Skip to main content
sharethis

ศาลปกครองมีคำสั่งรับคำฟ้องชุมชนป้อมหากาฬให้เพิกถอนคำสั่ง กทม. อนุกรรมการสิทธิฯ หวัง การรับคำฟ้องของศาลช่วยไม่ให้ กทม.รื้อถอนชุมชนในวันที่ 30 เม.ย.นี้

29 เม.ย.2559 เวลา 10.00 น. ที่ ศาลปกครองกลาง แจ้งวัฒนะ ชุมชนป้อมมหากาฬยื่นคำฟ้อง เรื่องขอให้เพิกถอนคำสั่งของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยชุมชนป้อมมหากาฬขอฟ้องกทม.ผู้ว่าราชการจังหวัด และคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และร้องขอศาลปกครองไต่สวนฉุกเฉินช่วง เนื่องจากชาวชุมชนป้อมมหากาฬครบประกาศ กทม.ให้รื้อย้ายออกจากพื้นที่ 30 เม.ย.นี้

ต่อมา 14.30 น. ศาลปกครองมีคำสั่งรับคำฟ้องที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยชุมชนป้อมมหากาฬยื่นฟ้องกรุงเทพมหานคร (กทม.) ผู้ว่าราชการจังหวัด และคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ แต่ในส่วนของการขอไต่สวนฉุกเฉินนั้นศาลปกครองเห็นว่ายังไม่มีเหตุให้ต้องไต่สวนฉุกเฉินในวันนี้ แต่จะพิจารณาดำเนินการตามรูปคดีโดยเร็วต่อไป 

อภิชาต พงษ์สวัสดิ์ ผู้รับมอบคดีจากผู้ฟ้อง กล่าวว่า คิดว่ารายงานกระบวนพิจารณาวันนี้มีประโยชน์ ศาลไม่ปฏิเสธคำร้องของชุมชนป้อมมหากาฬ วันนี้ศาลได้รับคดีนี้แล้วซึ่งแน่นอนว่าผู้ถูกฟ้องทั้ง 3 ควรหยุดดำเนินการใดๆ ไว้ก่อน เพราะหากภายหลัง ศาลมีคำสั่งให้ผู้ฟ้องชนะคดี ความเสียหายนั้นก็ไม่อาจจะเยียวยาได้ ดังนั้น กทม.ควรยุติไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำสั่ง ซึ่งศาลกล่าวว่าจะดำเนินการโดยเร็ว แต่ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์นี้ หรือวันหลังจากนี้ถ้าเทศกิจมาในชุมชน หรือ กทม.มีการดำเนินการใดๆในชุมชน ขอให้ถ่ายรูปพฤติกรรมต่างๆ เอาไว้ และมายื่นต่อศาลปกครองให้ไต่สวนฉุกเฉินทันที เพื่อชี้ว่าสถานการณ์ฉุกเฉินแล้วและให้เป็นเหตุใหม่ที่ กทม.จะเข้ามารื้อไล่ และขอให้ศาลปกครองคุ้มครอง

เพิ่มศักดิ์ มกราภิรมณ์ อนุกรรมการสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากร คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า เข้าใจว่าศาลปกครองดูจากหลักฐานที่เคยมีคำฟ้องของชุมชนป้อมมหากาฬอยู่แล้วซึ่งยังอยู่ในศาล ศาลจึงเห็นว่าปัญหานี้เป็นเรื่องต่อเนื่อง ในมุมมองศาลครั้งนี้ก็มองว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบดำเนินการพิจารณา และการรับคำฟ้องของศาลปกครองน่าจะมีน้ำหนักเพียงพอให้ กทม.ไม่เข้ามารื้อถอนในวันที่ 30 เม.ย.นี้

พีระพล เหมรัตน์ รองประธานชุมชนป้อมมหากาฬ กล่าวว่า ชาวบ้านพึงพอใจที่ศาลปกครองรับฟ้องคดี  ส่วนหนึ่งเราหวังว่าจะคุ้มครองชาวบ้านไว้ก่อน และเรายังเชื่อว่าถ้ารัฐได้เห็นคำสั่งศาลปกครองวันนี้จะระงับการไล่รื้อไว้ก่อน เนื่องจากการรับฟ้องนี้อาจมีผลบังคับต่อทาง กทม. เรื่องการดำเนินการประกาศของ กทม.ที่ให้ชุมชนป้อมมหากาฬรื้อย้ายออกจากพื้นที่ ภายใน 30 เม.ย.นี้ การที่กทม.เข้ามารื้อย้ายแล้วเกิดความเสียหาย เชื่อว่ากทม.ไม่สามารถเยียวยาหรือชดใช้คืนได้ จึงเชื่อว่าศาลปกครองจะต้องส่งคำฟ้องนี้ไปยัง กทม.โดยเร็ว และกทม.จะได้ไม่มารื้อย้ายชุมชนในวันพรุ่งนี้ แต่ก็ไม่สามารถไว้วางใจได้และชุมชนยังต้องมีการเฝ้าระวังตลอดเวลา

เขากล่าวเสริมด้วยว่า ชาวชุมชนป้อมมหากาฬต่อสู้เรื่องนี้มา 24 ปี ไม่อยากให้เป็นที่ครหาในสังคมว่ามีปัญหากับกทม. แต่อยากให้ กทม. จัดเวทีหารือร่วมกับทุกฝ่าย เช่น นักวิชาการ ภาคประชาชน เพื่อหารือและหาข้อสรุปร่วมกันอย่างเป็นธรรม และกทม.ควรทดลองให้ชาวชุมชนป้อมมหากาฬทดลองอาศัยอยู่ภายใน 2-3 ปี ตามแผนกทม.ที่จะพัฒนาพื้นที่ชุมชนเป็นสวนสาธารณะ เพื่อพิสูจน์ว่าชุมชนป้อมมหากาฬเป็นตัวอย่างที่ทำงานร่วมกับ กทม.ได้ เราสามารถอยู่ร่วมกันได้กับแผนพัฒนา กทม.

อินทิรา วิทยสมบูรณ์ นักกิจกรรมด้านสังคม กล่าวว่า คำสั่งศาลปกครองวันนี้ที่รับฟ้องคดีชุมชนป้อมมหากาฬจะเป็นผลดีต่อชุมชน เพราะเรารู้สึกว่าเรามาจากที่ไม่มีอะไรเลยแต่ตอนนี้เรามีคำสั่งศาลฉบับนี้ ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้ชุมชนป้อมมหากาฬมีเครื่องมือบางอย่างที่จะนำไปสู่กระบวนการเจรจากับ กทม. ซึ่งเราก็คาดหวังว่ากระบวนการของศาลจะนำไปสู่การพิจารณาคดีโดยเร็ว และผลการพิจารณาคดีจะนำไปสู่การเจรจาที่มีส่วนร่วมทุกๆ ฝ่าย ชุมชนป้อมมหากาฬต้องการกระบวนการเจรจาอย่างมีส่วนร่วม เหมือนที่ชุมชนป้อมมหากาฬยืนยันมาตลอดว่าชุมชนอยากอยู่กับเมืองอย่างมีส่วนร่วม

สำหรับคำขอต่อศาลปกครองของชาวชุมชนป้อมมหากาฬ มีดังนี้
1.ขอให้ศาลเพิกถอนประกาศกรุงเทพมหานคร ลงวันที่ 28 มี.ค.2559 ที่ให้ชาวชุมชนป้อมมหากาฬรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้างภายในชุมชนป้อมมหากาฬออกจากพื้นที่
2.ขอให้ศาลได้เพิกถอนแผนแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า ในส่วนที่กำหนดให้ใช้พื้นที่บริเวณชุมชนป้อมมหากาฬเป็นสาธารณะของคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่าที่ขัดต่ออำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย
3.ขอให้ศาลได้มีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้อง ปฏิบัติตามข้อตกลง 3 ฝ่าย (MOU) ระหว่าง กทม. มหาวิทยาลัยศิลปากร และชุมชนป้อมมหากาฬ เพื่อศึกษาวิจัยแนวทางการพัฒนาชุมชนป้อมมหากาฬ สมัยอภิรักษ์ โกษะโยธินเป็นผู้ว่ากทม. ทำขึ้นเมื่อ 7 ธ.ค.2548 โดยสัญญาระบุว่าจะนำผลการศึกษามาเป็นแนวทางพัฒนาชุมชนเพื่อให้โครงการรัฐเกิดประโยชน์สูงสุด
4.ขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาบังคับตามคำสั่งทางปกครองไปก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net