Skip to main content
sharethis
'สุทธิชัย หยุ่น' อัด 'ก.ล.ต.' แบล็คลิสต์ไม่เป็นธรรม ไม่เปิดโอกาสให้ชี้แจงขาดหลักการกำกับดูแลที่ดี ลั่นหากไม่ได้รับความเป็นธรรมพร้อมยื่นศาลปกครองทันที
 
8 ต.ค. 2559 เว็บไซต์ กรุงเทพธุรกิจ รายงานว่าตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ได้เผยแพร่ข่าวฉบับที่ 95/2559 เมื่อวันที่ 6ต.ค.2559 เพื่อแจ้งว่ากรรมการบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (NMG) ชุดเดิมทั้งคณะจำนวน 8 ราย เป็นบุคคลที่ขาดความน่าไว้วางใจที่จะให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นกรรมการต่อไป 
 
นอกจากจะส่งผลให้บุคคลทั้ง 8คน ต้องพ้นจากตำแหน่งกรรมการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทุกบริษัทที่ตนเองดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันในทันทีแล้ว บุคคลทั้ง 8 ยังถูกห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการ หรือผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนอื่นๆ ทุกบริษัทจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ 
 
ทั้งนี้ กรรมการ บริษัทเนชั่นกรุ๊ป ชุดเดิมทั้งคณะจำนวน8 รายประกอบด้วย 1.นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น 2.นายเสริมสิน สมะลาภา 3.นางสาวดวงกมล โชตะนา 4.นายปกรณ์ บริมาสพร 5.นายเชวง จริยะพิสุทธิ์ 6.นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ 7.นางสาวเขมกร วชิรวราการ และ 8.นายพนา จันทรวิโรจน์ ปัจจุบันนายสุทธิชัย แซ่หยุ่น นายปกรณ์ บริมาสพร และนายเชวงจริยะพิสุทธิ์ ไม่ได้ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการของเนชั่นกรุ๊ปแล้ว แต่ยังคงได้รับผลกระทบโดยตรงจากประกาศขาดคุณสมบัติของ ก.ล.ต. โดยกรณีของนายปกรณ์ต้องออกจากตำแหน่งประธานกรรมการบริหารและประธานกรรมการตรวจสอบของบริษัท ไลท์ติ้งแอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (L&E) และบริษัท พรพรหมแม็ททอล จำกัด (มหาชน) (PPM) ในทันที 


กรรมการ 5 คนพ้นตำแหน่งทันที 

การประกาศขาดคุณสมบัติกรรมการของเนชั่นกรุ๊ปยกชุดของ ก.ล.ต.ครั้งนี้ ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัวของกรรมการแต่ละคน แต่การที่กรรมการและผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจำนวน 5 คนต้องพ้นจากตำแหน่งในทันที คงเหลือกรรมการบริษัทที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่เพียง 2 ท่านคือ นายวัชรา ตันตริยานนท์ และ นางพิจิตรา มหาพล ยังส่งผลกระทบต่อการประกอบกิจการของเนชั่นกรุ๊ปโดยตรงทั้งในเรื่องของเครดิตและสินเชื่อจากธนาคาร การดำเนินธุรกิจปกติที่ต้องหยุดชะงัก สร้างความเสียหายต่อเนื่องต่อธุรกิจของกลุ่มบริษัท นอกจากนี้ กรรมการที่เหลืออยู่เพียง 2 ท่านไม่เพียงพอที่จะจัดประชุมคณะกรรมการบริษัทให้ครบองค์ประชุมเพื่อกระทำกิจการใดๆ ได้ตามกฎหมายอีกด้วย 


“สุทธิชัย” อัดก.ล.ต.สวนคำสั่งศาล 

วานนี้(7ต.ค.) นายสุทธิชัย นำทีมอดีตกรรมการเนชั่น เปิดแถลงข่าวเรียกร้องขอความเป็นธรรมกับก.ล.ต.ในการลงโทษกรรมการบริษัท 8 ราย ให้พ้นจากการตำแหน่ง โดยมองว่าอดีตกรรมการทั้ง 8 คน ไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะไม่มีโอกาสได้ชี้แจงข้อเท็จจริง 
 
“สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ต.ค.คือคำสั่งของศาลพระโขนงกับก.ล.ต.ออกมาพร้อมกัน สะท้อนให้เห็นความไม่เป็นธรรมที่ชัดเจน ศาลได้ยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ประธานในการประชุมผู้ถือหุ้นในปี 2558 เป็นผู้รับผิดชอบ คณะกรรมการไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง" 
 
ทั้งนี้ศาลพระโขนงได้ตัดสินแล้วว่ากรรมการทั้ง 8 คนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจไม่ให้ผู้ถือหุ้นเข้าประชุม จึงไม่มีความผิดเราตกใจมากที่ก.ล.ต.มีคำสั่งให้กรรมการ 8 คน ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ กรรมทุกคนมีส่วนร่วมบริหารทั้งสิ้น แต่ก.ล.ต.ใช้เหตุผลจากที่อัยการสั่งฟ้องคดี โดยนำคำกล่าวหาของอัยการ และฝั่งตรงข้ามมาใช้ตัดสิน ซึ่งกรรมการทั้ง 8 คน ไม่ได้รับเชิญจากก.ล.ต.ในการแก้ต่างข้อกล่าวหา แม้แต่ครั้งเดียวก่อนตัดสินลงโทษมองว่าไม่เป็นธรรม 


สงสัยมาตรฐานการใช้อำนาจ 

“เราสงสัยมาตรฐานของผู้ใช้อำนาจของก.ล.ต.เอามาจากมาตรฐานอะไร เพราะการทำหน้าที่ของก.ล.ต.ยืนยันตลอดว่าจะทำให้ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิที่จะโต้แย้งและชี้แจง ซึ่งการถูกกล่าวหาว่าเป็นบุคคลไม่น่าไว้วางใจ ถือว่ารุนแรงสำหรับคนทำสื่อ เพราะความน่าเชื่อถือคือ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับบริษัท เราอยู่มาด้วยคำว่าความน่าเชื่อถือ การใช้คำว่าไม่น่าไว้วางใจคือการประหารชีวิต เป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรง ก.ล.ต.น่าจะทราบว่า ผู้ที่ร้องเรียนนั้นเกิดจากความขัดแย้งทางธุรกิจ จึงควรจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย” 
 
ทันทีที่ก.ล.ต.ออกคำสั่งมา การดำเนินการทุกอย่างหยุดทันที ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะไม่มีผู้มีอำนาจบริหาร ทำกิจกรรมปกติไม่ได้ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯได้ขอให้เราชี้แจง แต่เราก็ไม่รู้ว่าจะชี้แจงอย่างไร คำสั่งก.ล.ต.อาจจะกระทบกับบริษัทจดทะเบียน ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ ก.ล.ต. อาจต้องร้อนๆหนาวๆกับคำสั่งที่เกิดขึ้น “นายสุทธิชัย” กล่าว 


พร้อมสู้เพื่อความยุติธรรม 

ในด้านการบริหารงานหลังจากนี้ ต้องถามก.ล.ต.ว่าจะให้ทำอย่างไร ที่ผ่านมาไม่เคยมีกรณีเช่นนี้มาก่อนในไทย “เราไม่ได้รับทราบมาก่อนล่วงหน้า เราไม่รู้ว่าใครเซ็นเช็คได้บ้าง เงินเดือนพนักงานจะจ่ายอย่างไร ไม่ต้องพูดถึงการทำข้อตกลงกับธนาคาร และคู่ค้าพันธมิตรต่างๆต้องหยุดหมด ความเสียหายนี้ใครรับผิดชอบ หลังจากนี้กรรมการทุกท่านที่ถูกกล่าวโทษ จะยื่นอุทธรณ์กับก.ล.ต.ให้ทบทวนคำสั่ง และขอสงวนสิทธิ์ หากไม่ได้รับความเป็นธรรมจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ศาลปกครองต่อไป เราพร้อมจะสู้เพื่อความยุติธรรม” 
 
ตลอดเวลากว่า 40 ปีกลุ่มเนชั่นได้ปกป้องการถูกรังแกของผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เครือข่ายสื่อทั่วเอเชียที่เป็นพันธมิตรก็ถามเราว่าเกิดอะไรขึ้น การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นสิ่งที่เรามองว่าจะช่วยให้องค์กรสื่อเป็นอิสระ และเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับบริษัท ขอย้ำจุดยืนการเป็นสื่อที่อิสระ และยังคงทำหน้าที่ต่อไป 


คำสั่งแบล็คลิสต์ฉุดธุรกิจสะดุด 

นายเสริมสิน กล่าวว่าเมื่อได้รับทราบข่าวก.ล.ต.กล่าวโทษ เราไม่เสียใจ แต่เสียดาย เพราะปัจจุบันเกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญในอุตสาหกรรมสื่อ โดยเฉพาะทีวีดิจิทัล ที่แข่งขันกันรุนแรง ทุกคนหาทางรอด โชคดีที่เราหาทางรอดได้ ได้เชิญพันธมิตรยักษ์ใหญ่ในประเทศ และต่างประเทศมาร่วมงานหารือกับสถาบันการเงิน เซ็นเอ็มโอยูต่างๆ อยู่ในขั้นตอนผ่าตัดใหญ่ของเนชั่น แต่ด้วยความสงสัยกับก.ล.ต.สั่งให้หมอผ่าตัดหยุดทันที 
 
ด้านการบริหารธุรกิจนั้น เป็นคำถามใหญ่ต้องถามก.ล.ต. ว่าหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที เหมือนการขับเครื่องบินอยู่แล้วให้กัปตันหยุดทันที จะให้ผู้โดยสารมาขับก็คงไม่ได้ ที่ผ่านมาเราพบธนาคารเกือบทุกวัน เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะอยู่ได้ดีและไปรอด ต้องถามว่าต่อไปจะให้เราทำอย่างไร ในเวลานี้ ธนาคารหรือพันธมิตรติดต่อเข้ามา ยังไม่แน่ใจว่าสามารถพูดคุยได้หรือไม่ เรากังวลกับปัญหาที่เกิดขึ้นจะทำให้บริษัทแย่และแก้ไขได้ไม่ทันกาล ต้องขออ้อนวอนกับผู้มีอำนาจต้องหาทางออกให้เรา 


รับไม่ได้กล่าวหาไม่น่าไว้วางใจ 

นางสาวดวงกมล กล่าวว่าข้อสงสัยมาตรฐานความยุติธรรมของก.ล.ต.ที่เกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่ดำเนินการตามกฎหมายคือการส่งเรื่องไปที่คณะกรรมการ ก.ล.ต.เพื่อให้คณะกรรมการ ตั้งคณะทำงานอุทธรณ์ขึ้นมาพิจารณาด้วยความเป็นธรรมที่ตรงเวลาและมาทันเวลา ก่อนที่ความเสียหายจะเกิดขึ้น ปัญหามาตรฐานความยุติธรรมที่บิดเบี้ยว จะส่งผลกระทบไม่เฉพาะกรณีเนชั่น แต่กระทบถึงบริษัทจดทะเบียนทุกแห่งด้วยมาตรฐานการกล่าวโทษที่เป็นข้อหาสำคัญมาก 
 
“บอกว่าไม่เก่ง ไม่โกรธ แต่บอกว่าความสามารถไม่น่าไว้วางใจ รับไม่ได้ เพราะความไว้วางใจเป็นหัวใจของการทำหน้าที่สื่อมวลชนทุกที่ ไม่เฉพาะแต่เนชั่น เราเป็นเครือเดียวที่วางมาตรฐานจริยธรรมเข้มแข็งเป็นเครือแรกๆ ที่สร้างรูปแบบนักข่าวคนทำงานทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังต้องมีมาตรฐานของความน่าไว้วางใจ หนังสือพิมพ์คือกระดาษ และตัวหนังสือ ถ้าไม่น่าไว้วางใจ ก็ไม่มีใครหยิบขึ้นมาอ่าน มันก็เป็นแค่กระดาษเปื้อนหมึก ดังนั้นความไว้วางใจคือสมบัติ เป็นสิ่งที่เดียวที่เราต่อ เราเชื่อว่าความไว้วางใจจะเป็นสิ่งที่เราหวงแหนที่สุด” 


ห่วงทำลายทุกองค์กรที่ทำหน้าที่สุจริต 

สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่กระทบแค่ฐานะการเงิน แต่มันทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นความน่าเชื่อถือที่เป็นรากฐานที่สำคัญ และไม่ได้เป็นการทำลายเฉพาะเครือเนชั่น มันจะทำลายทุกองค์กรที่พยายามทำหน้าที่อย่างสุจริต 
 
“ถ้าระบบกำกับล้มเหลว ระบบกำกับไม่สามารถดูแลบริษัท ที่ต้องเผชิญกับปัญหาระบบความละโมบของทุนนิยม และไม่สามารถดูแลเราได้ทันเวลา ความยุติธรรมที่มาช้าก็คือความไม่ยุติธรรม และความไม่ยุติธรรมที่บิดเบี้ยวไปจากกติกาวางไว้ ตีความตามที่คิดว่า เราคิดว่าเราไม่ได้มองมาตรฐานความยุติธรรม ฉะนั้นกรรมการจะทำหนังสือถึงก.ล.ต.เพื่อร้องเรียนและอุทธรณ์ในทันที” 


ขัดแย้งผู้ถือหุ้นไม่ใช่คดีทุจริต 

นายอดิศักดิ์ กล่าวว่าการออกหนังสือของก.ล.ต.ครั้งนี้ ทำให้เกิดความเสียหายกับบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) NBC ด้วย เพราะหลายเรื่องต้องทำธุรกรรม การไม่มีกรรมการเท่ากับว่าทุกอย่างสุญญากาศ ซึ่งมาตรฐานของก.ล.ต.เหมือนกับว่า ผู้บริหารชุดใหม่กำลังพยายามทำให้เห็นว่าก.ล.ต.ไม่ใช่เสือกระดาษ แต่ความพยายามที่ไม่แยกขาวหรือดำจะส่งผลเสียหายกับบริษัทจดทะเบียนจำนวนมาก 
 
ได้พูดคุยกับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง เกิดความหวั่นไหวมาก หลายกรณีที่มีข้อพิพาทผู้ถือหุ้นหรือผู้ค้ามีการฟ้องศาลอยู่มาก หากยึดมาตรฐานก.ล.ต.ทำต่อบริษัทครั้งนี้ จะมีบริษัทกว่าครึ่งในตลาดหลักทรัพย์ ที่กรรมการจะถูกห้ามปฏิบัติหน้าที่ ก.ล.ต.เลือกที่จะใช้การห้ามเป็นกรรมการกับบริษัทเรา แต่กับบริษัทคู่กรณีได้ถูกกล่าวโทษ ทำไมไม่มีคำสั่งห้ามปฏิบัติหน้าที่ 
 
ทั้งนี้กรรมการบริษัทถูกสั่งฟ้องไม่ใช่คดีทุจริต เป็นเพียงการขัดแย้งของผู้ถือหุ้น แต่ใช้ข้อกล่าวหาที่รุนแรง มีเจตนาของการทุจริต ซึ่งจะส่งผลกระทบกับบริษัทอื่นๆ จะทำให้ความเชื่อมั่นของบริษัทจดทะเบียนสั่นคลอน กระทบความเชื่อมั่นของผู้ระดมทุน อาจต้องคิดใหม่ อยู่นอกตลาดอาจจะดีกว่า เพราะก.ล.ต.กำลังมองผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนเป็นผู้ร้ายจะโกงเงินประชาชน 


ระบุก.ล.ต.2 มาตรฐาน 

นายพนา กล่าวว่า ศาลและสำนักงานก.ล.ต.ออกคำตัดสินออกมาแสดงให้เห็นถึง 2 มาตรฐาน ศาลมีความเท่าเทียมยุติธรรมไตร่สวนทั้ง 2 ฝั่ง แต่ก.ล.ต.ใช้รัฐศาสตร์มากกว่ากฎหมาย เราอยากให้พิจารณาโดยใช้กฎหมายเป็นการตัดสินในข้อกรณีต่างๆ ไม่ใช่ปรับเปลี่ยนกฎหมายตามรัฐศาสตร์ 
 
นายเทพชัย หย่อง กรรมการ NBC กล่าวว่าการกล่าวหาคนเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ไม่ปกติ สังคมคาดหวังการดูแลจากก.ล.ต.เรื่องความถูกต้อง น่าผิดหวังมากหากก.ล.ต.ไม่สามารถแยกแยะได้ว่ากรณีนี้เป็นกรณีที่พิพาท ขอยืนยันว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต้องเรียกร้องขอความเป็นธรรมกับสิ่งที่เกิดขึ้น 
 
บ่ายวันเดียวกันนายสมชาย พงษ์พัฒนาศิลป์ ผู้ช่วยเลขาธิการก.ล.ต.ชี้แจงว่า กระบวนการพิจารณาของก.ล.ต. ได้ดำเนินไปตามขั้นตอนอย่างรัดกุม อย่างไรก็ดี บุคคลทั้ง 8 ราย มีสิทธิที่จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ถือเป็นสิทธิอันชอบธรรมของบุคคลทั่วไป
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net