Skip to main content
sharethis

ยกตัวอย่างการส่งเสริมให้ทำเกษตรแปลงใหญ่ ก็ยังไม่มากเพียงพออย่างที่ต้องการเพราะประชาชนยังระแวงรัฐ ย้ำต้องสร้างความเข้มแข็งไม่ใช่เอาเงินไปแจก ลุยปราบผู้มีอิทธิพล ยันผู้กระทำผิดต้องได้รับโทษตามกฎหมาย กำชับฝ่ายความมั่นคงเฝ้าระวังสถานการณ์ทางภาคใต้

ที่มา เว็บไซต์ทำเนียบฯ 
 
29 พ.ย. 2559 จากกรณี รายงานความมั่งคั่งโลกปี 2559 โดยธนาคารเครดิตสวิสจัดลำดับประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำด้านรายได้มากที่สุดโดยวัดจากอัตราความมั่งคั่งที่ถือครองโดยกลุ่มประชากรที่ร่ำรวยที่สุดร้อยละ 1 โดยประเทศที่ติดอันดับ 1 คือรัสเซีย รองลงมาคืออินเดียและไทย ตามอันดับ นั้น (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม)
 
ล่าสุดวันนี้ เมื่อเวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีไทยติดอันดับ 3 ของโลก ในการจัดอันดับประเทศที่ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนมากที่สุดในโลก ดังกล่าวว่า จะต้องดูว่าปัญหานี้เกิดจากอะไร เกิดจากการสมดุลในกระบวนการเจริญโตภายในประเทศได้ดีพอหรือยัง ก็ตอบได้เลยว่า "ยัง" รัฐบาลใช้เวลา 3 ปีในการเสริมสร้างความเข้มแข็งในพื้นที่ แต่ก็ไม่สามารถไปบังคับคนทุกคนให้ทำตามได้ทั้งหมด มันต้องขึ้นอยู่ที่ความสมัครใจ
 
"ผมยกตัวอย่าง มีการส่งเสริมให้ทำเกษตรแปลงใหญ่ วันนี้เราก็ทำได้มากพอสมควร แต่ก็ยังไม่มากเพียงพออย่างที่เราต้องการ เราทำไม่ได้ เพราะวันนี้เราทำให้เขาระแวงรัฐ แต่ก็ต้องเห็นใจ ว่าอย่างน้อยเราก็ได้เริ่มต้นไว้ แล้ววันนี้ก็มีงบประมาณลงไปในส่วนท้องถิ่น อำเภอ ตำบล จังหวัด นั่นคือการสร้างความเข้มแข็งให้เขาไม่ใช่เอาเงินไปแจก ให้เขานำงบไปจัดสรรตามความต้องการเอง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว และกล่าวอีกว่านี่เป็นปัญหาที่ทับซ้อนมา และที่ตนพูดนี่คือแค่ส่วนเดียวเท่านั้น ที่จะสร้างความเข้มแข็งลดความเหลื่อมล้ำ ทำให้คนกลุ่มล่างให้มีช่องทางรายได้เพิ่มเติม อย่างหมือนเราให้เบ็ดตกปลาเขาไป แล้วเรามีแหล่งน้ำที่มีปลาเยอะให้เขาหรือยัง ก็ยังอีก 
 
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อถึงการลดช่องว่างเศรษฐกิจขนาดใหญ่ว่า จะต้องเชื่อมต่อกับธุรกิจระดับกลางและระดับบน เพราะทั้งหมดนี้เป็นห่วงโซ่เดียวกัน เท่ากับว่าเราต้องขยายแม่น้ำให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งจะต้องไปดูกิจกรรมที่สามารถลดความเหลื่อมล้ำได้ ว่าจะมีกิจกรรมอะไรบ้าง ถ้าไม่ดูตรงนี้เราก็ไปต่อไม่ได้ ทั้งนี้ปัญหาของเราคือ ถ้าเราสร้างสภาวะภายในประเทศให้ดูไม่ปลอดภัย ไม่มีเสถียรภาพ ยังมีข่าวความขัดแย้ง ซึ่งตนคิดว่าอะไรที่หารือร่วมกันทำได้ ก็จะทำให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งเรื่องทุกอย่างก็จะจบ
 

ลุยปราบผู้มีอิทธิพล ยันผู้กระทำผิดต้องได้รับโทษตามกฎหมาย 

กรณีแก้ปัญหาผู้มีอิทธิพลนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยู่ในแผนงาน โครงการของรัฐบาล และเป็นวาระแห่งชาติ แต่ขอให้ทบทวนว่าคดีที่เกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลเป็นคดีระหว่างใครกับใคร และมีใครได้รับประโยชน์บ้าง ซึ่งไม่จำเป็นต้องนำคนทั้งประเทศเข้าไปมีส่วนร่วมและรับรู้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะจะทำให้ประชาชนไม่สบายใจและไม่มีความสุขไปด้วย ทั้งนี้ ผู้กระทำความผิดต้องได้รับโทษตามกฎหมาย และขอเวลาให้กับเจ้าหน้าที่ทำงานตามกระบวนการยุติธรรม โดยจะไม่มีการปกป้องคนทำความผิดอย่างแน่นอน เพราะทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน
 

กำชับฝ่ายความมั่นคงเฝ้าระวังสถานการณ์ทางภาคใต้

สำหรับสถานการณ์ทางภาคใต้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้มีการกำชับอยู่ตลอดเวลาระหว่างการประชุมในเรื่องของความมั่นคงเป็นประจำทุกสัปดาห์อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเตือนเรื่องการเฝ้าระวังอยู่บ่อย ๆ เพราะเป็นการทำงานของฝ่ายความมั่นคง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งต้องร่วมมือกัน ทั้งประเทศ พร้อมขอให้ทุกคนช่วยกันเฝ้าระมัดระวังให้มากที่สุดด้วย
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net