Skip to main content
sharethis

เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำสาละวินออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ กฟผ. และ รัฐบาลไทย ยกเลิกโครงการเขื่อนบนแม่น้ำสาละวินทันที เพื่อหลีกเลี่ยงการสนับสนุนสงครามในรัฐกะเหรี่ยง และเลี่ยงการละเมิดสิทธิมนุษยชนข้ามพรมแดน หลังเกิดการสู้รบระหว่างกะเหรี่ยง DKBA และกองกำลังพิทักษ์ชายแดน BGF ของกองทัพพม่า

15 ก.ย. 2559 หลังเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำสาละวินขอเรียกร้องให้กฟผ. และรัฐบาลไทย ยกเลิกโครงการเขื่อนบนแม่น้ำสาละวินทันที ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการสนับสนุนสงครามในรัฐกะเหรี่ยง และหลีกเลี่ยงการละเมิดสิทธิมนุษยชนข้ามพรมแดน โดยมีการเผยแพร่แถลงการณ์หลังเกิดเหตุสู้รบในรัฐกะเหรี่ยง ระหว่างกองกำลังกะเหรี่ยง DKBA และกองกำลังพิทักษ์ชายแดน BGF ที่เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพพม่า ในพื้นที่บ้านแม่ตะวอ ตรงข้าม อ.ท่าสองยาง จ.ตาก และ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ทำให้มีผู้อพยพกว่า 3,000 คน

000

แถลงการณ์

เรียกร้องให้กฟผ.และรัฐบาลไทยยุติโครงการเขื่อนฮัตจีบนแม่น้ำสาละวินทันที เพื่อหยุดการละเมิดสิทธิมนุษยนชน-สงครามในรัฐกะเหรี่ยง

15 กันยายน 2559

ตามที่ปรากฎเป็นข่าวว่าขณะนี้ได้เกิดการสู้รบในรัฐกะเหรี่ยง ระหว่างกองกำลังกะเหรี่ยง DKBA และกองกำลังพิทักษ์ชายแดน BGF ที่เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพพม่า ในรัฐกะเหรี่ยง เขตแม่ตะวอ ตรงข้ามแม่น้ำเมยที่ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก และห่างจากบ้านสบเมย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เพียงไม่กี่สิบกิโมเมตร ซึ่งทำให้ประชาชนในพื้นที่ต้องอพยพหนีภัยสงครามแล้วกว่า 3,000 คน มีข้อมูลที่ชี้ให้เห็นว่าการสู้รบดังกล่าวนี้มีความเกี่ยวข้องกับโครงการเขื่อนฮัตจี (Hat Gyi Dam) บนแม่น้ำสาละวิน ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้พยายามผลักดันมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

พื้นที่หัวงานเขื่อนฮัตจี (กำลังผลิตติดตั้ง1,360 เมกะวัตต์) อยู่ในรัฐกะเหรี่ยงไม่ไกลจากชายแดนไทย อยู่ในพื้นที่ซึ่งมีความขัดแย้งทางการเมือง มีการสู้รบระหว่างกองกำลังต่างๆ ทำให้ประชาชนในเขตนี้ต้องพลัดที่นาคาที่อยู่ ส่วนใหญ่ได้หนีภัยความตายมาอาศัยยังชายแดนไทยจำนวนหลายหมื่นคน จนปัจจุบันมีจำนวนมากที่ยังอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวใน อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน และ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ไม่สามารถคืนสู่ถิ่นฐานได้

แม้กระทั่งผู้พัฒนาโครงการเองในช่วงหลายปีมานี้ก็ไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่โครงการได้เนื่องจากการสู้รบ และล่าสุดคือการเข้ามาในพื้นที่ของกองทัพพม่าที่ปูทางให้เข้ามาโดยกองกำลัง BGF แสดงให้เห็นว่าเกิดการเพิ่มของทหาร (militarization) อย่างชัดเจน และเกี่ยวข้องกับการ “เคลียร์” พื้นที่รอบๆ โครงการเขื่อนฮัตจี

มีรายงานจากในพื้นที่ระบุว่านับตั้งแต่มีการสู้รบครั้งนี้ มีทหารเสียชีวิตแล้ว 60 คน และได้รับบาดเจ็บ 174 นาย ซึ่งโรงพยาบาลในเขตเมืองกอกาเร็ก และเมืองพะอัน ได้รายงานว่าทางโรงพยาบาลมีผู้ป่วยเต็มอัตตรา ขณะเดียวกันในเขตเมืองเมียนจีหงู่ มีข้อมูลแจ้งว่าทหารกองทัพพม่าเริ่มจับชาวบ้านในพื้นที่ให้เป็นลูกหาบ และมีการใช้ชาวบ้านเป็นโล่ห์มนุษย์ในการเดินนำกำลังทหารพม่า

การลงทุนของประเทศไทยในพม่าครั้งนี้ กำลังจะเป็นการสร้างตราบาปครั้งใหญ่ให้แก่ประเทศไทย เพราะการร่วมลงทุนในโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนฮัตจีบนแม่น้ำสาละวิน มูลค่าการลงทุนราว 100,000 ล้านบาท จะทำให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนในพม่าอย่างรุนแรงและกว้างขวาง และขณะนี้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติก็กำลังตรวจสอบกรณีดังกล่าวอยู่

การนำกองกำลังทหารเข้าควบคุมพื้นที่เตรียมก่อสร้างเขื่อนดังกล่าวนี้ ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ทั้งยังเป็นการขัดขวางกระบวนการเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลภายใต้การนำของนางออง ซาน ซูจี ซึ่งขณะนี้กำลังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การที่รัฐบาลไทยและ กฟผ. เดินหน้าผลักดันโครงการ จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการก่อสงคราม อันละเมิดสิทธิมนุษยชนดังกล่าวนี้  
 
เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำสาละวินขอเรียกร้องให้กฟผ. และรัฐบาลไทย ยกเลิกโครงการเขื่อนบนแม่น้ำสาละวินทันที ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการสนับสนุนสงครามในรัฐกะเหรี่ยง และหลีกเลี่ยงการละเมิดสิทธิมนุษยชนข้ามพรมแดน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net