Skip to main content
sharethis

พรุ่งนี้ ศาลปกครองนัดไต่สวนฉุกเฉิน กรณีกสทช.สั่งปิดพีซทีวี 30 วัน ประยุทธ์ยัน กสทช.ปิดพีซทีวีตามกฎหมาย จตุพรเชื่อคนแห่ดูมากขึ้นก่อนจอดำ ธิดาเตรียมใช้โซเชียลมีเดียสื่อสารประเด็นประชามติ

กรณีคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) มีมติเสียงข้างมาก พักใช้ใบอนุญาต พีซ ทีวี เป็นเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. หลังมีการร้องเรียนให้ตรวจสอบการออกอากาศของช่องรายการ พีซ ทีวี ประจำเดือน มี.ค. 2559 ว่ามีเนื้อหาไม่เหมาะสม

ล่าสุด (5 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. เหวง โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)  และผู้ดำเนินการายการสถานีโทรทัศน์พีซทีวี พร้อมผู้ประกาศและทนาย เข้ายื่นขอให้ศาลไต่สวนกรณี กสท. ละเมิดคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองที่ให้พีซทีวีสามารถออกอากาศได้ต่อจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา

เหวง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้พีซทีวีได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง กรณี กสทช.เพิกถอนในอนุญาต เป็นคดีหมายเลขดำที่ 1163/2558 และคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณา โดยศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้พีซทีวีออกอากาศต่อไปได้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาจนถึงที่สุด แต่เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทาง กสทช.กลับมีคำสั่งพักใช้ใบอนุญาต 30 วัน เนื่องจากมีรายการที่มีเนื้อหาขัดคำสั่ง คสช. โดยให้มีผลวันที่ 10 กรกฎาคมนี้ ซึ่งเห็นว่าการกระทำดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการละเมิดคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครอง และเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาลด้วย

เหวง กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่า กสทช.สับสนในการใช้อำนาจ เพราะมีการเพิกถอนใบอนุญาตของพีซทีวีไปแล้ว และเมื่อไปขอต่อใบอนุญาต ทาง กสทช.ก็บอกว่าไม่สามารถดำเนินการได้ ต้องรอผลการดำเนินคดีของศาลให้เสร็จสิ้นก่อน แต่เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม กลับมามีคำสั่งพักการใช้ใบอนุญาตอีกได้อย่างไร นอกจากนี้ตามประกาศ คสช. ข้อที่ 97 และ 103 รวมถึงบันทึกข้อตกลงที่พีซทีวีทำกับ กสทช. ให้อำนาจ กสทช.ในการดำเนินการระงับ เฉพาะรายการที่ กสทช.เห็นว่ากระทำผิดเงื่อนไขเท่านั้น ไม่ได้อำนาจ กสทช.ในการเพิกถอนใบอนุญาตของสถานี

เหวง กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นกับพีซทีวี ตนเชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกับ คสช. เพราะคำสั่งห้ามออกอากาศที่ให้เริ่มตั้งแต่ 10 กรกฎาคม เหมือนเป็นความจงใจให้ระยะเวลาครอบคลุมในช่วงที่กำลังจะมีการออกเสียงประชามติ ที่จะให้พีซทีวีไม่สามารถนำเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามเวลาที่เหลือ 5 วัน นับจากวันนี้ ทางพีซทีวีจะมีการสื่อสารกับประชาชนอย่างเต็มที่ และเมื่อต้องจอดำก็จะใช้ช่องทางของโซเชียลมีเดียทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นยูทูบ หรือ เฟซบุ๊กไลฟ์ ในการสื่อสารโดยพนักงานของพีซทีวี ก็จะยังคงทำงานเหมือนเดิม และหนักขึ้น

ทั้งนี้ ศาลปกครองกลางนัดไต่สวนฉุกเฉิน กรณีดังกล่าว โดยนัดคู่ความทั้งสองให้ไปให้ถ้อยคำต่อศาล เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณาคำร้องขอให้ไต่สวนการละเมิดคำสั่งให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งศาล ในวันพรุ่งนี้ (6 ก.ค.) เวลา 13.30 น.

 

ประยุทธ์ยัน กสทช.ปิดพีซทีวีตามกฎหมาย

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการระงับออกอากาศของสถานีโทรทัศน์พีซทีวีว่า เป็นการดำเนินการตามหน้าที่ของ กสทช. ที่มีกฎหมายรองรับการดำเนินการ ไม่ห่วงว่าจะทำให้เกิดความขัดแย้งบานปลาย เพราะทุกอย่างทำตามกฎหมาย

ต่อคำถามว่า กรณีปิดพีซทีวีและการควบคุมตัวนักศึกษาจะทำให้เหตุการณ์กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องเข้าใจว่าที่ผ่านมาเคยพูดคุยและสัญญากันแล้วว่าจะไม่เคลื่อนไหว และล่าสุดแม้ให้ประกันตัว แต่ก็ยังไม่ดำเนินการใดๆ เมื่อเป็นเช่นนี้จะให้รัฐบาลดำเนินการอย่างไรต่อไป

“รัฐบาลต้องการสร้างความปรองดอง แต่ที่ผ่านมาเคยเปิดเวทีให้ทุกฝ่ายร่วมพูดคุย แต่กลับไม่ได้รับความร่วมมือ ยืนยันรัฐบาลต้องการให้เกิดความปรองดองและต้องหาแนวทางสร้างความปรองดองต่อไป การแก้ปัญหาคือทุกฝ่ายต้องยอมรับในกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

นปช. เชื่อคนแห่ดูมากขึ้นก่อนจอดำ พร้อมใช้โซเชียลมีเดียสื่อสารประเด็นประชามติ

ขณะที่ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวในรายการพิเศษช่วง 5 วันก่อนสถานีพีซทีวีจอดำชั่วคราวว่า คำสั่งของ กสท.มีความชัดเจนว่า สถานีพีซทีวีไม่ได้มีข้อหาความผิด แต่การสั่งจอดำนั้นเกี่ยวพันกับการทำประชามติ โดยตามคำสั่ง กสท. ปิดพีซทีวี 30 วัน และจะเปิดในวันที่ 10 ส.ค. ซึ่งเลยวันประชามติ 3 วันแล้ว

จตุพร กล่าวว่า รูปแบบการนำเสนอของพีซทีวีคงปรับเปลี่ยนไป โดยเสนอเป็นคลิปสั้นๆ เพื่อเผยแพร่ทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค เพื่อเน้นความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงเนื้อหาได้ง่ายในช่วง 30 วันที่จอดำ โดยจัดรายการผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์และยูทูบ

สำหรับคำสั่ง กสท.ให้จอดำชั่วคราวนั้น จตุพรกล่าวว่า เชื่อว่า คสช. คงได้ตรวจสอบความนิยมของประชาชนด้วย จึงทำให้คำสั่งถูกเปลี่ยนจาก “เพิกถอน” มาเป็น “พักใช้งานชั่วคราว” เพราะผู้รับชมความเห็นต่างในร่างรัฐธรรมนูญของทางพีซทีวีมีความนิยมค่อนข้างสูง จึงไม่กล้าปิดถาวร กลัวคนจะไปดูในโซเชียลแทน แต่ช่วง 5 วันก่อนจอดำนั้นสำคัญ คนจะมาดูมากขึ้น เพราะจะถูกปิดแล้ว สถานีและรายการต่างๆ จึงเตรียมการปรับตัวใหม่ให้เข้าสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป

จตุพร ระบุด้วยว่า เมื่อประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยส่วนใหญ่เป็นคนรากหญ้า เมื่อสถานีออกอากาศทางโทรทัศน์ไม่ได้ จำเป็นต้องยกระดับตัวเองมาชม ฟังจากมือถือ หรือดูทางทีวีผ่านการเชื่อมต่อมือถือ คอมพิวเตอร์เข้ากับสมาร์ททีวีจะทำให้เกิดการรวมกลุ่มเพื่อได้แลกเปลี่ยนสนทนาสัมผัสอารมณ์ทางการเมืองได้ยิ่งขึ้น ดังนั้น ทุกวันนี้การสื่อสารของโลกเปลี่ยนไปมาก การตัดสินใจปิดเท่ากับไปยกระดับประชาชนในการสื่อสารทำให้เกิดพัฒนาการ แล้วทีวีปกติจะไม่มีความหมาย

ธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำ นปช. กล่าวว่า การปรับตัวรายการของตนนั้น ต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความเห็นเกี่ยวกับประชามติ เน้นด้านเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ และจะจับผิดการทำประชามติอย่างไร โดยนำกฎหมายประชามติมาอธิบายในด้านว่า เจ้าหน้าที่ทำอะไรไม่ได้บ้าง เพราะ คสช.ได้ตั้งศูนย์จับผิดประชาชนขึ้นมา ประชาชนจึงมีสิทธิจะจับผิดเจ้าหน้าที่รัฐได้เช่นกัน รวมความแล้ว การสื่อสารของพีซทีวีในสถานการณ์เฉพาะหน้านี้ ต้องสั้นกระชับเข้ากับวัฒนธรรมผู้ชมสื่อโซเชียล และช่วง 5 วัน คือ การเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีสื่อสารสมัยใหม่

 

ที่มา: สำนักข่าวไทย (1, 2), เฟซบุ๊กจตุพร พรหมพันธุ์, ธิดา ถาวรเศรษฐ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net