ประวิตร เผย 2 ปีจัดทหารหนุนคสช.-รบ.ทำงาน ทั่วประเทศ 188 กองร้อย 22,565 คน

เผยคดีวางระเบิดในพื้นที่ภาคใต้ในห้วง 11 - 12 ส.ค.ที่ผ่านมา จับกุมผู้ต้องหา 1 คน และออกหมายจับ 6 คน จัดการกับผู้มีอิทธิพล มาเฟีย เรียกรับผลประโยชน์ เสื้อวิน มอเตอร์ไซค์ สลากกินแบ่งรัฐบาล ยาเสพติด บ่อนการพนัน ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ มีผลการจับกุม จำนวน 615,882 คดี ผู้ต้องหารวม 503,772 คน 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  (ที่มาภาพเว็บทำเนียบรัฐบาล)

15 ก.ย. 2559  ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในการแถลงผลงานรอบ 2 ปี ของกลุ่มงานด้านความมั่นคง โดยกล่าวถึงภาพรวมของงานด้านความมั่นคง พร้อมระบุในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ฝ่ายความมั่นคงได้แก้ไขปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ในทุกมิติ และสนับสนุนการดำเนินการตาม Roadmap ของรัฐบาล และ คสช. ในการรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มงาน ได้แก่ กลุ่มที่ 1 กลุ่มงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศและอาเซียน กลุ่มที่ 2 กลุ่มงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับรัฐ กลุ่มที่ 3 กลุ่มงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง  

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึการแก้ไขสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ป้องกันการก่อเหตุร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ จัดหางานและแก้ไขปัญหาแรงงาน การจัดระเบียบสังคม เป็นต้น

โดยมรายละเอียดดังนี้

 

ภาพรวมของงานด้านความมั่นคง

พี่น้องสื่อมวลชนทุกท่าน ผมขอเรียนถึงผลงานของกลุ่มงานด้านความมั่นคงในห้วง 2 ปี ที่ผ่านมา ดังนี้ งานด้านความมั่นคง เป็นรากฐานที่สำคัญของประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีมิติที่กว้างและหลากหลาย ไม่เฉพาะเรื่องปกป้องอธิปไตยของชาติเพียงอย่างเดียว แต่อนาคตจะมีความเกี่ยวข้องกับประชาชนมากขึ้น เช่น ภัยพิบัติยาเสพติด แรงงานต่างด้าว การก่อการร้าย และอาชญากรรมข้ามชาติ เป็นต้น

มุ่งเน้นสร้างสภาพแวดล้อมที่มีความปลอดภัยแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้อยู่ดีกินดี ประกอบอาชีพได้อย่างปกติสุข ซึ่งจะทำให้บ้านเมืองมีความมั่นคงอย่างยั่งยืน พร้อมสนับสนุนการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศในมิติอื่นๆ ดูแลความมั่นคงในภาพรวมทั้งมิติในประเทศและต่างประเทศ ตั้งแต่ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศสมาชิกอาเซียนมิตรประเทศ ประเทศมหาอำนาจ และองค์การระหว่างประเทศ ตามกรอบความเร่งด่วนที่รัฐบาลกำหนด

ยึดถือกรอบนโยบาย “ประชารัฐ” โดยความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนซึ่งเป็นเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับคนไทยทุกๆ คนไม่ใช่หน้าที่ของทหารและตำรวจเท่านั้น ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ฝ่ายความมั่นคงได้แก้ไขปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ในทุกมิติ และสนับสนุนการดำเนินการตาม Roadmap ของรัฐบาล และ คสช. ในการรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มงาน ได้แก่

กลุ่มที่ 1 กลุ่มงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศและอาเซียน

คือ งานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความมั่นคงร่วมกับต่างประเทศ ได้แก่ ความร่วมมือทางทหาร เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน (ADMM) และรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา (ADMM Plus) เข้าร่วมการปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพในกรอบขององค์การสหประชาชาติ โดยล่าสุดได้เข้าร่วมการประชุม เกี่ยวกับระบบกำลังเตรียมความพร้อมของสหประชาชาติ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเตรียมการส่งกำลังเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจ ณ สาธารณรัฐเซาท์ซูดาน สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน และบรรยากาศให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนของภูมิภาคอันจะนำไปสู่ความมั่นคง ปลอดภัย และความอยู่ดีกินดีของประชาชนในภูมิภาคอย่างยั่งยืน

จัดตั้ง “ศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน” ณ กรมแพทย์ทหารบก และการทดสอบการปฏิบัติงานผ่านการฝึกร่วมระหว่างคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทหารกับคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติของประเทศสมาชิกอาเซียน และประเทศคู่เจรจา ในห้วง 1 - 11 กันยายน ที่ผ่านมา ณ จังหวัดชลบุรี

กลุ่มที่ 2 กลุ่มงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับรัฐ

คือ งานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความมั่นคงของประเทศ ได้แก่ การป้องกันประเทศ ปฏิบัติภารกิจป้องกันชายแดน โดยบูรณาการการปฏิบัติระหว่างทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง โดยให้ความสำคัญเร่งด่วนกับพื้นที่ซึ่งมีปัญหาเรื่องเขตแดนและปัญหาภัยคุกคามความมั่นคงรูปแบบต่างๆ ส่งผลให้ประชาชนตามแนวชายแดนมีความมั่นคงปลอดภัย เช่น การป้องกันการลักลอบนำเข้ายาเสพติด สามารถจับกุม ได้จำนวน 2,726 ครั้ง

ยึดของกลางยาบ้า ได้ จำนวน 14,971,465 เม็ด เฮโรอีน 32.7 กิโลกรัม ผู้ต้องหา จำนวน 2,749 คน จับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและผลักดันกลับประเทศต้นทาง ได้จำนวน 44,784 คน จับกุมผู้ที่ลักลอบตัดไม้ทำลายป่า จำนวน 1,265 ครั้ง ผู้กระทำผิด 531 คน ยึดได้ของกลางไม้ชนิดต่างๆ จำนวน 27,863 ท่อน เป็นต้น

ให้การสนับสนุนรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและการบังคับใช้กฎหมายโดยจัดตั้งกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อดูแลประชาชนให้มีความสุขและความปลอดภัยในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ จำนวน 188 กองร้อย 22,565 คน

แก้ไขสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

โดยยึดถือยุทธศาสตร์พระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ในห้วง 1 ปี ที่ผ่านมา จัดกำลังทหาร ตำรวจ และพลเรือน ปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ทั้งงานการรักษาความปลอดภัย และการพัฒนา จำนวน 60,085 คน ทหาร 31,635 คน ตำรวจ 18,771 คน และ พลเรือน 9,680 คน ซึ่งสถานการณ์โดยรวมมีแนวโน้มที่ดีขึ้น สถิติการก่อเหตุรุนแรงลดลงประมาณร้อยละ 60

สืบสวนจับกุมคดีวางระเบิดในพื้นที่ภาคใต้ในห้วง 11 - 12 สิงหาคม ที่ผ่านมา จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 1 คน และออกหมายจับ จำนวน 6 ราย แม้ว่าในทางการสอบสวนจะพบว่าผู้กระทำความผิดมาจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าว ไม่มีความเชื่อมโยง และไม่ใช่การขยายพื้นที่ปฏิบัติการของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงขึ้นมาในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ตอนบน

ป้องกันการก่อเหตุร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ

บูรณาการทุกภาคส่วนทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศเพื่อป้องกันปัญหาการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ รวมทั้งได้มีการจัดเตรียมกำลังเตรียมพร้อม เพื่อเผชิญสถานการณ์และแก้ไขปัญหาได้ทันทีในทุกพื้นที่ของประเทศ ดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนรัฐบาลและวาระแห่งชาติ ซึ่งทุกเรื่องที่รัฐบาลดำเนินการทำให้ประเทศ ได้รับความเชื่อมั่นในเวทีระหว่างประเทศ และส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ

โดยรัฐบาลจะยังคงมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง การแก้ไขปัญหาข้อตกลงระหว่างประเทศ ได้แก่ การทําประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุม(Illegal, Unreported and Unregulated fishing : IUU Fishing) และการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน ฯลฯ การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ซึ่งประเทศไทยได้รับการยกระดับจาก Tier 3 ขึ้นมาอยู่ในระดับ Tier 2 การคุ้มครองพื้นที่ป่าไม้ โดยบังคับใช้กฎหมายกับนายทุนให้ได้พื้นที่คืน เพื่อจัดสรรเป็นที่ทำกินให้กับราษฎร และฟื้นฟูให้เป็นป่าไม้ที่สมบูรณ์  จำนวนมากกว่า 96,000 ไร่ ให้การคุ้มครองพื้นที่ป่าไม้สมบูรณ์กว่า 102 ล้านไร่เศษ

กลุ่มที่ 3 กลุ่มงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง 

คือ งานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ได้แก่ ช่วยเหลือเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย จัดหาที่ดินทำกินให้ราษฎรผู้ยากไร้ในลักษณะ "แปลงรวม" โดยให้ชุมชนดูแลกันเอง จำนวน 10 พื้นที่ใน 6 จังหวัด แบ่งพื้นที่เป็น 7,627 แปลง รวมเนื้อที่ 30,500 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ จำนวน 5,678 ราย  ลดหรืองดค่าเช่านา รวมผู้เช่านา 125,294 ราย ผู้ให้เช่านา 128,550 ราย พื้นที่การเช่านาที่ได้รับ การเจรจา 2,256,370 ไร่ รวมเป็นเงินที่เจรจาขอลดค่าเช่านาซึ่งประชาชนได้รับประโยชน์ทั้งสิ้น 48,301,074 บาท

จัดหางานและแก้ไขปัญหาแรงงาน

การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย เมียนมา ลาว กัมพูชา และเวียดนาม จำนวนมากกว่า 1.3 ล้านคน โดยกำหนดหลักเกณฑ์ และกระบวนการอนุญาตให้มีการจ้างงานและแรงงานต่างด้าวเข้าสู่ระบบที่รัฐกำหนด ด้วยความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ประเทศจะได้รับประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับความมั่นคงของชาติ  ศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย (Smart Job Center) จำนวน 44 แห่ง สร้างงาน สร้างรายได้ เพื่อคนไทยทุกคนทุกกลุ่มมีงานทำ โดยบรรจุงานทั้งบุคคลทั่วไปและผู้พิการแล้ว มากกว่า 200,000 คน จัดส่งคนไปทำงานต่างประเทศมากกว่า 50,000 คน มีรายได้รวมมากกว่า 165,000 ล้านบาทต่อปี

พัฒนาทักษะฝีมือ มีแรงงานที่ผ่านการทดสอบมาตรฐาน มากกว่า 53,000 คน เข้าสู่ระบบการจ้างงานตามฝีมือ ได้ค่าจ้างถึงคนละ 500 บาทต่อวัน การสร้างความปลอดภัยในการทำงาน สามารถลดอุบัติเหตุของสถานประกอบการได้จาก 8.78 คน ใน 1,000 คน เหลือ 7.96 คน

ปฏิรูประบบประกันสังคมด้วยการเพิ่มสิทธิประโยชน์ตั้งแต่แรกเกิดจนเสียชีวิต เช่น เพิ่มอัตราค่าทดแทนกรณีสูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพ และเสียชีวิต เพิ่มค่าจัดการศพ เพิ่มระยะเวลาการจ่ายค่าทดแทนกรณีทุพพลภาพ มีผู้ประกันตนได้รับประโยชน์ 13 ล้านคน เป็นเงินมากกว่า 40,000 ล้านบาท รวมทั้งสวัสดิการเงินบำนาญชราภาพให้ผู้ประกันตนภายหลังอายุ 55 ปี ไปแล้ว

การจัดระเบียบสังคม

โดยบูรณาการกำลังทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง รักษาความสงบเรียบร้อยจัดระเบียบสังคมและควบคุมการกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งผลที่ได้รับ คือ การสร้างความเป็นธรรมในสังคม ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากการประกอบอาชีพสุจริต และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

จัดการกับผู้มีอิทธิพล มาเฟีย เรียกรับผลประโยชน์ เสื้อวิน มอเตอร์ไซค์ สลากกินแบ่งรัฐบาล ยาเสพติด บ่อนการพนัน ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ มีผลการจับกุม จำนวน 615,882 คดี ผู้ต้องหารวม 503,772 คน ปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยมีผลจับกุม จำนวน 31 คดี ช่วยเหลือและคุ้มครองเด็กผู้เสียหาย จำนวน 32 คน

จัดระเบียบการค้าขายบนทางเท้า ชายหาด แก้ไขปัญหารถสาธารณะ/รถแท็กซี่ จัดการนักเรียนตีกัน และการแข่งรถในที่สาธารณะ จัดระเบียบขอทาน ซึ่งตั้งแต่ปี 57 ถึงปัจจุบัน พบว่ามีขอมีทาน รวม 4,618 คน คนไทย 2,927 คน และคนต่างด้าว 1,691 คน ภายหลังการจัดระเบียบและการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559 ถึงปัจจุบัน ทำให้คนขอทานในสถานที่สาธารณะต่างๆ มีจำนวนลดลง การตรวจสถานบริการที่เปิดเกินเวลาและผิดกฎหมายและแหล่งอบายมุข ตรวจสถานที่จำนวน 137,826 แห่ง โดยเพิกถอนใบอนุญาต 5 แห่ง สั่งพักใช้ใบอนุญาต 8 แห่ง สั่งปิด 5 ปี จำนวน 13 แห่ง ดำเนินคดีตามกฎหมาย จำนวน 595 แห่ง

การแก้ไขปัญหาขยะสะสมทั่วประเทศ ทำลายขยะ จำนวน 22.49 ล้านตัน จากปริมาณสะสม 30.49 ล้านตันคิดเป็น ร้อยละ 73 ดำเนินการตาม “โครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา” เลียบแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกรวมความยาวประมาณ 14 กิโลเมตรซึ่งในด้านสถาปัตยกรรมจะออกแบบแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2559 ซึ่งประชาชนจะได้รับประโยชน์เพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และสามารถเข้าถึงพื้นที่ โดยมีการเชื่อมต่อกับการเดินทางระบบขนส่งสาธารณะทุกระบบ

การจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย ชุมชนคลองลาดพร้าว เพื่อจัดที่อยู่อาศัยให้เป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม และสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น โดยเปิดโอกาสให้ชาวบ้านกับชาวบ้าน และรัฐกับชาวบ้านได้เข้ามาทำงานร่วมกันและจัดให้มีโครงการบ้านมั่นคงเพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยอย่างถาวรของประชาชน (ซึ่งเมื่อโครงการแล้วเสร็จ จะมีประชาชนได้รับประโยชน์ 49 ชุมชน จำนวน 6,955 ครัวเรือน

งานด้านความมั่นคงที่รัฐบาลได้ทำนั้น เพื่อความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของบ้านเมือง งานด้านความมั่นคง นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ใช่เป็นเรื่องเฉพาะทหาร และตำรวจเท่านั้น แต่เป็นเรื่อง ที่มีความเกี่ยวข้องกับคนไทยทุกๆ คน  เกี่ยวข้องกับการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และการพัฒนาประเทศในมิติอื่นๆ ด้วย ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหารและประชาชน ต้องร่วมมือกัน เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของประเทศชาติ ขอให้พี่น้องสื่อมวลชนได้ช่วยกันนำข้อมูลที่ได้รับไปเผยแพร่ให้ประชาชนชาวไทยรับทราบต่อไป ขอขอบคุณครับ

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท