Skip to main content
sharethis

ในโอกาสเดือนรอมฎอนซึ่งเป็นการถือศีลอดของชาวมุสลิม ซาดิค ข่าน นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนผู้เป็นชาวมุสลิมนำเสนอบทความเบาๆ ในเชิงสร้างความเข้าใจต่อเรื่องการถือศีลอดของชาวมุสลิมที่ไม่ได้ดูลึกลับซับซ้อน แต่กลับมีมิติของมนุษย์และความสัมพันธ์กับชุมชนอื่นๆ และเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าคนเราสามารถเป็นผู้ยึดถือแนวคิดเสรีนิยมและเป็นมุสลิมกระแสหลักไปพร้อมกันได้

7 มิ.ย. 2559 เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ซาดิค ข่าน นายกรัฐมนตรีของกรุงลอนดอนเขียนบทความเกี่ยวกับเดือนรอมฎอนซึ่งเป็นประเพณีถือศีลอดของชาวมุสลิม โดยระบุว่าเดือนศักดิ์สิทธิของอิสลามถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้แบ่งปันและเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างชุมชน

ข่านเขียนบทความลงในเดอะการ์เดียนระบุว่าตัวเขาเองไม่ได้เรียกตัวเองว่าเป็นนักการเมืองมุสลิมหรือเป็นโฆษกตัวแทนชาวมุสลิมทั้งหมดได้ เพราะตัวเขาเองไม่ได้นิยามตัวเองด้วยแค่ความเชื่อทางศาสนาอย่างเดียว เขาเป็นทั้งชาวลอนดอน เป็นลูกคน เป็นพ่อคน และไม่คิดว่าศาลากลางเมืองเป็นสถานที่เทศนา แต่เมื่อถึงเทศกาลรอมฎอนเขาก็มองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะเผยแพร่เรื่องราวเพื่อลดความลึกลับและความน่าสงสัยของศาสนาอิสลาม

ข่านระบุว่าสำหรับคนที่ไม่ได้มีเพื่อนเป็นผู้นับถืออิสลามคงจะได้รับสื่อเกี่ยวกับศาสนาอิสลามแล้วนึกถึงภาพคนไว้หนวดเคราท่าทางโกรธแค้นกำลังพูดหรือทำอะไรแย่ๆ ทำให้คนโยงไปว่าอิสลามจะมีแต่คนแบบนี้ ทำให้ข่านคิดจะสร้างความเข้าใจและเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างชุมชนด้วยการจัดมื้ออาหารรอมฎอนตามสุเหร่า โบสถ์คริสต์ และมัสยิด ทั่วเมือง

"วิธีการที่ดีที่สุดในการที่คนจะเข้าใจกันคือการมีประสบการณ์ร่วมกัน" ข่านระบุในบทความ

นายกเทศมนตรีลอมดอนระบุต่อไปว่าสำหรับเขาแล้วช่วงถือศีลอดถือเป็นวิธีการที่ดีในการสร้างประสบการณ์ร่วม เพราะการได้แบ่งปันอาหารกับคนอื่น การได้เชื้อเชิญคนที่ไม่ใช่มุสลิมได้ร่วมรับประทานอาหารในมื้อ 'อิฟตาร์' (iftar) ซึ่งเป็นอาหารมื้อแรกหลังเวลาสิ้นสุดการอดอาหารเมื่ออาทิตย์ตกดินแล้ว ผู้คนก็จะพบว่ามันไม่ใช่พิธีกรรมแปลกประหลาดหรือน่ากลัวแต่อย่างใด

ข่านเล่าถึงประสบการณ์ของตัวเองว่าในช่วงที่เขาโตมาเขาต้องคอยอธิบายให้คนอื่นฟังเสมอว่าทำไมเขาถึงไม่ทานอาหาร ในเมืองที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมมาตลอด 1,000 ปีอย่างลอนดอน ต้องมีคนรู้จักอย่างน้อยสักหนึ่งคนไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือคนในที่ทำงานที่ถือศีลอด ตัวข่านเองเคยมีเพื่อนที่ลองถือศีลอดร่วมด้วยแต่พวกเขามักจะอดไม่ได้ไปตลอดทั้งวัน กระนั้นก็ตามนั้นก็ถือเป็นการแสดงออกอย่างมีไมตรี

ข่านเล่าถึงความยากลำบากในการถือศีลอดในปีนี้ว่าตามปฏิทินฮิจเราะห์แล้วในปีนี้ของลอนดอนผู้คนต้องถือศีลอดในฤดูร้อนที่มีกลางวันยาวนาน และการทำประชามติเรื่องที่ว่าอังกฤษจะอยู่หรือออกจากการเป็นสมาชิกภาพสหภาพยุโรปก็ใกล้เข้ามาทุกขณะ แต่เขาก็ต้องขึ้นเวทีทั้งที่อดอาหารซึ่งในปีที่แล้วเขาก็ต้องทำเช่นนี้เหมือนกัน มันจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ข่านระบุว่า สำหรับผู้ที่ต้องการจะถือศีลอดนั้นไม่ควรที่จะต้องเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตไปโดยสิ้นเชิงเพราะจะเป็นการทำลายวัตถุประสงค์ของการถือศีลอดเอง และแน่นอนว่าอิสลามก็มีข้อห้ามในกรณีที่การอดอาหารจะส่งผลต่อการทำงานสำคัญอย่างเช่นแพทย์ผ่าตัดสมอง แต่เรื่องการถือศีลอดก็ทำให้เขาประทับใจที่ว่าร่างกายคนเรามีความอดทนมากกว่าที่คิดไว้

"ใครก็ตามที่รู้จักผมจะรู้ว่าผมดูน่าสงสารมากในช่วงรอมฎอน บางคนก็บอกว่าผมน่ะดูน่าสงสารตลอดทั้งปีนั่นแหละ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันกระทบต่ออารมณ์ผมจริงๆ สิ่งที่ผมโหยหามากที่สุดคือกาแฟ ผมสามารถผ่านพ้นการประชุมน่าเบื่อทั้งหลายมาได้ (แน่นอนว่าเว้นแต่ในปีนี้ เพราะในปีนี้ผมได้งานที่ดีที่สุดในโลก!) และผมต้องการคาเฟอีนเพื่อให้ทำอะไรต่อไปได้" ข่านระบุในบทความ

ทั้งนี้ยังมีเรื่องที่ข่านมองว่าเป็นความเข้าใจผิด (myth) อยู่คือเรื่องที่ว่าการอดอาหารในช่วงรอมฎอนจะสามารถลดน้ำหนักได้ ซึ่งสำหรับเขาแล้วไม่เป็นความจริง การที่ข่านถือศีลอดส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าเขาต้องการแสดงออกให้โลกเห็นว่าคนเราสามารถเป็นคนที่ยึดคุณค่าในความเป็นตะวันตก คุณค่าเสรีนิยม และเป็นมุสลิมกระแสหลักไปพร้อมๆ กันได้ เรื่องที่เขาสามารถชนะการเลือกตั้งในลอนดอนได้เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าคนในลอนดอนเองก็เชื่อแบบเดียวกับเขา

ข่านยังระบุถึงความสำคัญของการถือศีลอดในแง่ของการอุทิศตน การไตร่ตรอง ความถ่อมตน และการเข้าถึงหัวอกของผู้อดอยาก ในฐานะนายกเทศมนตรีลอนดอนเขารู้ดีว่ายังมีประชากร 100,000 คนที่ต้องพึ่งพาธนาคารอาหาร เขาจึงต้องพยายามทำความเข้าใจในระดับหนึ่งต่อความอดอยากเช่นนี้ ถึงแม้เขาจะทราบดีว่าในช่วงท้ายของวันเขาจะสามารถทานอาหารมื้อใหญ่ได้ซึ่งแตกต่างจากกลุ่มคนไร้บ้านที่ไม่ได้รับอะไรเช่นนี้ ทั้งนี้ข่านยังระบุถึงผลโพลเมื่อ 2 ปีที่แล้วว่าชาวมุสลิมอังกฤษเป็นกลุ่มที่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มากที่สุดในอังกฤษ

"คุณไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศเรื่องนี้จากที่สูง มันเป็นเรื่องของการมีประสบการณ์ร่วมกัน พวกเรามีเมืองที่มีความหลากหลายมากที่สุดในโลก แต่พวกเราไม่ได้มีผู้คนร่วมผสมผสานกันมากเท่าที่ควร ผมอยากเปิดให้ผู้คนรู้สึกมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของด้วย" ข่านระบุในบทความ


เรียบเรียงจาก

Fasting for Ramadan won’t be easy – it’s the coffee I’ll miss the most, Sadiq Khan, The Guardian, 05-06-2016
http://www.theguardian.com/world/commentisfree/2016/jun/05/fasting-for-ramadan-wont-be-easy-its-the-coffee-ill-miss-the-most

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net