลังพลทุกระดับให้รักษาธรรมเนียมอันมีศักดิ์ของกองทัพพม่าคือให้เสี่ยงชีวิต ทำงานเพื่อชาติ ตามวัตถุประสงค์ 4 ประการของวันกองทัพพม่า นั่นคือ 1. รักษาหลัก 3 ประการของชาติ โดยถือเป็นการรับผิดชอบต่อชาติตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด 2. ร่วมมือกันระหว่างกองทัพพม่าและทุกกลุ่มชาติพันธุ์เพื่อให้บรรลุสันติภาพ 3. ร่วมมือกัน ระหว่างรัฐบาล รัฐสภา กองทัพ และทุกกลุ่มชาติพันธุ์ เพื่อให้ประเทศมีสิ่งที่จำเป็นคือเสถียรภาพ ความสามัคคี และการพัฒนา และ 4. สร้างกองทัพที่มีประสิทธิภาพ เพื่อปกป้องเอกราชและมาตุภูมิ

ทั้งนี้ตามรัฐธรรมนูญปี ค.ศ. 2008 กองทัพพม่ายังคงมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญโดยที่ 1 ใน 4 ของสมาชิกสภาทุกระดับมาจากการแต่งตั้งของกองทัพพม่า สมาชิกรัฐสภาจากกองทัพสามารถเสนอชื่อผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีได้ 1 ตำแหน่ง ขณะที่กระทรวงสำคัญได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และกระทรวงกิจการชายแดน จะถูกเสนอชื่อโดย ผบ.กองทัพพม่า นอกจากนี้โครงสร้างอำนาจสำคัญคือสภากลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งมีอำนาจแนะนำรัฐบาลหลายด้าน กองทัพยังคงสัดส่วนของที่นั่งมากกว่ารัฐบาลพลเรือนของพรรคเอ็นแอลดี

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท