29 มี.ค. 2559 เรือโทสมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงถึงความคืบหน้าคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทเจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง ขับรถชนดาบตำรวจ วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 ว่า พนักงานสอบสวนแจ้ง 4 ข้อหา ขับประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย, ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฏหมายกำหนด, ขับรถขณะมึนเมา, ไม่หยุดให้การช่วยเหลือหรือแจ้งเจ้าหน้าที่ ส่วนดาบตำรวจวิเชียร ผู้ตาย เป็นผู้ต้องที่ 2 ถูกแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย ต่อมาพนักงานสอบสวนได้สั่งฟ้องมายังอัยการเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2556 ในข้อหาขับประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และ หลบหนีไม่หยุดให้การช่วยเหลือ แต่ไม่สั่งฟ้องข้อหาขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด และขับรถขณะมึนเมา
จากนั้น 2 พ.ค. 2556 อัยการ สำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ มีความเห็นสั่งฟ้องนายวรยุทธ 3 ข้อหา ขับรถโดยประมาท, หลบหนีไม่หยุดให้การช่วยเหลือ, และข้อหาขับเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ซึ่งเป็นความเห็นแย้งกับพนักงานสอบสวน ส่วนข้อหาขับรถขณะมึนเมา อัยการไม่สั่งฟ้องตามพนักงานสอบสวน ขณะที่ในส่วนของดาบตำรวจวิเชียร อัยการสั่งไม่ฟัองให้ยุติดำเนินคดี เนื่องจากถึงแก่ความตายแล้ว
ส่วนกรณีที่สังคมมองว่าคดีล่าช้า โดยเฉพาะข้อหาที่ขาดอายุความ 2 ข้อหา คือขับรถเร็วและขับรถประมาททำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย เป็นข้อหาเล็กน้อยโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท โดยทั้งสองข้อหาเป็นกรรมเดียวแม้จะขาดอายุความ แต่ข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นโทษหนักจำคุกไม่เกิน 10 ปี ยังคงมีอายุความ 15 ปี โดยข้อหาที่หมดอายุความเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ตามกฎหมายให้ลงโทษบทหนักสุด ข้อหาที่ขาดอายุความจึงไม่กระทบต่อการดำเนินคดีข้อหาหลัก
โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า หลังอัยการสั่งฟ้องนายวรยุทธแล้ว ได้ให้ผู้ต้องหามาพบ และทำหนังสือถึงพนักงานสอบสวนติดตามตัวมาเพื่อส่งฟ้องก่อนหมดอายุความวันที่ 3 ก.ย. 2556 แต่ว่าวันที่ 2 ก.ย. ก่อนหมดอายุความวันเดียว ทนายของนายวรยุทธ ได้ยื่นหนังสือขอเลื่อนส่งตัวฟ้อง อ้างว่าป่วยกระทันหัน อยู่ประเทศสิงคโปร์ อัยการเห็นว่าเป็นการประวิงเวลาคดี จึงขอให้พนักงานสอบสวนขอศาลอนุมัติออกหมายจับนายวรยุทธ ดังนั้นจึงขอชี้แจงว่าเหตุที่ข้อหาขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด และขับรถประมาททำให้ทรัพย์สินเสียหายที่หมดอายุความ เนื่องจากผู้ต้องหาไม่มาตามกำหนด
จากนั้นเมื่อ 24 มิ.ย. 2557 ผู้ต้องหาส่งทนายมายื่นขอชะลอออกหมายจับ และขอความเป็นธรรมให้สอบพยานเพิ่ม 5 ปาก ซึ่งพนักงานสอบสวนก็ได้สอบปากคำพร้อมส่งสำนวนการสอบสวนมาให้อัยการแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อยู่ระหว่างพิจารณา ซึ่งอัยการสูงสุดได้กำชับเร่งรัดแล้ว
นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า อัยการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายทุกประการ แต่เหตุที่ล่าช้า เพราะผู้ต้องหาไม่มาพบตามนัด ซึ่งต่อไปอาจต้องใช้กระบวนกฎหมายในการติดตามตัวมาส่งฟ้อง ยืนยันมีมาตรการนำตัวมาส่งฟ้องซึ่งอาจมีการออกหมายจับ
ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหายื่นขอความเป็นธรรมเป็นการยื่นหลายครั้งหลายหน โดยเฉพาะการขอสอบพยาน 5 ปากในประเด็นใหม่นอกสำนวนเดิม อัยการต้องให้ความเป็นธรรม ยืนยันอัยการต้องพิจารณาอย่างละเอียด
ส่วนขัอหาขับรถขณะมึนเมาที่ พนักงานสอบสวนไม่ฟ้อง เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐาน โดยเหตุเกิดเวลา 05.00 น. แต่มีการตรวจเลือดเวลา 16.00น. พบปริมาณแอลกอฮอล์ 64.48 มิลลิกรัมปอร์เซ็นต์ และพยานในบ้านยืนยันเป็นการดื่มหลังก่อเหตุ
พล.ต.อ.พงศพัศ ยันมีหลักฐานเอาผิดหนุ่มซิ่งเบนซ์ชนฟอร์ดทุกข้อหา
ความคืบหน้าคดีเบนซ์ชนฟอร์ด วันนี้ (29 มี.ค.59) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และ พล.ต.ต.เสน่ห์ อรุณพันธุ์ รองผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดีที่นายเจนภพ วีรพร ขับรถเบนซ์ ทะเบียน ษง 3333 ชนรถยนต์ฟอร์ด เมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ 2 นักศึกษาปริญญาโทเสียชีวิต
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)