7 ส.ค. 2559 บุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง รักษาการณ์เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สามารถเปิดหน่วยออกเสียงได้ครบ 94,463 หน่วยทั่วประเทศ โดยไม่มีเหตุผิดปกติ นอกจากนี้ได้รับรายงานว่าพบการฉีกบัตร 1 แห่ง ณ หน่วยลงคะแนนที่ 101 โรงเรียนศรีเอี่ยมอนุสรณ์ แขวงบางนา เขตบางนา เป็นผู้หญิงอายุ 54 ปี
อย่างไรก็ตาม ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวไปสอบสวนถึงสาเหตุการกระทำดังกล่าว ซึ่งการฉีกบัตรถือว่าเป็นความผิดตามมาตรา 59 พ.ร.บ.ว่าด้วยการอกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 โดยมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาท ผู้ใดกระทำการฉีกบัตรหากเป็นเจ้าพนักงาน หรือผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับการออกเสียง มีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท ทั้งนี้ หากพนักงานสอบสวนพบวาไม่มีเจตนาในการฉีกบัตร ก็อาจมีคำสั่งไม่ฟ้อง
ขณะที่หน่วยเลือกตั้งที่ 48 ซอยประชาอุทิศ 72 แขวง-เขตทุ่งครุ กทม. พิพัฒน์ แพสุวรรณรักษ์ อายุ 69 ปีอยู่บ้านเลขที่ 81/16 ซอยประชาอุทิศ 72 แขวง-เขตทุ่งครุ เดินทางมาลงประชามติ ทันทีที่ได้รับบัตรออกเสียงได้เดินเข้าคูหาพร้อมขีดเครื่องหมายในช่องที่กำหนดไว้ จากนั้นได้ฉีกบัตรเป็นสองส่วนและเดินออกมาจากคูหาเพื่อหย่อนบัตร
เมื่อเจ้าหน้าที่พบเห็นได้แจ้งว่า ไม่สามารถฉีกบัตรได้จึงควบคุมตัวส่งมอบ พ.จ.อ.สามารถ สง่างาม ประธานคณะกรรมการเลือกตั้งหน่วยเลือกตั้งที่ 47 และนางพิทยาภรณ์ พิทยากุล ผอ.หน่วยเลือกตั้งดังกล่าว สอบสวนทราบว่า เหตุที่ทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์และเข้าใจผิดเห็นว่า มีการแบ่งเป็นสองส่วนจึงฉีกแบ่งครึ่ง จึงไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ พ.ศ.2559
ต่อมา ด.ต.บันเทิง วรรณทอง เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำหน่วยเลือกตั้งที่ 47 ได้ประสานชุดเคลื่อนที่เร็ว สน.ทุ่งครุ นำตัวมาสอบสวนขยายผลโดย พ.ต.ท.สุวัฒน์ องคอง รอง ผกก.สอบสวน สน.ทุ่งครุ กล่าวว่า ได้รับตัว พิพฒน์ไว้สอบสวนเบื้องต้นแล้ว และได้ประสานชุดสืบสวนตรวจสอบข้อมูลทะเบียนราษฎร์ เพื่อหาพยานหลักฐานและได้ลงประจะวันไว้เป็นหลักฐาน ตามข้อ 1 เวลา 08.45 น.หากบพว่ามีพยานอื่นที่จะเชื่อมโยงอันอาจเข้าข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติฯหรือกฎหมายอื่นๆจะดำเนินคดีต่อไป
