ดิอิโคโนมิสต์ชี้อินเดียเกิดภัยแล้งหนักเพราะจัดการน้ำไม่เป็น

บทความจากดิอิโคโนมิสต์ระบุถึงภัยแล้งในอินเดียว่าอาจจะไม่ได้มาจากปัญหาเรื่องฟ้าฝนอย่างเดียว แต่ปัญหาจากการจัดการน้ำไม่เป็นหรือนำมาใช้สร้างภาพเพื่อต้อนรับรัฐมนตรีก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหานี้เช่นกัน

ที่มาของภาพประกอบ: Pushkarv/Wikipedia

26 พ.ค. 2559 วารสารดิอิโคโนมิสต์นำเสนอถึงกรณีที่ประเทศอินเดียอยู่ในภาวะภัยแล้งติดต่อกันเป็นปีที่ 2 มีประชาชนในอินเดีย 330 ล้านคน หรือราว 1 ใน 4 ของประเทศกำลังเผชิญภาวะขาดแคลนน้ำ ความร้อนระอุในช่วงฤดูร้อนทำให้แหล่งเก็บน้ำเหือดแห้งจนถึงขั้นมีชาวนาฆ่าตัวตายเพราะปัญหานี้ เจ้าหน้าที่ทางการในรัฐมัธยประเทศทางตอนกลางของอินเดียมีการวางกำลังติดอาวุธเพื่อคุ้มกันอ่างเก็บน้ำที่กำลังแห้งลงอย่างรวดเร็ว มีกรณีการพยายามช่วยชีวิตคนด้วยการส่งน้ำทางรถไฟล้านลิตรไปยังเมืองลาตูร์เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา และเมื่อกรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศว่ามีโอกาสที่ฝนตกสูงกว่าค่าเฉลี่ยก็จะถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์สำหรับประเทศที่ประสบภัยแล้งที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 40 ปี อย่างอินเดีย

ดิอิโคโนมิสต์ระบุว่าประชากร 600 ล้านคนในอินเดียต้องพึ่งพาการเกษตรเพื่อดำรงชีวิตและ 2 ใน 3 ของผืนดินการเกษตรในุปัจจุบันของอินเดียไม่มีระบบชลประทานและอาศัยน้ำจากฝนเท่านั้น ถึงแม้ว่าว่าในช่วงเดือน มิ.ย. ถึง ก.ย. อินเดียมักจะมีฝนตกชุกกว่าเดือนอื่นๆ แต่ในทุกๆ 4 ใน 10 ปี ฟ้าฝนของอินเดียก็แปรปรวนเอาแน่เอานอนไม่ได้

เศรษฐกิจของอินเดียยังขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศด้วยเช่นกัน ทำให้การพยากรณ์อากาศในช่วงที่ผ่านมาที่ระบุว่าอินเดียมีโอกาสเกิดมรสุมในช่วงต้นเดือน มิ.ย. ที่จะถึงนี้ส่งผลให้ตลาดหุ้นอินเดียพุ่งขึ้นสุงสุดในช่วง 4 เดือนมีการประเมินจากอรุณ เจตลีย์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของอินเดียว่าเศรษฐกิจอินเดียจะปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 8.5 ในปีนี้ รวมถึงการจับจ่ายของผู้บริโภคก็จะจะสูงขึ้นด้วย ความเชื่อมั่นเหล่านี้ทำให้ธนาคารกลางของอินเดียลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน

อย่างไรก็ตามบทความของดิอิโคโนมิสต์ชี้ว่าความเชื่อมั่นที่ต้องรอฟ้าฝนเช่นนี้สะท้อนให้เห็นปัญหาที่ลึกกว่าในอินเดียนั่นคือปัญหาเรื่องระบบการจัดการน้ำ ในอินเดียชาวนาได้รับความช่วยเหลือด้านพลังงานไฟฟ้าทำให้พวกเขาใช้ปั้มน้ำได้ตามใจชอบจนทำให้เกิดการใช้น้ำต่อปีจำนวนมากกว่าจีนและสหรัฐฯ รวมกัน มีรายงานจากสหภาพยุโรปเมื่อไม่นานมานี้ว่าในอินเดียมีหลุมเจาะ (boreholes) ความลึกขนาดมากกว่า 20 เมตรเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่แล้วหลายหมื่นหลุม ระดับน้ำใต้ดินลดลงโดยเฉลี่ย 0.3 เมตรและในบางที่ก็ลดลงมากถึง 4 เมตร อีกทั้งในพื้นที่ที่ขาดน้ำก็มีการปลูกพืชที่ต้องการน้ำมากอย่างข้าว, ฝ้าย และอ้อย ปัญหาในอินเดียจึงไม่ใช่การที่น้ำไม่เพียงพอแต่มาจากการใช้มากเกินไป

ดิอิโคโนมิสต์ระบุอีกว่าทางการอินเดียมีแผนโครงการจัดการน้ำมูลค่า 165,000 ล้านดอลลาร์โดนการทำทางเชื่อมต่อรวม 15,000 กม. จากแม่น้ำไม่ต่ำกว่า 37 สายไปสู่พื้นที่ที่เสี่ยงต่อภัยแล้ง จากการที่นายกรัฐมนตรีอินเดียมีแผนการจะทำให้อินเดียเพิ่มรายได้ทางการเกษตรขึ้นเป็นสองเท่า ในบทความของดิอิโคโนมิสต์จึงเสนอให้มีการจัดการน้ำที่ดีกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นระบบเก็บกักน้ำฝน การสร้างฝายชะลอน้ำ หรือการส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาใช้ระบบชลประทานน้ำหยด

ทั้งนี้รัฐบาลเองก็ควรจะทำตัวเป็นัวอย่างที่ดีในการระหยัดน้ำด้วย ดิอิโคโนมิสต์ระบุว่าในขณะที่ประชาชนรอฟ้าฝนอยู่นั้นเจ้าหน้าที่ทางการเมืองลาตูร์ก็ใช้น้ำหมดไป 10,000 ลิตรกับการล้างทำความสะอาดลานจอดเฮลิคอปเตอร์ เพื่อต้อนรับการมาเยือนของรัฐมนตรี

 

เรียบเรียงจาก

The Economist explains : Why India has a water crisis, The Economist, 24-05-2016  http://www.economist.com/blogs/economist-explains/2016/05/economist-explains-11

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท