Skip to main content
sharethis

หัวหน้า คสช.ออกคำสั่ง ประกาศพื้นที่เขตพัฒนาเขตเศรษฐกิจเฟส 2 ในจังหวัดนครพนม-กาญจนบุรี เพิกถอนที่ดินราชพัสดุ-ถอนการสงวนหวงห้ามที่ดิน 2 จังหวัดรวม 10,400 ไร่ เตรียมจัดสรรแบ่งโซนให้เอกชนเช่าพัฒนาเป็นเขตอุตสาหกรรม

20 ธ.ค. 2559 เว็บไซตราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 74/2559 เรื่องแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 17/2558 มีรายละเอียดระบุว่า

ตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ออกคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 17/2558 เรื่อง การจัดหาที่ดินเพื่อใช้ประโยชน์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อผลักดันให้เกิด เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษขึ้นโดยเร็วตามยุทธศาสตร์ที่ 5 การสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาค เพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้มีการกระจายความเจริญสู่ท้องถิ่นที่มีศักยภาพโดยเฉพาะ พื้นที่ชายแดนที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านนั้น โดยที่ในขณะนี้ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ได้จัดหาพื้นที่เพิ่มเติมในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรีและจังหวัดนครพนมที่มีความพร้อมดําเนินการเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อเป็นการเร่งรัดให้การดําเนินการตามยุทธศาสตร์ดังกล่าวสัมฤทธิ์ผลโดยเร็ว

อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ให้ยกเลิกบทนิยามคําว่า “เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ” ของข้อ 1 ของคําสั่ง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 17/2558 เรื่อง การจัดหาที่ดินเพื่อใช้ประโยชน์ในเขต พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ลงวันที่ 15 พฤษภาคม พุทธศักราช 2558 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ” หมายความว่า เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษมุกดาหาร เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสระแก้ว เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสงขลา และเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตราด ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ฉบับที่ 1/2558 เรื่อง กําหนดพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ลงวันที่ 19 มกราคม พุทธศักราช 2558 เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตามประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ฉบับที่ 2/2558 เรื่อง กําหนดพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ระยะที่ 2 ลงวันที่ 24 เมษายน พุทธศักราช 2558 และเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษอื่นที่คณะกรรมการประกาศกําหนด”

ข้อ 2 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (6) และ (7) ของข้อ 2 ของคําสั่งหัวหน้าคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ ที่ 17/2558 เรื่อง การจัดหาที่ดินเพื่อใช้ประโยชน์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ลงวันที่ 15 พฤษภาคม พุทธศักราช 2558

“(6) ที่ดินในท้องที่ตําบลอาจสามารถ อําเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม ตามหนังสือสําคัญ สําหรับที่หลวง เลขที่ 7941 ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2521 เฉพาะภายในแนวเขต ตามแผนที่หมายเลข 9 ท้ายคําสั่งนี้ โดยให้มีผลเป็นการถอนสภาพความเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สําหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน

(7) ที่ดินในท้องที่ตําบลบ้านเก่า อําเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ภายในแนวเขต ตามแผนที่หมายเลข 10 ท้ายคําสั่งนี้ โดยให้มีผลเป็นการถอนการสงวนหวงห้ามที่ดินตามพระราชกฤษฎีกา กําหนดเขตหวงห้ามที่ดินในท้องที่อําเภอเมืองกาญจนบุรี อําเภอวังขนาย อําเภอบ้านทวน และอําเภอวังกะ จังหวัดกาญจนบุรี พุทธศักราช 2481”

ข้อ 3 ให้ที่ดินอันเป็นที่ราชพัสดุตามข้อ 2 เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ตามคําสั่ง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 17/2558 เรื่อง การจัดหาที่ดินเพื่อใช้ประโยชน์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ลงวันที่ 15 พฤษภาคม พุทธศักราช 2558 และการดําเนินการกับที่ดิน อันเป็นที่ราชพัสดุตามข้อ 2 ให้ดําเนินการไปตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติดังกล่าว โดยคําว่า “ที่ดิน” ตามคําสั่งดังกล่าวให้หมายความรวมถึง “ที่ดิน” อันเป็นที่ราชพัสดุตามข้อ 2 ของคําสั่งนี้ด้วย

ข้อ 4 ในกรณีเห็นสมควรนายกรัฐมนตรีหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องอาจเสนอให้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติแก้ไขเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้ได้

ข้อ 5 คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

สั่ง ณ วันที่ 20 ธันวาคม พุทธศักราช 2559
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ทั้งนี้มีรายงานว่า สำหรับ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดนครพนม ถือเป็นเฟส 2 หลังจากคณะอนุกรรมการด้านการจัดหาที่ดินและบริหารจัดการ ที่มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน ได้คัดเลือกแปลงที่ดินบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาว หรือ สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) ซึ่งเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์จำนวน 2,400 ไร่ เป็นพื้นที่ให้เอกชนเช่าพัฒนาเป็นเขตอุตสาหกรรม

โดยมอบให้กรมธนารักษ์ดูแล ครอบคลุมพื้นที่ 2 อำเภอ 13 ตำบล ครอบคลุมพื้นที่ 744.79 ตารางกิโลเมตร หรือ 465,493.75 ไร่ ประกอบด้วย อำเภอเมืองนครพนม 10 ตำบล ครอบคลุมพื้นที่ 554.58 ตารางกิโลเมตร ได้แก่ ตำบลกุรุคุ ตำบลท่าค้อ ตำบลนาทราย ตำบลนาราชควาย ตำบลในเมือง ตำบลบ้านผึ้ง ตำบลโพธิ์ตาก ตำบลหนองญาติ ตำบลหนองแสง และตำบลอาจสามารถ อำเภอท่าอุเทน 3 ตำบล ครอบคลุม พื้นที่ 190.21 ตารางกิโลเมตร ได้แก่ ตำบลโนนตาล ตำบลรามราช และตำบลเวินพระบาท มีประชากรคาดการณ์ใน 20 ปีข้างหน้า (ปี 2578) 178,307 คน จากปัจจุบันที่มี 93,970 คน

“เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ สามารถเชื่อมการขนส่งได้ทั้งทางน้ำและสะพานไปยัง สปป.ลาว และประเทศใกล้เคียงได้อย่างรวดเร็ว ตามวิสัยทัศน์ นครพนมเมืองน่าอยู่ ประตูเศรษฐกิจสู่อาเซียนและจีนตอนใต้-ตะวันออก โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองได้วางผังพื้นที่เฉพาะเขตพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดนครพนมแล้วเสร็จ โดยเน้นย้ำว่าพื้นที่สีเขียวหรือที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรมจะได้รับการยกเว้นเป็นกรณีพิเศษแตกต่างไปจากผังเมืองปกติทั่วไป คือ สามารถพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้”

อุตสาหกรรมที่เน้นจะเป็นอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรมเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้าง อุตสาหกรรมเกี่ยวกับอาหารแช่แข็งและห้องเย็น ขณะที่การค้าชายแดนจะเน้นให้เป็นศูนย์กลางการค้าส่งและตลาดกลางสินค้าเกษตรระดับภูมิภาคอินโดจีน สินค้าแปรรูปอุตสาหกรรมอาหารปลอดภัย และศูนย์กลางโลจิสติกส์ การขนส่งรวบรวมและกระจายสินค้า

ส่วนเขตเศรษฐกิจพิเศษกาญจนบุรี ตั้งอยู่บนตำบลบ้านเก่า บริเวณด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งด่านผ่านแดนถาวรออกไปเมืองทวาย ประเทศพม่า ทางกองทัพบกได้ยินยอมมอบพื้นที่ที่เคยดูแลในด้านความมั่นคงให้ทางจังหวัดกาญจนบุรี นำมาพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษบ้านพุน้ำร้อน ประมาณ 8,000 ไร่เศษเรียบร้อยแล้ว โดยมีการลงนามอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ในแบบผังพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษบ้านพุน้ำร้อน แบ่งเป็น 4 โซน คือ 1. พื้นที่ศุลกากร จำนวน 1,000 กว่าไร่ 2. พื้นที่จัดสร้างศูนย์ราชการ จำนวน 3,000 ไร่ 3. พื้นที่ตั้งนิคมอุตสาหกรรม จำนวน 3,000 ไร่ และโซนที่ 4. พื้นที่ชุมชนประกอบธุรกิจ จำนวน 1,400 ไร่ สำหรับพื้นที่สร้างศูนย์ราชการคาดว่าต้องใช้เงินงบประมาณจำนวนกว่า 3 พันล้านบาท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net