Skip to main content
sharethis
ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) จันทร์นี้ (7 พ.ย.) เตรียมถกวาระร้อนพักช่อง 24 TV หลังนำเสนอประเด็นจำนำข้าว ระบุขัดต่อข้อกำหนดในบันทึกข้อตกลงที่ได้ทำร่วมกันไว้และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ชงให้พิจารณามาตรการทางปกครองโดยการพักใช้ใบอนุญาตเป็นเวลา 15 วัน
 
6 พ.ย. 2559 นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ครั้งที่ 38/2559 วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายนนี้ มีวาระการประชุมน่าจับตา ได้แก่ เตรียมถกเรื่องร้องเรียนกรณีการตรวจสอบพบการออกอากาศรายการ “คมข่าว” ทางช่อง 24 TV เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 59 เวลา 17.11 – 17.54 น. เนื่องจากมีลักษณะการนำเสนอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลของการมีคำสั่งให้เรียกอดีตนายกรัฐมนตรี คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ความเสียหายจากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่เป็นธรรม เนื่องจากการดำเนินโครงการดังกล่าว ประชาชนที่เป็นชาวนาได้รับประโยชน์ โดยเมื่อยกเลิกการดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้เกิดสภาวะราคาข้าวตกต่ำ ขายไม่ได้ราคา ซึ่งมีลักษณะเป็นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ส่อให้ประชาชนเกิดความสับสนเกี่ยวกับสภาวะราคาข้าวตกต่ำ และการดำเนินการกับอดีตนายกรัฐมนตรีไม่เป็นธรรมและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งอนุกรรมการด้านเนื้อหาเสียงข้างมากมองว่าอาจเป็นการขัดต่อข้อกำหนดในบันทึกข้อตกลงที่ได้ทำร่วมกับสำนักงาน กสทช. และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้เสนอให้ กสท.พิจารณามาตรการทางปกครองโดยการพักใช้ใบอนุญาตเป็นเวลา 15 วัน
 
สุภิญญา กล่าวว่า วาระนี้มีประเด็นที่ กสทช.จะถูกมองว่าใช้กฎหมายปิดกั้นการแสดงออกของฝ่ายที่เห็นต่างอีกครั้งโดยไม่เปิดโอกาสให้มีการตั้งคำถาม ตรวจสอบแนวทางของรัฐต่อนโยบายการจำนำข้าวและเรื่องคดีความสืบเนื่องรวมถึงปัญหาชาวนาและราคาข้าวตกต่ำในเวลานี้  ดังนั้น กสท.ควรพิจารณาด้วยใจที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย การถกเถียงในนโยบายสาธารณะเช่นการช่วยเหลือชาวนา สื่อควรทำได้แบบเปิดเผย แต่ถ้าเห็นว่าช่องใดเสนอความเห็นเอียงข้างใดมากไป กสท.ควรสั่งให้เขาเสนอความเห็นให้ครบถ้วนก่อน คงดีกว่าไปสั่งปิดสถานีจอดำเลย เพราะการสั่งพักใช้ใบอนุญาตถือว่ามีความผิดร้ายแรง และอาจเป็นการลงโทษที่เกินสัดส่วนความเป็นธรรมได้
 
“รายการ “คนข่าว” เคสนี้มีจุดอ่อนคือเลือกข้างชัดเจน ทำให้เนื้อหามีความไม่เป็นกลาง จนอาจกลายเป็นพีอาร์การเมืองได้ แต่ยังไม่คิดว่าเลยเถิดถึงขั้นผิดกฎหมายอย่างร้ายแรงจนต้องถูกพักใช้ใบอนุญาตทันที ถ้าลองเทียบกับแนวทางที่ กสทช.ใช้กำกับดูแลโทรทัศน์ช่องอื่นซึ่งดูเหมือนจะมีความเห็นเลือกข้างบ้างเช่นกัน เพื่อไม่ให้ กสทช.ถูกมองว่าเลือกปฏิบัติ ถ้าบอร์ด กสท.เห็นว่าเนื้อหาใดไม่เหมาะสมก็ควรใช้วิธีพูดคุย ขอความร่วมมือ เตือน และปรับทางปกครองก่อน เหมือนมติที่ใช้กับสถานีอื่นๆที่ผ่านมา จะได้ดูมีมาตรฐานเดียวกันในการบังคับใช้กฎหมาย ไม่ว่าทีวีช่องนั้นจะเชียร์หรือค้านรัฐบาลก็ตาม” สุภิญญา กล่าว
 
นอกจากนี้ที่ประชุมมีการพิจารณา วาระการจัดทำ(ร่าง)แผนแม่บทบริหารคลื่นความถี่ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560) โดยคณะทำงานจัดทำแผนแม่บทฯ ได้เสนอสาระสำคัญของแผนฯ อาทิ การคืนคลื่นความถี่เพื่อนำไปจัดสรรใหม่หรือการปรับปรุงใช้คลื่นความถี่ การเตรียมคลื่นความถี่เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดิจิตอลในกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ การใช้คลื่นความถี่เพื่อความมั่นคงของรัฐตามความจำเป็น การเพิ่มคลื่นความถี่เพื่อรองรับการสื่อสารเคลื่อนที่ความเร็วสูง การใช้งานคลื่นความถี่ร่วมกัน การปรับปรุงค่าตอบแทนการใช้คลื่นความถี่ และการบูรณาการระบบริหารคลื่นความถี่อัตโนมัติ รวมทั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อแนวทางการรับฟังความเห็นสาธารณะต่อไป ซึ่งวาระนี้มีความสำคัญมาก เพราะคือการร่างแผนแม่บทฉบับใหม่ที่จะกระทบการจัดสรรคลื่นความถี่ทั้งหมด ฝากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจับตา
 
วาระอื่นๆน่าจับตา ได้แก่ วาระแนวทางการดำเนินคดีปกครอง กรณี กรมประชาสัมพันธ์ ฟ้อง กสทช. ขอให้เพิกถอนคำสั่งปรับ ตามมติ กสท. จากการดำเนินการขยายโครงข่ายสัญญาณดิจิตอลทีวีล่าช้า วาระ อสมท. แจ้งเหตุระงับการให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ระบบดิจิตอลพร้อมมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ วาระการสนับสนุนให้ประชาชนได้รับบริการด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์อย่างทั่วถึง วาระการพิจารณาเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาในการพิจารณาประเด็นและข้อมูลสารสนเทศที่ได้รับจากการรับฟังความคิดเห็นภายหลังการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อร่าง ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การส่งเสริมชุมชนที่มีความพร้อม และสนับสนุนผู้ประกอบกิจการกระจายเสียง บริการชุมชนที่มีคุณภาพ พ.ศ. ... วาระต่อใบอนุญาตของบริษัทเดโมเครซี่ นิวส์ เน็ตเวิร์ค จำกัด ช่องรายการ TV 24 วาระเพื่อทราบรายงานฉบับสมบูรณ์เรื่อง “การศึกษาผลการรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล” และ รายงานกรณีศึกษาเปรียบเทียบการเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับชมโทรทัศน์ในระบบแอนะล็อก ซึ่งการประชุมครั้งนี้มีวาระสำคัญอื่นๆที่ สำนักงานเสนอเป็นวาระลับมาด้วย คาดว่าหลังการลงมติแล้วจะเปิดเผยต่อไป ติดตามผลการประชุมทั้งหมดในวันจันทร์นี้
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net