อุทธรณ์ยกฟ้องสนธิปราศรัยพาดพิงทักษิณปี 51-ถือว่าติชมด้วยความเป็นธรรม

ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องคดีหมิ่นประมาท ที่สนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัยปี 51 ว่าทักษิณ ชินวัตร ซื้อรากหญ้า ยึดตำรวจ จ่ายเงินทหารบางคนเพื่อทำให้สถาบันกษัตริย์อ่อนแอ ศาลพิเคราะห์ว่าแม้จะเป็นข้อความหมิ่นประมาท แต่บุคคลใกล้ชิดและบริวารโจทก์อย่าง โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม เคยถูกดำเนินคดี ม.112 จึงเห็นว่าสนธิ ติชมด้วยความเป็นธรรมในเรื่องบ้านเมือง-กิจการสาธารณะที่บุคคลทั่วไปทำได้จึงให้ยกฟ้อง

สนธิ ลิ้มทองกุล ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเดือนธันวาคมปี 2558 (แฟ้มภาพ)

2 มิ.ย. 2559 - คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ และ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง บริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด โดยนายพชร สมุทวณิช และนายขุนทอง ลอเสรีวานิช กรรมการผู้มีอำนาจ บริษัท เอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด โดยนายปัญจภัทร อังคสุวรรณ และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ กรรมการผู้มีอำนาจ และนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นจำเลย ที่ 1-3 ฐานร่วมกันหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร การกระจายเสียงหรือภาพ

กรณีเกิดเหตุเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2551 เวลากลางคืน นายสนธิ ขณะนั้นเป็นแกนนำ พธม. จำเลยที่ 3 ได้ขึ้นปราศรัยบริเวณทำเนียบรัฐบาล ผ่านเครื่องขยายเสียงให้ผู้ชุมนุมจำนวนมากฟังทำนองว่าทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรีจาบจ้วงสถาบัน และพยายามซื้อรากหญ้า ยึดตำรวจและเอาเงินไปจ่ายให้ทหารบางคนเพื่อให้สถาบันกษัตริย์อ่อนแอ ทำลายรากฐานของกษัตริย์ โดยมีจำเลยที่ 1-2 เป็นผู้ถ่ายทอดสัญญาณภาพและเสียงผ่านสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี และเว็บไซต์ผู้จัดการ ซึ่งข้อความที่นายสนธิกล่าวทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้เสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง เหตุเกิดที่แขวงและเขตดุสิต กทม.และทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรไทย จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ

โดนศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ระบุว่าพฤติการณ์ของ นายสนธิ จำเลยที่ 3 ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ในส่วนของบริษัท ไทยเดย์ฯ จำเลยที่ 1 และ บริษัท เอเอสทีวีฯ จำเลยที่ 2 นั้นพยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมที่นำสืบยังไม่พอรับฟังได้ว่าจำเลยจะต้องร่วมรับผิดชอบกับการปราศรัยของนายสนธิ จำเลยที่ 3 ด้วย อีกทั้งเมื่อศาลพิพากษาว่าการกระทำของนายสนธิ จำเลยที่ 3 ไม่เป็นความผิด บริษัท ไทยเดย์ฯ จำเลยที่ 1 และ บริษัท เอเอสทีวีฯ จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดด้วย โดยอัยการโจทก์ไม่ยื่นอุทธรณ์ แต่โจทก์ร่วมยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลลงโทษตามกฎหมายนั้น (อ่านข่าวก่อนหน้านี้)

ต่อมาอัยการโจทก์ไม่ยื่นอุทธรณ์ แต่โจทก์ร่วมยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลลงโทษตามกฎหมาย โดยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันนี้ มติชนออนไลน์ รายงานว่าศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า ประเด็นข้อความที่นายสนธิ จำเลยที่ 3 กล่าวว่า “วันนี้ผมไม่รู้ว่าสื่อมวลชน นักคอลัมนิสต์ คนที่ทำงานโทรทัศน์จะโง่ หรือว่าแกล้งโง่ที่ยังดูไม่ออกอีกหรือว่ารัฐบาลชุดนี้ ภายใต้บงการของนายทักษิณ ชินวัตร …” นั้นแม้จะเป็นข้อความหมิ่นประมาท ที่ให้โจทก์ร่วมเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ฝ่ายจำเลยนำสืบนั้นปรากฏว่า มีบุคคลอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวพันร่วมกับโจทก์ร่วมในทางการเมือง บุคคลใกล้ชิดและบริวารโจทก์ร่วม เช่น นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม เคยถูกดำเนินคดีอาญาข้อหาความผิดหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามมาตรา 112 จึงเห็นว่านายสนธิ จำเลยที่ 3 มีความเชื่อหรือสงสัยว่าโจทก์ร่วมอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย อันเป็นการแสดงความเห็น หรือ กล่าวติชม ด้วยความเป็นธรรมในเรื่องบ้านเมืองและกิจการสาธารณะ ที่บุคคลและประชาชนทั่วไปสามารถกระทำได้ การกระทำของนายสนธิ จำเลยที่ 3 ดังกล่าวจึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ดังนั้นบริษัทไทยเดย์ฯ จำเลยที่ 1 และ บริษัทเอเอสทีวีฯ จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดด้วย ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยพิพากษายืนให้ยกฟ้อง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท