10 ปีที่ผ่านประชาชนผู้มีอันจะกิน มีหน้ามีตา มีเกียรติในสังคมปฏิบัติการในนามของคนนี้ โดยออกมาเรียกร้องไม่ต้องการรัฐบาลที่ทุจริตคอรัปชั่น ไม่เอากฎหมายนิรโทษกรรม “ที่สำคัญต้องการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” การกระทำในนามของคนดีผู้ห่วงใยบ้านเมือง เป็นภารกิจสำคัญที่ดูเสมือนว่าสังคมไทยมอบไว้สำหรับคนเมือง ผู้มีการศึกษา มีฐานะทางเศรษฐกิจในระดับพอมีอันจะกิน ถูกคาดหวังว่า เขาและเธอเหล่านี้จะต้องคอยปกป้องพิทักษ์รักษาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยคนชนบทผู้ขายเสียง การต่อสู้ยืดเยื้อของคนดีจบลงด้วยการเชิญให้กองทัพออกมาจัดการกับปัญหา ด้วยการรัฐประหารและประกาศ “ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง”

แต่การดำเนินการของกองทัพในนาม คสช. ในพิสูจน์ให้เห็นว่า นอกจากจะไม่สามารถปฏิรูป สร้างความปรองดองสมานฉันท์ได้แล้ว ยังสร้างภาวะความไม่เชื่อมั่น ไม่ไว้วางใจทั้งจากประชาชนในชาติ และต่างชาติที่จับตามอง ในเรื่องความโปร่งใส ความบริสุทธิ์ยุติธรรม การล่วงละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพ และใช้ความรุนแรงผ่านมาตรา 44 ประกาศ คำสั่ง ของ คสช. ภารกิจที่มุ่งหวังจะให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งดูเหมือนว่าจะเลวร้ายลง และมีแนวโน้มจะสร้างความแตกแยกรุนแรงให้กับสังคมไทยมากยิ่งขึ้น “เดือดร้อนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า”

การปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เพราะจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการปฏิรูปใดๆ เกิดขึ้น แต่ได้เกิดอำนาจใหม่ที่ไม่สามารถตรวจสอบควบคุมได้ เกิดเป็นนักการเมืองประเภทใหม่ที่ไม่ต้องผ่านการเลือกตั้งหรือยึดโยงอยู่กับประชาชน ทั้งมีท่าทีแสดงให้เห็นชัดเจนว่าไม่มีความเชื่อมั่นศรัทธาต่อประชาชน หลังจากนี้นักการเมืองที่ไม่สามารถตรวจสอบได้เหล่านี้จะยังคงอยู่ต่อไปอีกยาวนานหลังการเลือกตั้ง นัยว่าจะอยู่ต่อไปถึง 20 ปี ในขณะที่ดัชนีชี้วัดความก้าวหน้าของชาติตกต่ำลงแทบทุกด้าน

คนดีจึงควรยอมรับว่า สิ่งที่ตนเองได้กระทำ เรียกร้องให้กองทัพออกมาเป็นผู้แก้ไขปัญหา เป็นความผิดพลาด ที่แลกมาด้วยการล่วงละเมิดสิทธิของพี่น้องประชาชน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งประเทศ เพราะนอกจากจะไปขัดขวางการเลือกตั้งแล้ว ยังเรียกร้องให้องค์กร สถาบันภาครัฐ คว่ำบาตรรัฐบาล และไม่ยอมรับให้มีการเลือกตั้ง ทั้งสถาบัน หน่วยงานองค์กรของรัฐยังมีท่าทีเป็นปฏิปักษ์กับประชาชน จนกล่าวได้ว่าไม่เคยมียุคใดสมัยใดที่สถาบันหลักๆ ในสังคมไทยจะตกต่ำและหมดความเชื่อถือศรัทธา ได้มากเท่ากับยุคสมัยนี้อีกแล้ว ยังไม่นับการปราบปรามประชาชนจนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก อีกทั้งยังทำลายหลักการในรัฐธรรมนูญที่รองรับสิทธิเสรีภาพ สวัสดิการภาคประชาชน สั่นคลอนหลักการประชาธิปไตย โดยอ้างว่าเป็นฉบับปราบโกง แต่สร้างให้คนปราบโกงกลายเป็นผู้มีอำนาจเหนืออำนาจใดๆ ที่ไม่อาจตรวจสอบถอดถอดได้

คนดีในสังคมไทย จึงไม่ใช่เพียงอ้างเจตนาดีทำเพื่อชาติบ้านเมือง อ้างศาสดา ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นคนดี เพื่อสร้างความชอบธรรมให้สิ่งที่ตนเองทำว่าเป็นความดี แล้วผลักประชาชนฝ่ายตรงข้ามให้เป็นคนเลว เป็นคนขายเสียงผู้เขลาซื่อ ไม่ควรมีสิทธิ์มีเสียงในทางการเมือง เพราะนั่นคือวิธีที่เลวเพื่อเป้าหมายของความดี โดยใช้มนุษย์เป็นเครื่องมือในการทำความดี แล้วถือสิทธิประโยชน์จากการได้เป็นคนดีขึ้นมาจัดการมอบอำนาจให้รัฐบาลทหารมีสิทธิ์เด็ดขาดในการจัดการความเป็นไปของประเทศ

เมื่อกระทำการสำเร็จคนดีเหล่านี้กลับถอยออกไปไม่สนใจ ไม่มีส่วนร่วม ไม่เรียกร้อง นิ่งเฉย ทิ้ง ผลักภาระไว้ให้คนส่วนใหญ่ของประเทศได้รับความเดือดร้อนจากการบริหารประเทศในนามของคนดี จนถึงวันนี้วันที่กำลังจะมีการลงเสียงประชามติ คนดีเหล่านี้ ก็ยังคงภาคภูมิใจในคุณความดีของตัวเอง ที่สร้างความทุกข์ยากให้กับผู้อื่น ยังคงประจบประแจงต่ออำนาจเพื่อเก็บเกี่ยวผลตอบแทนแห่งการทำดี โดยไม่รับผิดชอบต่อการกระทำที่ผ่านมาของตนเอง

การประจบประแจงต่ออำนาจ เดินตามหมา (ของ) ผู้ใหญ่ก็จะไม่ถูกหมากัด กล่าวอ้างการทำความดีในนามชาติกดเหยียดผู้อื่นให้กลายเป็นผู้ไม่รักชาติ กลายเป็นวิธีการง่ายๆ ที่จะชุบตัวให้กลายเป็นคนดี เมื่อผลการกระทำความดีล้มเหลว ก็ทำตัวเป็น “เห็บสยาม” เกาะไปจนกว่าจะมีหมาตัวใหม่ขึ้นมาเดินนำให้เกาะต่อ โดยไม่แสดงความรับผิดชอบ นี่เป็นนิยามคนดีของไทยที่กำลังเป็นอยู่ในเวลานี้

วันนี้จึงขอเรียกร้องต่อคนดี ได้ออกมายอมรับความผิดพลาด และร่วมกันกำหนดอนาคตของชาติในนามประชาชนไทยร่วมกัน

7 สิงหาคม 2559 คนดีควรจะออกมาแสดงความรับผิดชอบ ผลพวงการกระทำของตนเองที่ทำให้เกิดรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จึงจะสมควรเรียกตนเองว่าเป็นคนดี