Skip to main content
sharethis

สู้คดีกว่า 12 ปี ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องคดีแพ่ง บ.เบ็ตเตอร์เวิลด์กรีน ฟ้องชาวบ้านรวม 3 คน  เหตุร่วมกันปิดถนนขัดขวางรถบรรทุกขยะกว่า 5เดือน ทำให้สูญเสียประโยชน์ชื่อเสียง เรียกค่าเสียหาย 395 ล้านบาท

1 ส.ค. 2559 กองบรรณาธิการมูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) รายงานว่า แหล่งข่าวใน จ.สระบุรีเปิดเผยว่า เมื่อ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา  ศาลจังหวัดสระบุรีได้แถลงคำพิพากษาศาลฎีกา กรณีที่ บ.เบ็ตเตอร์เวิลด์กรีน จำกัด ได้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลย 3 คนได้แก่ ประวิทย์ บุญทัพ, สายรุ้ง วันดาคุณ, ธนพล บัวดี เมื่อวันที่ 20 ก.พ.2547 โดยคำฟ้องว่า จำเลยทั้ง 3 กับพวกได้ร่วมกันปิดถนนขัดขวางรถบรรทุกขยะของทางบริษัท เป็นเวลากว่า 5 เดือน  เป็นเหตุให้บริษัทสูญเสียประโยชน์ ชื่อเสียง และความน่าเชื่อถือ จึงฟ้องเรียกค่าเสียหาย เป็นเงินทั้งสิ้น 395 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา 7.5% ต่อปี โดยศาลฎีกาได้พิพากษาให้ยกฟ้อง จำเลยทั้ง 3 คน

เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ กล่าวว่า ในส่วนของกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นมีข้อพิพาทกันตั้งแต่ ปี พ.ศ.2541 ที่ บ.เบ็ตเตอร์เวิลด์กรีน ก่อตั้งในพื้นที่ ซึ่งกรณีความขัดแย้งที่เป็นปัญหาหลักคือน้ำชะขยะและกลิ่นเหม็นของขยะที่กระทบกับชาวบ้านในพื้นที่ โดยเฉพาะแหล่งน้ำที่ใช้อุปโภคบริโภคและนาข้าวโดยบริเวณรอบก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ทำให้ชาวบ้านร้องเรียนไปหน่วยงานระดับอำเภอ จังหวัด และกรมโรงงานที่รับผิดชอบโดยพยายามให้บริษัทแก้ปัญหาให้ถูกต้อง แต่ก็ใช้เวลายาวนานและเป็นผลกระทบต่อเนื่องแม้ปัจจุบันก็ยังมีอยู่

เพ็ญโฉม กล่าวต่อว่า เมื่อผลกระทบชาวนานและไม่มีการแก้ไขในปี พ.ศ.2546 ชาวบ้านเริ่มรวมตัวเนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นสร้างผลกระทบให้กับชาวบ้านเพราะการแก้ไขปัญหามีความล้าช้าการฟ้องคดีจึงเกิดขึ้น ในกรณีที่บริษัทฟ้องต่อชาวบ้านเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 395 ล้านบาท ส่งผลกระทบต่อจิตใจ แต่การตัดสินของศาลฎีกาในวันนี้ทำให้ชาวบ้านหลุดพ้นการจ่ายค่าเสียหายและรู้สึกความเป็นธรรมในระดับหนึ่ง แต่ในเรื่องคดีความระหว่างบริษัทนั้นยังมีส่วนที่ชาวบ้านฟ้องบริษัทด้วย โดยมีชาวบ้านประมาณ125ราย ที่เป็นโจทก์ฟ้องศาลแพ่งเรียกค่าเสียหายจาก บ.เบตเตอร์เวิลด์กรีน จำกัด ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนไต่สวน ซึ่งอาจใช้เวลาไปอีกหลายเดือน

ความเป็นมาของคดีดังกล่าว ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2546  เมื่อประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ใกล้เคียงบ่อขยะของ บ. เบตเตอร์เวิลด์กรีน จำกัด ซึ่งประกอบกิจการบำบัดและฝังกลบกากอุตสาหกรรมทั้งที่เป็นอันตรายและไม่อันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนใน 3 ตำบล ที่อยู่รอบบ่อขยะ ได้แก่  ต.หนองปลาไหล ต.กุดนกเปล้า อ.เมือง และต.ห้วยแห้ง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ได้ร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจากการประกอบกิจการดังกล่าวของบริษัท และเรียกร้องให้มีการตรวจสอบเพื่อแก้ไขปัญหา

ต่อมา ในช่วงเดือน ก.ย. 2546  ได้เกิดภาวะฝนตกหนัก ทำประชาชนที่อาศัยอยู่รอบๆ บ่อขยะได้รับความเดือดร้อนรุนแรงมากยิ่งขึ้น ทั้งกลิ่นและน้ำเสียที่ปนมากับฝน ขณะเดียวกันก็พบว่าทางบริษัทฯ ไม่ทำตามข้อตกลงที่ทำไว้ร่วมกับตัวแทนประชาชนและทางหน่วยงานราชการ ว่าจะชะลอการนำกากขยะไปฝังกลบ จนกว่าจะมีผลการตรวจสอบว่าไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม  ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนจำนวนมาก จนนำไปสู่การชุมนุมเรียกร้องอย่างต่อเนื่อง ให้อุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี มีคำสั่งปิดโรงงานชั่วคราว เพื่อยุติความเดือดร้อนของประชาชน โดยเริ่มต้นการชุมนุมดังกล่าวเมื่อวันที่ 30 ก.ย.2546 ผลจากการชุมนุม ทำให้รถบรรทุกของบริษัทไม่สามารถลำเลียงขยะเข้าไปในพื้นที่บริษัทได้ จึงนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดีทั้งแพ่งและอาญาดังกล่าว
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net