6 ต.ค. 2559 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ฉบับที่ 62/2559 เรื่อง การปฏิรูประบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ซึ่งอาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ระบุว่า
โดยที่รัฐบาลได้มีนโยบายและให้ความสําคัญในการปรับปรุงโครงสร้างของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อการพัฒนาประเทศทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งกลไกในการพัฒนาประเทศ ได้มุ่งเน้นให้มีการปฏิรูประบบวิจัยและนวัตกรรม การพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศิลปวิทยา แขนงต่าง ๆ ให้เกิดความรู้และการพัฒนาเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจ สังคม และเพิ่มขีด ความสามารถในการแข่งขันของประเทศและคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อสนับสนุนให้การดําเนินการ ดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จําเป็นต้องบูรณาการการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศให้ตรงตาม ความต้องการและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อลดความซ้ำซ้อน และสามารถผลักดันให้มีการนําไปใช้ ให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม
ในการนี้ สมควรกําหนดให้มีสภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ เพื่อทําหน้าที่ในการกําหนดทิศทางนโยบาย ยุทธศาสตร์ รวมทั้งปรับปรุงระบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ตลอดจนกํากับและติดตามการบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ และประเมินผลการดําเนินการ ให้เป็นไปอย่างเหมาะสมและมีเอกภาพ อันเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาการวิจัยของประเทศ และปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบ แห่งชาติ จึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้มีสภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ประกอบด้วย (1) นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน (2) รองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นรองประธานคนที่หนึ่ง (3) รองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นรองประธานคนที่สอง (4) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (5) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (6) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (7) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (8) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (9) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (10) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (11) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (12) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (13) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (14) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (15) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (16) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (17) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (18) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (19) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (20) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (21) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (22) รัฐมนตรวี่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (23) ผู้อํานวยการสํานักงบประมาณ (24) เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา (25) เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (26) ประธานกรรมการในคณะกรรมการการอุดมศึกษา (27) ประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (28) ประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ (29) ประธานที่ประชุมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (30) ประธานมูลนิธิบัณฑิตยสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (31) ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย (32) ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (33) ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (34) เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (35) เลขาธิการสํานักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (36) ผู้ทรงคุณวุฒิที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งจํานวนไม่เกินแปดคน ให้เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และเลขาธิการสํานักงานคณะกรรมการนโยบาย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ เป็นเลขานุการร่วม และให้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่จํานวน ไม่เกินสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ ในกรณีที่รัฐมนตรีตามวรรคหนึ่งผู้ใดไม่สามารถเข้าร่วมประชุมในครั้งใดได้ รัฐมนตรีผู้นั้น อาจมอบหมายข้าราชการในกระทรวงของตนคนหนึ่งเข้าร่วมประชุมแทน สภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติต้องมีการประชุมอย่างน้อยปีละสี่ครั้ง
ข้อ 2 ให้สภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติมีอํานาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(1) กําหนดทิศทางและนโยบายการดําเนินงานของหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม ของประเทศให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
(2) กําหนดแผนที่นําทาง (Roadmap) เกี่ยวกับนโยบายและยุทธศาสตร์ระบบวิจัยและ นวัตกรรมของประเทศ ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว และยุทธศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม รายสาขาใหสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและยุทธศาสตร์ชาติ
(3) กํากับ เร่งรัด และติดตามให้มีการปรับปรุงและแก้ไขโครงสร้าง ภารกิจ อํานาจหน้าที่ ของหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมให้มีความเชื่อมโยงและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ระบบวิจัยและ นวัตกรรมของประเทศ ตลอดจนเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีให้มีการจัดตั้งหน่วยงานเพื่อรองรับ ความต้องการในด้านการวิจัยและนวัตกรรม
(4) กํากับ เร่งรัด และติดตามให้มีการปรับปรุงและแก้ไขระบบหรือกลไกการบริหารจัดการงานวิจัย และนวัตกรรมให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถนําผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีอยู่เดิม และที่เกิดขึ้นใหม่ ไปใช้ในเชิงวิชาการ เชิงพาณิชย์ เชิงสังคม และเชิงนโยบาย ให้เป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุด
(5) กํากับ เร่งรัด และติดตามให้มีการจัดทําแผนพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัย วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี และนวัตกรรมของประเทศ รวมถึงการพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้กับ บุคลากรด้านแรงงานในระดับต่าง ๆ
(6) กําหนดระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธ์ิในลักษณะ เป็นก้อน (Block Grant) ตามโปรแกรมวิจัยและนวัตกรรม (Program-based) ให้สอดคล้องกับระบบวิจัย และนวัตกรรมของประเทศ และยุทธศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมรายสาขา รวมทั้งกําหนดระบบการติดตาม และประเมินผลที่มีความต่อเนื่อง
(7) เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้มีการกําหนดมาตรการและแรงจูงใจทางภาษีและ สิทธิประโยชน์ สําหรับการระดมทุน การพัฒนากองทุน การจัดสรรเงินจากกองทุน และเงินทุนของ หน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งความร่วมมือกับเอกชน ประชาสังคม และต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมการวิจัย และนวัตกรรมให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)