Skip to main content
sharethis

คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน ชี้ 'ประยุทธ์' ย้าย ผอ.พอช. ไม่มีเหตุผล ใช้อำนาจแทรกแซง ขัดกฎหมาย จี้ทบทวนคำสั่ง ขณะที่ พอช. ตั้ง รอง ผอ.พอช. เป็น ผู้รักษาการแทน ผอ.พอช.

15 ธ.ค. 2559 จากเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ พลากร วงศ์กองแก้ว ผู้อำนวยการสถาบันองค์การพัฒนาชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติที่ 68/2559 เรื่อง มาตรการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานอื่นของรัฐและการกำหนดกรอบอัตรากำลังชั่วคราว อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม)

ล่าสุดวันนี้ (15 ธ.ค.59) คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ออกจดหมายเปิดผนึก ถึง พล.อ.ประยุทธ์ เรื่อง การใช้อำนาจรัฐต้องมีธรรมาภิบาล และเป็นธรรม ทบทวนการแทรกแซงการดำเนินงานของ พอช. จดหมาย ระบุว่า พอช.  เป็นองค์การมหาชนที่จัดตั้งขึ้นให้เป็นหน่วยงานบริหารที่แตกต่างจากส่วนราชการหรือรัฐวสิาหกิจ โดยมีคณะกรรมการและผู้อำนวยการรับผิดชอบการดำเนินงานให้บรรลุวัตถุประสงคข์ององค์กร ประกอบกับ พ.ร.บ.องค์การมหาชน 2542 กำหนดให้รัฐมนตรีผู้รักษาการ ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชน มีอำนาจในการกำกับดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปตาม กฎหมาย วัตถุประสงค์ นโยบายรัฐบาล มติคณะรัฐมนตรี และยับยั้งการกระทำหรือสอบข้อเท็จจริงเฉพาะการดำเนินงานที่ขัดกับวัตถุประสงค์นโยบายรัฐบาลหรือมติคณะรัฐมนตรี

จดหมายระบุต่อว่า กฎหมายกำหนดให้รัฐมนตรีซึ่งเป็นฝ่ายการเมือง มีอำนาจกำกับดูแลการดำเนินงานใน ภาพรวมทั้งองค์กร ไม่มีอำนาจสั่งการเหมือนที่มีกับส่วนราชการ เพราะการจัดตั้งสถาบันพัฒนาองค์กร ชุมชนขึ้นเป็นองค์การมหาชน ทั้งที่มีหน่วยงานของรัฐและองคก์รปกครองส่วนท้องถิ่นทำงานด้านการ พัฒนาชุมชนอยู่แล้วนั้นให้เป็นไปเพื่อแก้ไขข้อจำกัดของระบบราชการ และประสงค์ให้เป็นองค์กรที่สามารถทำงานพัฒนาชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยึดหยุ่นต่อสถานการณ์และปัญหาของชุมชนด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนและประชาสังคม ดังที่พอช. กำหนดภารกิจขององคก์รว่า “เป็นองค์กร
ของประชาชนที่มุ่งสร้างความเข้มแข็งของสังคมจากฐานรากด้วยพลังองค์กรชุมชนและประชาสังคม”
 
คณะกรรมการสถาบันพัฒนาองคก์รชุมชนเป็นผู้มีอำนาจสรรหาแต่งตั้และถอดถอนผู้อำนวยการ กล่าวคือผู้อำนวยการทำงานขึ้นตรงต่อคณะกรรมการ นอกจากนี้การสรรหาและการประเมินผลงานของผู้อำนวยการ พอช. มีกระบวนการที่องคก์รชุมชนมีส่วนร่วมอย่างมีความหมาย การที่นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งย้ายผู้อำนวยการ พอช. ไปปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่ของรัฐประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยละเลยกระบวนการตรวจสอบ จึงเป็นการย้ายโดยไม่มีเหตุผล ใช้อำนาจแทรกแซงคณะกรรมการ พอช.ขัดกับ พระราชบญัญัติ องค์การมหาชน 2542 ไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลการบริหารงานภาครัฐ และต้องการจำกัดการมี
ส่วนร่วมของประชาชนในการทำงานร่วมกับภาครัฐ ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่รัฐบาลต้องการแก้ปัญหาสังคม คนจน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคประชาสังคม
 
กป.อพช. ห่วงใยว่า การที่นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็น ผู้นำของรัฐบาลและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติใช้อำนาจโดยไม่อยู่ในหลักการบริหารบ้านเมืองที่ดีและเป็นธรรมเช่นนี้จะนำไปสู่ความไม่ไว้วางใจของประชาชนในที่สุด เพราะ พอช. เป็นหน่วยงานรัฐที่มีเครือข่ายประชาชนร่วมมือในการทำงานเป็นจำนวนมาก รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับ พอช. ให้เป็นหน่วยงานแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมของสังคมไทย การสร้างความปรองดอง รวมทั้งการเดินหนา้ไปสู่การพัฒ นาที่ยั่งยืน
 
"จึงขอเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีให้ทบทวนคำสั่งย้ายผู้อำนวยการ พอช. โดยให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามตำแหน่งเดิม ไม่ใช้อำนาจแทรกแซงการทำงานของ พอช. และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กำกับดูแลให้สถาบันพัฒนาองคก์รชุมชน ดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และนโยบายของรัฐบาลอันเป็นการใช้อำนาจตามที่กฎหมายกำหนดจะเป็นการกระทำที่วางอยู่บนหลักธรรมาภิบาลที่ดีสำหรับรัฐบาลและประเทศชาติในระยะยาว" กป.อพช. ระบุตอนท้ายจดหมาย

ขณะที่วันเดียวกัน สมพร ใช้บางยาง ประธานกรรมการ พอช. ได้ออกคำสั่ง คณะกรรมการ พอช. แต่งตั้ง สมชาติ ภาระสุวรรณ รอง ผอ.พอช. เป็น ผู้รักษาการแทน ผอ.พอช.

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net