Skip to main content
sharethis

ไทย-มาเลเซียหารือประจำปีครั้งที่ 6 เรื่องความมั่นคง ต้านก่อการร้าย นรม.มาเลเซีย 'นาจิบ ราซัค' แสดงความยินดีกระบวนการพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ ขณะที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะเร่งเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน สะพานข้ามแม่น้ำโกลก 2 แห่ง สุไหงโกลก และตากใบ เปิดด่านศุลกากร บ.ประกอบ-ดุเรียนบุหรง เขตเศรษฐกิจพิเศษสะเดา-นราธิวาส เชื่อมชูปิงวาเล่ย์ รัฐปะลิส รถไฟทางคู่หาดใหญ่-ปาดัง เบซาร์-อิโปห์ และแผนสร้างรถไฟความเร็วสูงกัวลาลัมเปอร์-กรุงเทพฯ

 

งานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียและภริยาในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ณ ตึกสันติไมตรี 9 กันยายน 2559 (ที่มา: เว็บไซต์รัฐบาลไทย)

นายกรัฐมนตรีไทย และมาเลเซียเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงและแถลงข่าวร่วม ณ ตึกสันติไมตรี 9 กันยายน 2559 (ที่มา: เว็บไซต์รัฐบาลไทย)

9 ก.ย. 2559 ในเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยการประชุมประจำปีครั้งที่ 6 ระหว่าง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับ นาจิบ ราชัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2559 ที่กรุงเทพฯ โดยการประชุมประจำปีครั้งที่ ๖ จัดขึ้นควบคู่กันกับการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีมาเลเซียระหว่างวันที่ 9-10 กันยายน 2559 โดยมีรายละเอียดดังนี้

นายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศแสดงความพึงพอใจกับความเป็นมิตรประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดระหว่างไทยกับมาเลเซีย และความร่วมมือที่มีพลวัตระหว่างสองประเทศ นายกรัฐมนตรีทั้งสองเห็นพ้องกันว่าสถานะความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมาเลเซียในปัจจุบันถือเป็นช่วงที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งระหว่างสองประเทศ ในโอกาสที่ไทยและมาเลเซียจะครบรอบ 60 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2560 ทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันเจตนารมณ์ที่จะขยายความสัมพันธ์ในเชิงลึกและเชิงกว้างในสาขาที่มีผลประโยชน์ร่วมกันเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งทางความเป็นหุ้นส่วนทางความสัมพันธ์และประชาคมอาเซียน

"ผู้นำทั้งสองเห็นว่าการประชุมประจำปีเป็นการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมาเลเซียเพื่อให้มีการทบทวนและหารือความสัมพันธ์ในรอบด้านเพื่อยกระดับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างสองประเทศ การประชุมประจำปีครั้งที่ 6 ได้หารือถึงความร่วมมือด้านความมั่นคงซึ่งรวมถึงการต่อต้านการก่อการร้าย แนวคิดสุดโต่งและอาชญากรรมข้ามชาติ รวมทั้งความร่วมมือในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) การส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างไทยกับมาเลเซียและภูมิภาค รวมถึงความเชื่อมโยงระหว่างประชาชน โครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่ากลไกทวิภาคีได้แก่ คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (JC) การประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ร่วมว่าด้วยการพัฒนาพื้นที่ชายแดน (JDS) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) และคณะกรรมการร่วมด้านการค้า (JTC) ระหว่างไทยกับมาเลเซียต่างเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ให้มีความก้าวหน้า"

ผู้นำทั้งสองยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความเป็นประชาคมอาเซียน และส่งเสริมและรักษาความเป็นศูนย์กลางและเอกภาพของอาเซียน ทั้งสองฝ่ายย้ำถึงความจำเป็นในการดำเนินตามวิสัยทัศน์อาเซียน 2025 และยินดีกับความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนประชาคมทางการเมืองและความมั่นคงอาเซียน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมทางสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนปี ค.ศ. 2025 เพื่อนำไปสู่การบรรลุวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2025

ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่าการเป็นประชาคมอาเซียนนำมาซึ่งโอกาสและความท้าทายทางความมั่นคงสำหรับภูมิภาค ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะกระชับความร่วมมือด้านการบริหารจัดการชายแดน และความร่วมมือด้านการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ การลักลอบค้ามนุษย์ ความมั่นคงทางไซเบอร์ การก่อการร้ายระหว่างประเทศและแนวคิดสุดโต่ง โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการข่าว การสนับสนุนแนวคิดสายกลาง และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่เป็นเลิศด้านการเยียวยาผู้ที่หลงผิดจากการก่อการร้าย ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเล รวมถึงการตระเวนในช่องแคบมะละกา

นายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) โดยยินดีกับความต่อเนื่องในการการดำเนินกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขใน จชต. ระหว่างรัฐบาลไทยกับกลุ่มที่เห็นต่างจากรัฐ โดยมีมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวกเพื่อนำไปสู่การสร้างสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนใน จชต. ฝ่ายไทยได้ขอบคุณฝ่ายมาเลเซียในการมีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ด้านการอำนวยความสะดวกในกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขใน จชต. และยืนยันเจตนารมณ์ที่จะแก้ไขสถานการณ์ใน จชต. โดยสันติวิธีและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน

ผู้นำทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่ากระบวนการพูดคุยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและความเชื่อมั่นระหว่างฝ่ายพูดคุยที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของการขับเคลื่อนให้กระบวนการพูดคุยมีความคืบหน้า ในการนี้ ทั้งสองฝ่ายยินดีกับการดำเนินการพูดคุยระหว่างฝ่ายพูดคุยที่เกี่ยวข้องทั้งสองเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2559 เพื่อเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและความเชื่อมั่นระหว่างกัน

ผู้นำของทั้งสองประเทศร่วมกันประณามอย่างรุนแรงต่อการปฏิบัติการเพื่อก่อความไม่สงบโดยบุคคลและกลุ่มที่ไม่หวังดีต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ใน จชต. และเรียกร้องให้ยุติการกระทำรุนแรงที่ไม่เลือกปฏิบัติต่อประชาชนในพื้นที่เพื่อนำไปสู่การเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและความเชื่อมั่นในกระบวนการพูดคุย ผู้นำทั้งสองเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายดำเนินความร่วมมือระหว่างกันต่อไปในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันทางอาญา รวมถึงพัฒนาขีดความสามารถและมาตรการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจภายใต้แนวทาง 3Es ได้แก่ การศึกษา การจ้างงานและการประกอบการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนอบสถานการณ์ความมั่นคงในพื้นที่

นายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายยินดีกับการจัดการประชุมคณะกรรมการจัดทำหลักเขตแดนร่วมระหว่างไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 24 ที่เมืองมะละกา มาเลเซีย ระหว่างวันที่ 24-26 สิงหาคม 2559 จากที่ว่างเว้นเป็นระยะเวลา 10 ปี และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือในประเด็นที่คั่งค้าง รวมถึงการหาข้อสรุปบันทึกความเข้าใจ แนวทางและความตกลงในบรรยากาศของความร่วมมือและเร่งรัดหาข้อสรุปในเรื่องดังกล่าวโดยเร็ว

นายกรัฐมนตรีทั้งสองยินดีกับมูลค่าการค้าและการลงทุนที่เพิ่มขึ้นระหว่างไทยกับมาเลเซียในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงมูลค่าการค้าชายแดนที่มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าโดยรวม ทั้งสองฝ่ายยินดีกับการจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านการค้าครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2558 ที่กรุงเทพฯ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองประเทศในการขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกัน ผู้นำทั้งสองมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือแนวทางเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการค้าให้ได้มูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2560 โดยมาเลเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านการค้าครั้งที่ 3 ในช่วงที่ทั้งสองฝ่ายสะดวก

ผู้นำทั้งสองยืนยันเจตนารมณ์ในการส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ ความเชื่อมโยงทางกายภาพและระหว่างประชาชนรวมถึงการท่องเที่ยวในพื้นที่ชายแดนระหว่างไทยกับมาเลเซีย โดยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการอำนวยความสะดวกด้านคมนาคม และเห็นพ้องว่าการเชื่อมโยงดังกล่าวจะช่วยนำไปสู่การส่งเสริมการกินดีอยู่ดีของประชาชนในพื้นที่และความเชื่อมโยงในอาเซียนโดยรวม

ผู้นำทั้งสองยินดีกับความคืบหน้าของโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงในพื้นที่ชายแดนและขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายดำเนินโครงการตามระยะเวลาที่กำหนด นายกรัฐมนตรีทั้งสองตระหนักถึงความสำคัญของด่านศุลกากรสะเดา-บูกิตกายูฮิตัมในการเป็นประตูทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และคมนาคมระหว่างไทยและมาเลเซียที่คับคั่งและมีขนาดใหญ่ที่สุด และสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันดำเนินการขยายด่านดังกล่าวให้เสร็จสิ้นภายในปี 2561 ทั้งสองฝ่ายขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปรึกษาหารือและการประสานงานเพื่อเชื่อมโยงการขยายด่านของทั้งสองประเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอำนวยความสะดวกการคมนาคมของสินค้าและผู้โดยสารข้ามแดน

ทั้งสองฝ่ายรับทราบความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโกลกสองแห่งเชื่อมโยงจังหวัดนราธิวาสกับรัฐกลันตันที่สุไหงโก-ลก-รันเตาปันยัง และตากใบ-เปิงกาลันกุโบร์ โดยเห็นว่าสะพานทั้งสองแห่งจะช่วยส่งเสริมความเชื่อมโยงและการปฏิสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของมาเลเซียและไทย และเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพระหว่างทั้งสองประเทศ ผู้นำทั้งสองขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาข้อสรุปในการปรึกษาหารือและการดำเนินการตามกระบวนการภายในเพื่อให้ทันการจัดพิธีวางศิลาฤกษ์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ตามที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันในการประชุมคณะทำงานของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ร่วมว่าด้วยการพัฒนาพื้นที่ชายแดน ครั้งที่ 11 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อเดือนสิงหาคม 2559 นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีทั้งสองยังเห็นชอบที่จะร่วมกันเป็นประธานพิธีเปิดด่านศุลกากรบ้านประกอบ-ดุเรียนบุหรงในช่วงวันที่ทั้งสองฝ่ายสะดวกในปีหน้า

นายกรัฐมนตรีทั้งสองขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการบูรณาการเขตเศรษฐกิจพิเศษระหว่างไทยกับมาเลเซียที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลาและจังหวัดนราธิวาสกับชูปิง วาเล่ย์ (Chuping Valley) รัฐปะลิส เพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนในพื้นที่ชายแดน

เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงทางกายภาพระหว่างไทยกับมาเลเซีย และภูมิภาคโดยรวม ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะศึกษาแนวทางความเป็นไปได้ในการส่งเสริมความเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างสองประเทศ โดยเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟฟ้ารางคู่ในเส้นทางหาดใหญ่-ปาดัง เบซาร์ และปาดัง เบซาร์-อิโปห์ ฝ่ายไทยรับทราบข้อเสนอในโครงการสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงระหว่างกัวลาลัมเปอร์กับกรุงเทพฯ และผู้นำทั้งสองเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่มหารือกันในเบื้องต้นเกี่ยวกับแนวทางความเป็นไปในการดำเนินโครงการเส้นทางรถไฟความเร็วสูงระหว่างกัวลาลัมเปอร์กับกรุงเทพฯ ดังกล่าว  

นายกรัฐมนตรีทั้งสองเห็นพ้องกันว่าการอำนวยความสะดวกด้านการสัญจรทางสินค้าและผู้โดยสารทางถนนและรถไฟจะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นจากปริมาณทางการค้าที่ขยายตัวระหว่างไทยกับมาเลเซียและการส่งเสริมความเชื่อมโยงจากการเป็นประชาคมอาเซียน ผู้นำทั้งสองยินดีกับการจัดการประชุมในประเด็นที่เกี่ยวกับการขนส่งข้ามแดนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์และกันยายน 2559 ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายเพื่อหารือบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขนส่งทางสินค้าและผู้โดยสารทางถนนบนพื้นฐานของกรอบความตกลงอาเซียน และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกันอย่างต่อเนื่อง

นายกรัฐมนตรีทั้งสองยืนยันการให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อบทบาทของภาคเอกชนของไทยและมาเลเซียในการขับเคลื่อนความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ ทั้งสองฝ่ายสนับสนุนให้สภาธุรกิจมาเลเซีย-ไทย และสภาธุรกิจไทย-มาเลเซีย และสภาหอการค้ามาเลเซีย-ไทยมีบทบาทมากยิ่งขึ้นในการเสนอแนวทางยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนระหว่างมาเลเซียกับไทยและในการขยายเครือข่ายทางธุรกิจระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ

ผู้นำทั้งสองยินดีกับการลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการยางพาราที่นิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ จังหวัดสงขลาและเมืองโกตาปุตรา ระหว่างการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกับบริษัท Tradewinds Plantation Berhad บันทึกความร่วมมือดังกล่าวจะส่งเสริมความเชื่อมโยงและความร่วมมือในอุตสาหกรรมยางพาราระหว่างสองประเทศ

นายกรัฐมนตรีทั้งสองเห็นพ้องกันว่าเยาวชนเป็นอนาคตของทั้งสองประเทศ และการศึกษา เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างอนาคตให้แก่เยาวชน ฝ่ายไทยขอบคุณฝ่ายมาเลเซียสำหรับทุนการศึกษาที่มอบให้แก่เยาวชนไทยมุสลิมใน จชต.เพื่อศึกษาต่อระดับมัธยมศึกษาในมาเลเซีย และสำหรับการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีด้านหลักสูตรการเรียนการสอนทางศาสนาอิสลาม

ฝ่ายไทยยินดีกับการดำเนินมาตรการเพื่อเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและโครงการพัฒนาขีดความสามารถสำหรับกลุ่มผู้ด้อยโอกาสในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงหลักสูตรประจำปี ๒๕๕๗ และ ๒๕๕๙ สำหรับมารดาที่เลี้ยงบุตรเพียงลำพังและเยาวชนตามความร่วมมือระหว่างสถาบันเกียตมาราของมาเลเซียและศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)          

นายกรัฐมนตรีทั้งสองกล่าวชมเชยและสั่งการให้เจ้าหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายเร่งรัดการหาข้อสรุปในความตกลง/บันทึกความเข้าใจ และตราสารอื่นๆ ที่คั่งค้างให้เสร็จภายในการประชุมประจำปี ครั้งที่ 7 ได้แก่

- บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์
- บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษา
- บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร
- บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ
- บันทึกความเข้าใจว่าด้วยเรื่องที่เกี่ยวกับเขตแดนในพื้นที่ระหว่างหลักเขตแดนที่ 20A/12 และหลักเขตแดนที่ 23/104 ในพื้นที่ III (BP16-BP27) ของเขตแดนร่วมทางบกระหว่างมาเลเซียและไทย
- บันทึกความเข้าใจเรื่องการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนในพื้นที่ 8A, 8B, 8C และ8D บริเวณแม่น้ำโก-ลก
- ร่างแนวทางในการปฏิบัติสำหรับการกำหนดระยะห่างที่เหมาะสมจากแนวเส้นเขตแดนของโครงการพัฒนาฝ่ายเดียวบริเวณใกล้เขตแดนไทย-มาเลเซีย
- สนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่าง ไทย-มาเลเซีย
- สนธิสัญญาว่าด้วยการโอนนักโทษระหว่าง ไทย-มาเลเซีย

ในโอกาสที่ไทยและมาเลเซียกำลังย่างก้าวสู่ทศวรรษที่หกของความสัมพันธ์ นายกรัฐมนตรีทั้งสองยืนยันความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อนำข้อตกลงจากการประชุมประจำปี ครั้งที่ 6 ไปปฏิบัติให้มีผลเป็นรูปธรรมเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ ประชาชนและประชาคมอาเซียน รวมถึงให้การสนับสนุนซึ่งกันและกันในเวทีระหว่างประเทศ และนายกรัฐมนตรีทั้งสองเห็นชอบที่จะจัดการประชุมประจำปี ครั้งที่ 7 ที่มาเลเซีย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net