คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ของสหรัฐฯ ตัดสินให้นักศึกษาที่ทำงานเป็นผู้ช่วยสอนและผู้ช่วยวิจัยในมหาวิทยาลัยเอกชนทั่วสหรัฐฯ มีสิทธิในการตั้งสหภาพแรงงานได้ หลังจากที่กลุ่มบัณฑิตวิทยาลัยโคลัมเบียร่วมกับเรียกร้องกับสหพันธ์แรงงาน จากที่ก่อนหน้านี้มีข้ออ้างว่านักศึกษาผู้ช่วยอยู่ในสถานะผู้ศึกษาเท่านั้นไม่ใช่แรงงาน การเปลี่ยนแปลงนี้จึงทำให้ผู้ช่วยในมหาวิทยาลัยสามารถต่อสู้เรียกร้องได้ง่ายขึ้น

29 ส.ค. 2559 เว็บไซต์ Waging Nonviolence รายงานถึงเรื่องที่คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ของสหรัฐฯ ตัดสินให้นักศึกษาที่ทำงานเป็นผู้ช่วยสอนและผู้ช่วยวิจัยในมหาวิทยาลัยเอกชนทั่วสหรัฐฯ มีสิทธิในการตั้งสหภาพแรงงานได้ คำตัดสินในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่กลุ่มบัณฑิตวิทยาลัยโคลัมเบียและสหพันธ์แรงงานยานยนต์แห่งสหรัฐฯ (UAW) อุทธรณ์ให้คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ของสหรัฐฯ พิจารณาคำตัดสินก่อนหน้านี้ในปี 2547 ใหม่อีกครั้ง

ก่อนหน้านี้คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ของสหรัฐฯ ตัดสินว่านักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่เป็นผู้ช่วยสอนของมหาวิทยาลัยบราวน์ไม่จัดเป็นลูกจ้างโดยอ้างว่าพวกเขาเป็นนักศึกษาที่ควรจะเน้นความสัมพันธ์ต่อมหาวิทยาลัยในด้านการศึกษามาก่อนไม่ใช่เน้นเรื่องความสัมพันธ์ในแง่เศรษฐกิจ แต่หลังจากเมื่อวันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมาคำตัดสินของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ของสหรัฐฯ ก็มองว่านักศึกษาที่ทำงานผู้ช่วยก็นับเป็นแรงงานด้วย การตัดสินในครั้งนี้ยังเป็นการกลับคำตัดสินในปี 2517 ที่ระบุว่าผู้ช่วยวิจัยมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดไม่มีสิทธิจัดตั้งสหภาพแรงงาน

อย่างไรก็ตาม การตัดสินนี้ก็มีผู้ต่อต้านหลายกลุ่ม หนึ่งในนั้นคือมหาวิทยาลัยโคลัมเบียเอง โดยทางมหาวิทยาลัยระบุในทำนองเดียวกับคำตัดสินเมื่อปี 2547 ว่านักศึกษามีความสัมพันธ์กับคณะและภาควิชาในฐานะส่วนหนึ่งของการศึกษาซึ่งไม่เหมือนกับความสัมพันธ์แบบลูกจ้าง-นายจ้าง มีส่วนหนึ่งโต้แย้งโดยอ้างว่าการให้จัดตั้งสหภาพนักศึกษาบัณฑิตศึกษาอาจจะเป็นการแทรกแซงเสรีภาพทางวิชาการได้

ขณะที่ฝ่ายจัดตั้งของนักศึกษากล่าวถึงข้อถกเถียงดังกล่าวว่า พวกเขาให้บริการที่มีความสำคัญต่อสถาบันการศึกษามาเป็นเวลาหลายปีพวกเขาจึงควรได้รับการยอมรับว่าเป็นแรงงาน พอล แคทซ์ นักศึกษาปริญญาเอกชั้นปีที่ 4 ของมหาวิทยาลัยโคลัมเบียให้สัมภาษณ์กับวารสารหัวก้าวหน้ามาเธอร์โจนส์ว่า บทบาทความเป็นนักศึกษาและบทบาทความเป็นแรงงานของพวกเขาแยกจากกันชัดเจน เช่นเมื่อเขากำลังทำการวิจัยเขาถือว่าตัวเองเป็นนักเรียนแต่เมื่อเขายืนอยู่หน้าชั้นเรียนเพื่อสอนนักศึกษา 15 คน เขาถือว่าตัวเองเป็นแรงงานที่ช่วยทำงานให้กับมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย

ตั้งแต่ก่อนหน้านี้นานมาแล้วหลายมหาวิทยาลัยต่างก็พยายามหาทางจัดตั้งสหภาพนักศึกษา นักศึกษามหาวิทยาลัยนิวยอร์กเคยลงมติเพื่อขอร่วมกับสหพันธ์แรงงานยานยนต์แห่งสหรัฐฯ มาก่อนในปี 2543 และจัดตั้งสหภาพนักศึกษาบัณฑิตศึกษาได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อปี 2545 สหภาพของพวกเขาจัดตั้งขึ้นเพื่อเจรจาต่อรองข้อตกลงกับสถาบันเอกชน แต่หลังจากคำตัดสินของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ในปี 2547 ทำให้มหาวิทยาลัยยกเลิกการยอมรับการมีอยู่ของสหภาพนักศึกษาบัณฑิตศึกษา แต่หลังจากการต่อสู้อีกหลายปีถัดมาพวกเขาก็สามารถกลับมาจัดตั้งสหภาพได้ใหม่ในที่สุดเมื่อปี 2558

การตัดสินล่าสุดของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ของสหรัฐฯ จะเปิดทางให้นักศึกษาผู้ช่วยจัดตั้งสหภาพของตนได้เพิ่มขึ้นอีกมากโดยมีอุปสรรคน้อยลง สหภาพแรงงานภาคบริการนานาชาติ (SEIU) รายงานว่า นักศึกษาผู้ช่วยจากอีกหลายมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ มีแผนการเข้าร่วมสหภาพฯ นอกจากนี้ชัยชนะของนักศึกษาบัณฑิตศึกษาในครั้งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวในระดับใหญ่กว่านี้ในการที่จะช่วยเสริมพลังให้กับพนักงานและคณาจารย์ ในสาขาการศึกษาระดับสูง ทาง SEIU ยังได้ร่วมกับคณาจารย์มากกว่า 120,000 คน จากมหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐฯ สนับสนุนการรวมตัวและเข้าร่วมต่อสู้การประชุมระดับชาติเพื่อเรียกร้องค่าแรงขั้นต่ำ 15 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงที่ริชมอนด์เมื่อช่วงกลางเดือน ส.ค.

UAW ยังเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยในการตั้งสหภาพแก่นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาและช่วยเหลือในกรณีของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย จูลี คุชเนอร์ ผู้อำนวยการภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของ UAW กล่าวว่า คนทำงานในมหาวิทยาลัยเอกชนหลายหมื่นคนทั่วสหรัฐฯ จะได้รับประโยชน์จากการตั้งสหภาพฯ

คำตัดสินล่าสุดของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ของสหรัฐฯ ระบุถึงแค่กรณีของมหาวิทยาลัยเอกชนเท่านั้น โดยที่สหรัฐฯ มีนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาราว 1 ล้านคนที่อยู่ในมหาวิทยาลัยของรัฐ อย่างไรก็ตามมีนักศึกษาผู้ช่วยจากมหาวิทยาลัยรัฐจำนวนเล็กน้อยที่เป็นส่วนหนึ่งของสหภาพด้วย

เรียบเรียงจาก

In historic victory, grad students at private universities win right to unionize, Waging Nonviolence, 24-08-2016
http://wagingnonviolence.org/2016/08/historic-victory-grad-students-private-universities-win-right-unionize/