5 เม.ย. 2559 ธีรยุทธ บุญมี อดีตผู้อำนวยการสถาบันสัญญาธรรมศักดิ์ ให้ความเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ไม่เห็นด้วยกับวิธีการปฏิรูปประเทศของ คสช. ที่โยนให้นักกฎหมายร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาแก้ปัญหา ทั้งที่ เรื่องนี้เป็นปัญหาในเชิงโครงสร้างและอำนาจที่ไม่มีความสมดุล ระหว่างประชาชน ข้าราชการ นักการเมือง และฝ่ายตรวจสอบ จึงไม่เชื่อว่า การร่างรัฐธรรมนูญจะแก้ปัญหานี้ได้ ทางที่ดีคือ ต้องดึงประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิรูปประเทศ เพื่อความยั่งยืน

 

“รู้สึกเสียดาย เวลา 2 ปีที่ผ่านมา ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการเข้ามาปฏิรูปประเทศ เพราะเชื่อว่าการจัดระเบียบเรื่องต่างๆ ไม่ถาวร อีกไม่นานจะกลับมาเป็นแบบเดิม ดังนั้น หากให้การปฏิรูปเป็นไปอย่างถาวร ต้องสร้างอำนาจให้ประชาชนในท้องถิ่นร่วมกันดูแล ขณะนี้ ยังเหลือเวลาอีก 1 ปีเศษ จึงหวังว่า คสช. จะผลักดันให้ประชาชนได้ฝึกใช้อำนาจ แม้จะทำได้ยาก” ธีรยุทธ กล่าว

 

สำหรับเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญโดยภาพรวม ธีรยุทธ เห็นว่า วิธีคิดของกองทัพเป็นแนวอนุรักษ์นิยม  ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องระวัง โดยเฉพาะการให้ ส.ว.มาจากการสรรหาทั้งหมด หรือการเสนอให้อำนาจพิเศษกับ ส.ว.  อย่างไรก็ตาม ที่มาของ ส.ว. แต่ละประเทศ ก็แตกต่างกัน หากไทยต้องการให้มี ส.ว. เข้ามาแก้ปัญหาการเมือง ก็ต้องอธิบายให้ชัดเจน

 

ส่วนการทำประชามติจะผ่านหรือไม่นั้น ธีรยุทธ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.  มีคะแนนนิยมค่อนข้างดี เพราะคนส่วนใหญ่กลัวการชุมนุม และปัญหาการเมืองที่ผ่านมา  นี่จึงเป็นเหตุผลที่ไม่ค่อยมีคนคัดค้านข้อเสนอของ คสช. ต่อการร่างรัฐธรรมนูญ

 

ต่อข้อถามว่า หากในร่างรัฐธรรมนูญไม่มีข้อกำหนดในช่วงเปลี่ยนผ่าน จะเกิดวิกฤติประเทศซ้ำหรือไม่ ธีรยุทธ กล่าวว่า ไม่ขอวิจารณ์เหตุการณ์ล่วงหน้า เพราะยังมีโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์หลายแบบ ไม่ตายตัว ขณะที่ ในอนาคต หากทหารยังอยู่ในโครงสร้างของรัฐ และส.ว. จะเกิดปัญหาหรือไม่นั้น มองว่า ความรู้สึกของประชาชนอาจเปลี่ยนไปได้ หากมีการใช้อำนาจรัฐโดยมิชอบ แต่หากคนยังเบื่อหน่ายกับการเลือกตั้ง ก็อาจยอมรับอำนาจทหาร

 

"หากมองว่า ทหารจะโยนภาระให้รัฐบาลสมัยหน้า ทำไมตอนนี้ที่รัฐบาลมีอำนาจมาก ซึ่งถือเป็นอำนาจเชิงเดี่ยว ไม่มีการถ่วงดุล หลายอย่างสามารถทำได้ ทั้งเรื่องการศึกษา การบังคับใช้กฎหมายของตำรวจ แต่ทำไมถึงไม่ทำ ดังนั้นจะขอเวลาไปดูแลอีก 5 ปี จะขอไปทำไม ในเมื่อมีอำนาจเต็มที่แต่ไม่จัดการ ซึ่งประเด็นดังกล่าว มองว่า เป็นการให้เหตุผลที่ขัดแย้ง ไม่สร้างความเชื่อมั่น และเกรงว่า จะนำไปสู่ปัญหาในที่สุด" ธียุทธ กล่าว