Skip to main content
sharethis

"ผมเป็นคนตั้งชื่อเขาว่า โยธิน โยธินที่แปลว่า ทหาร"

สำหรับ อาคม มั่งคั่งสง่า อายุ 67 ปี อดีตข้าราชการทหาร ยศนาวาอากาศโท เขามองเห็น โยธิน มั่งคั่งสง่า (ลูกชาย) หนึ่งในผู้ต้องหา เหตุทำเพจล้อเลียนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายทหารคนหนึ่ง

แม้โยธินจะเรียนจบด้านศิลปะมา เป็นคนนิ่งเงียบ เรียบร้อย และสุขม แต่สิ่งที่เขาทำ ในสายตาของพ่อ เมื่อเปรียบเทียบกับตำนาน 'สามก๊ก' โยธินคือ นายทหารคนหนึ่ง ที่ออกไปยืนด่าทัพฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นแผนของขงเบ้ง ถึงที่สุดแล้วทัพตรงข้ามโกรธจัด จนเปิดหน้า ยกทัพออกมารบ และพ่ายแพ้ไปในท้ายที่สุด

อดีตนายทหารอากาศ มองว่า ทหารไม่ได้มีอยู่แต่ในภาพจำเดิมๆ เช่นว่า ต้องถือปืน ใส่เสื้อเกาะ หรือนั่งอยู่บนหลังม้าแบบในสมัยก่อน แต่เพื่อการต่อสู้ ทหารมียุทธวิธีที่มากกว่านั้น เพราะเพียงแค่หนึ่งคนไปยื่นด่า กองทัพทั้งกองก็ล้มลงได้ง่า

00000

ย้อนกลับไปเมื่อเช้าตรู่ของวันที่ 27 เม.ย. 2559 อาคมเล่าว่า มีนายทหารไม่ต่ำกว่า 15 นายเข้ามาหาที่บ้านพักโดยชี้แจงว่า ขอความให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วย ก่อนแจ้งว่าต้องการควบคุมตัวลูกชาย และจากนั้นก็เข้าควบคุมตัว พร้อมยึดอุปกรณ์สื่อสาร เช่นคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ต โดยไม่สนใจว่าของเหล่านั้นจะเป็น ของโยธินหรือไม่ ไม่เว้นแม้แต่หนังสือต่างๆ ที่ซื้อเก็บไว้ เช่นนิตยสารฟ้าเดียวกัน สงครามกลางเมืองในรวันดา กระทั่งสติ๊กเกอร์ เรารักประชาธิปไตย เจ้าหน้าที่ทหารก็นำไปด้วย

"มือถือของผมเอง เพิ่งซื้อมาหมื่นสาม เมื่อสองวันก่อน ยังไม่ทันได้เล่นเป็น เขาก็เอาไป ใบเสร็จเรามีให้ดู แต่เขาไม่สนใจ"

เขาเล่าต่อว่า เจ้าหน้าที่มีการเตรียมพร้อมมาอย่างดี และมีการเก็บข้อมูลทุกอย่างมาก่อน เนื่องจากวันที่เข้าจับกุม เจ้าหน้าที่ไม่ได้เข้ามาที่บ้านหลังนี้เพียงแค่ที่เดียว ทหารเข้าไปที่บ้านของแฟนโยธิน และยึดเอาคอมพิวเตอร์ซึ่งแฟนโยธินจำเป็นต้องใช้ทำงานไปด้วย...

แม้เจ้าหน้าที่จะไม่ได้ท่าทีที่รุนแรง แต่เข้าเห็นว่าการะทำแบบนี้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีการแสดงหมายจับ มีเพียงแต่การจับไปก่อน แล้วค่อยตั้งข้อกล่าวหาทีหลัง เขาเห็นว่านี่เป็นเรื่องที่ผิด

เมื่อถามถึงสภาพความเป็นอยู่ของทางบ้านหลังจากที่โยธินถูกจับกุม เขาบอกว่าไม่ได้มีความลำบากมาก แต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือ สภาพจิตใจของแม่ มากกว่า

"คนเป็นแม่ก็เป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครอยากเห็นลูกติดคุก วันไปเจอเขาวันแรกที่ศาลทหาร ผมก็ไปยืนให้เขาเห็นหน้าว่าพ่อมาแล้ว แต่แม่เขาเข้าไปกอดลูก แล้วน้ำตาซึมๆ ทุกวันนี้เวลามาเยี่ยมลูกก็ยังร้องไห้น้ำตาซึมอยู่"

สำหรับคนเป็นพ่อ เขาเห็นว่าสิ่งที่ลูกชายโดนตั้งข้อหาผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 คดีความมั่นคงนั้นเป็นเรื่องที่หนักเกินไป

"ข้อหาที่เขาโยง มันเป็นเรื่องความมั่นคง แต่มันไม่น่าจะเข้าข่าย ลูกผมไม่ได้ทำอะไรร้ายแรง สิ่งที่เขาทำก็ไม่ได้มีอิทธิพลอะไรมากขนาดนั้น มันไม่ใช่เรื่องความมั่นคงหรอก แต่มันเป็นเรื่องความไม่มั่นใจของบางคนมากกว่า"

"วันนี้คุณอาจจะคิดว่ากินเบี้ยเราได้ แต่วันข้างหน้าเราจะกินเรือ กินม้าคุณ"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net