Skip to main content
sharethis

10 พ.ค.2559 เฟซบุ๊กแฟนเพจ 'ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ New Democracy Movement - NDM' รายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาร ตัวแทน NDM ได้เข้าพบตัวแทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ (UNOHCHR) พร้อมยื่นจัดหมายเพื่อแสดงความกังวลต่อสถานการณ์การลงประชามติและการดำเนินคดีความมั่นคงและมาตรา 112 ในศาลทหารต่อแอดมินที่ทำเพจล้อเลียน พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา

โดย NDM ได้เรียกร้องต่อองค์การสหประชาชาติ 1. ให้ดำเนินมาตรการใดๆ เพื่อให้เกิดการใช้กฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมแก่ผู้รณรงค์ทั้งสองฝ่าย 2. ให้ดำเนินมาตรการใดๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญได้โดยปราศจากการคุกคามจากรัฐบาล 3. ให้ดำเนินมาตรการใดๆ เพื่อให้มีการปล่อยตัวบุคคลทั้ง 9 คนในทันที ซึ่งประกอบด้วย 8 ผู้ต้องหาเป็นแอดมินเพจล้อเลียน พล.อ.ประยุทธ์ ด้วย และ บุรินทร์ อินติน ที่ถูกจัดดำเนินคดีเพิ่มหลังประท้วงการจับกุม 8 แอดมินเพจดังกล่าว  รวมถึงถอนฟ้องบุคคลทั้ง 9 คน 4. ให้ดำเนินมาตรการใดๆ เพื่อสร้างหลักประกันว่าจะไม่เกิดการกระทำลักษณะเดียวกันนี้โดยรัฐบาล คสช. อีกในอนาคต

"หวังเป็นอย่างยิ่งว่าด้วยความช่วยเหลือจากองค์การสหประชาชาติและประชาคมระหว่างประเทศ ประเทศไทยจะสามารถกลับคืนสู่หนทางประชาธิปไตยได้อย่างที่ควรจะเป็น" NDM  ระบุไว้ท้ายจดหมาย

รายละเอียดจดหมายของ NDM :

เรื่อง เรียกร้องให้มีมาตรการเพื่อป้องกันมิให้เกิดการจำกัดสิทธิเสรีภาพและคุกคามประชาชน

เรียน สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ

ด้วยในสถานการณ์ในประเทศไทยปัจจุบัน ได้เกิดการจำกัดสิทธิเสรีภาพและคุกคามประชาชนโดยรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใน 2 กรณีสำคัญ ได้แก่

1. การขัดขวางไม่ให้ประชาชนรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญที่จัดทำโดยคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญชุดนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ทั้งโดยการตราพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 ที่อนุญาตให้หน่วยงานภาครัฐเผยแพร่คำอธิบายสาระสำคัญของรัฐธรรมนูญ (ซึ่งในทางปฏิบัติคือการอนุญาตให้มีการรณรงค์รับร่างรัฐธรรมนูญ) ในขณะที่ประชาชนผู้รณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญอาจมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี หากรัฐถือว่าการรณรงค์นั้นมีลักษณะเป็นการปลุกระดม นอกจากนี้ในช่วงเวลาก่อนที่กฎหมายดังกล่าวจะประกาศใช้ ยังเคยมีการส่งเจ้าหน้าที่ทหารไปคอยติดตามกิจกรรมของกลุ่มประชาชนที่รณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ และการขู่ดำเนินคดีกับนักวิชาการที่แจกเอกสารรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญอีกด้วย

2. การจับกุมตัวบุคคลจำนวน 8 คน โดยไม่มีการออกหมายจับ จากการจัดทำแฟนเพจล้อเลียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. โดยมีการตั้งข้อหาต่อประชาชนทั้ง 8 คนในความผิดฐานยุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 7 ปี ยิ่งไปกว่านั้น บุคคล 2 จาก 8 คนนี้ รวมถึงบุคคลอีก 1 คนที่แสดงการประท้วงต่อกรณีดังกล่าวและถูกจับกุมในเวลาต่อมายังถูกตั้งข้อหาในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามมาตรา 112 ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี โดยอาศัยข้อมูลที่รัฐบาลได้มาโดยการจารกรรมจากกล่องข้อความในสื่อโซเชียลมีเดียอีกด้วย โดยทั้ง 9 คนนี้จะต้องเข้ารับการพิจารณาคดีในศาลทหาร

ขบวนการประชาธิปไตยใหม่มีความกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าว ที่แสดงถึงการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนแม้กระทั่งในประเด็นที่มีความสำคัญยิ่งต่อประเทศและประชาชนอย่างประเด็นรัฐธรรมนูญ การใช้กฎหมายที่เลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อประชาชนผู้รณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเพียงเพื่อบรรลุเป้าหมายของรัฐบาล คสช. ในการประกาศใช้ร่างรัฐธรรมนูญของตนเอง และการคุกคามประชาชนอย่างร้ายแรงด้วยสาเหตุเพียงเพราะการล้อเลียนผู้นำรัฐบาล รวมถึงการที่รัฐบาลได้ครอบครองเครื่องมือบางประการที่สามารถล้วงเอาข้อมูลส่วนตัวของประชาชนได้โดยปราศจากความยินยอม ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปฏิปักษ์ต่อการนำพาประเทศไทยกลับสู่ระบอบประชาธิปไตย

ขบวนการประชาธิปไตยใหม่จึงขอเรียกร้องต่อองค์การสหประชาชาติดังนี้

1. ให้ดำเนินมาตรการใดๆ เพื่อให้เกิดการใช้กฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมแก่ผู้รณรงค์ทั้งสองฝ่าย

2. ให้ดำเนินมาตรการใดๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญได้โดยปราศจากการคุกคามจากรัฐบาล

3. ให้ดำเนินมาตรการใดๆ เพื่อให้มีการปล่อยตัวบุคคลทั้ง 9 คนในทันที รวมถึงถอนฟ้องบุคคลทั้ง 9 คนนี้ด้วย

4. ให้ดำเนินมาตรการใดๆ เพื่อสร้างหลักประกันว่าจะไม่เกิดการกระทำลักษณะเดียวกันนี้โดยรัฐบาล คสช. อีกในอนาคต

ขบวนการประชาธิปไตยใหม่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าด้วยความช่วยเหลือจากองค์การสหประชาชาติและประชาคมระหว่างประเทศ ประเทศไทยจะสามารถกลับคืนสู่หนทางประชาธิปไตยได้อย่างที่ควรจะเป็น

ด้วยความนับถือ
ขบวนการประชาธิปไตยใหม่

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net