Skip to main content
sharethis

'เบสท์-อรพิมพ์' เผยกรณีสหรัฐปฏิเสธการออกวีซ่า น่าจะเกี่ยวกับหลักฐานทางการเงินของตนไม่น่าเชื่อถือหรือไม่เพียงพอ เนื่องจากไม่ได้ทำงานประจำ ยันกงสุลสหรัฐฯ ไม่อนุมัติวีซ่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง 'ประยุทธ์' ชี้ต้องเคารพสิทธิของสหรัฐ 

ที่มาภาพ เฟซบุ๊ก Best Orapim

15 พ.ย. 2559 จากกรณีที่สหรัฐปฏิเสธการออกวีซ่าให้กับ เบสท์-อรพิมพ์ รักษาผล นักพูด ที่จะไปพูดเกี่ยวกับเรื่องพระราชกรณียกิจที่นครลอสแอนเจลิส วันที่ 3 ธ.ค. และเมืองบอสตัน วันที่ 5 ธ.ค. ที่จะถึงนั้น

ล่าสุด ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า อรพิมพ์ เปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบเอกสารต่างๆ ที่นำไปยื่นต่อฝ่ายกงสุลประจำสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยแล้ว พบว่าน่าจะเกี่ยวกับหลักฐานทางการเงินของตนไม่น่าเชื่อถือหรือไม่เพียงพอ เนื่องจากไม่ได้ทำงานประจำ นอกจากนี้เพิ่งทราบว่ามีชื่อติดเครดิตบูโร จากการที่ไปร่วมกับเพื่อนซื้ออาคารและถอนตัวออกมา คนที่รับช่วงอาจมีปัญหาในการผ่อนจึงทำให้ติดเครดิตบูโรและมีชื่อตนไปเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นการที่เจ้าหน้าที่กงสุลสหรัฐฯ ไม่อนุมัติวีซ่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เนื่องจากพิจารณาตามหลักเกณฑ์การอนุมัติที่กำหนดไว้

อรพิมพ์ ระบุว่า ตนจะเตรียมหลักฐาน เพื่ออธิบายความจริงและยื่นเอกสารการเชิญไปพูดให้ทางฝ่ายวีซ่าของสถานกงสุลสหรัฐฯ ทราบอีกครั้ง เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ว่ารับเชิญไปพูดและจะกลับมาแน่นอน ส่วนจะได้รับอนุมัติวีซ่าหรือไม่ คงเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่กงสุลที่จะพิจารณาต่อไป
 

ขออย่าหลงโยงเรื่องส่วนบุคคล จนกระทบสัมพันธ์ไทย - สหรัฐฯ 

ก่อนหน้านี้ คมชัดลึกออนไลน์ รายงานว่า เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ได้ตอบคำถามเครือเนชั่น กรณีดังกล่าวด้วยว่า สหรัฐฯ มีกฎหมายคุ้มครองส่วนบุคคล จึงไม่อาจเปิดเผยเหตุผลที่ปฏิเสธการยื่นขอวีซ่าของบุคคลดังกล่าวได้ แต่เจ้าตัวสามารถสอบถามถึงเหตุผลกับเจ้าหน้าที่กงสุลของสถานทูตฯได้ทันที หลังจากที่ได้รับแจ้ง เช่นเดียวกันกรณีที่ผู้ยื่นขอวีซ่าไม่เคยกระทำผิด มีที่ทำงานเป็นหลักแหล่ง มีประวัติการเดินทางไปและกลับแน่นอน หากได้รับปฏิเสธการขอวีซ่าเพราะยื่นเอกสารไม่ครบ เจ้าหน้าที่กงสุลจะร้องขอเอกสารเพิ่มเติม เชื่อว่า ถ้ายื่นใหม่ (Re - Apply) แก้ไขให้ถูกต้อง ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร
 
คมชัดลึกรายงานอีกว่า กรณีที่อรพิมพ์เดินทางไปพูดเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจฯ แล้วถูกปฏิเสธขอวีซ่า อาจจะส่งผลบานปลายต่อไป หรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่สถานทูตฯ ชี้แจงว่า ในหลักการทั่วไปแล้ว หากผู้ยื่นขอวีซ่าเดินทางไปโดยมีภารกิจที่ชัดเจน ซึ่งไม่ใช่เพื่อเดินทางท่องเที่ยวอย่างเดียว ก็ควรต้องยื่นขอวีซ่าประเภทให้ถูกต้องกับวัตถุประสงค์การเดินทาง อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่ควรจะโยงไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ เพราะปัจจุบันการเดินทางไปสหรัฐฯ ไม่ยากขนาดนั้น หากให้ข้อมูลเอกสารที่ถูกต้อง ครบถ้วน และชัดเจนกับทางสถานทูต สถานทูตสหรัฐฯ ก็ยินดีอำนวยความสะดวกให้เดินทางไปสหรัฐฯ เป็นตามปกติ      
 

ประยุทธ์ชี้ต้องเคารพสิทธิของสหรัฐ 

ขณะที่ มติชนออนไลน์ รายงานด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวด้วยว่า คงไม่ไปก้าวก่ายเกี่ยวกับสถานทูต และประเทศสหรัฐ เพราะดูแลเฉพาะประเทศไทย การไปขอวีซ่าเพื่อเข้าประเทศเป็นเรื่องของสหรัฐ และพูดอะไรไม่ได้ ถือเป็นเรื่องของเขา เช่นเดียวกันเรา เวลาใครมาขออนุญาตทำวีซ่าถ้าไม่เหมาะสมก็ไม่ออกวีซ่าให้ ไม่ใช่ว่าตนจะไปบอกว่าให้ออกหรือไม่ออก เป็นเรื่องที่สหรัฐที่จะพิจารณาเอง ต้องเคารพในสิทธิของเขา เป็นเรื่องสิทธิของแต่ละประเทศที่เขามีสถานทูตประจำอยู่ว่าจะให้หรือไม่ แม้แต่ตนไปขอเขาก็ไม่ได้
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net