Skip to main content
sharethis

นริศราวัลถ์ หลานสาวพลทหารวิเชียร เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมอัยการสูงสุด หลังสำนักงานตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความเห็นส่งฟ้องคดีหมิ่นประมาท ร.อ.ภูริ โสภณ ผู้ซึ่ง ป.ป.ท. มีมติว่า กระทำความผิดอาญา ม.290 , 157 ,83

16 มี.ค. 2560 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ หลานสาวพลทหารวิเชียร เผือกซ้อม ซึ่งถูกซ้อมทรมานจนเสียชีวิตระหว่างเข้ารับการฝึกเป็น ทหารเกณฑ์ ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือของความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ในกรณีที่เธอ ถูกฟ้องเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาที่ 773/2558 ของ สภ.เมืองนราธิวาส ตามฐานความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และฝ่าฝืน พ.ร.บ.คอมฯ หลังจากเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2560 นริศราวัลถ์ ได้รับทราบจากรองผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศตช.) ว่าได้มีความเห็นแย้งกับพนักงานอัยการ โดยทาง ศตช.เห็นควรส่งฟ้องศาลฐาน “หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ควรให้สอบสวนเพิ่มเติม 5 ประเด็น และส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดชี้ขาด”

คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากการ ร.อ.ภูริ โสภณ ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2558  โดยกล่าวหาว่า นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ ใช้เฟซบุ๊กโพสต์และแชร์รูปพร้อมข้อความหมิ่นประมาท ร.ท.ภูริ เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง โดยพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนราธิวาส ได้ตั้งข้อหา “หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ” และพนักงานสอบสวนได้มีความเห็นเสนออัยการว่าควรสั่งฟ้องทั้งสองข้อหา

ต่อมาเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2559  อัยการจังหวัดนราธิวาสได้มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง นริศราวัลถ์ ทุกข้อกล่าวหา จึงต้องส่งไปให้ผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้พิจารณาตามคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 115/2557

ทั้งนี้ คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากการที่พลทหารวิเชียร เผือกสม น้าชายของ นิรศราวัลภ์ ถูกซ้อมจนเสียชีวิตเมื่อปี 2554 ที่หน่วยฝึกค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส โดย นริศราวัลถ์ ได้เป็นตัวแทนของครอบครัวเรียกร้องความเป็นธรรม จนกระทั่งจากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่และ ปปท. ซึ่งใช้เวลานานถึง 5 ปี จึงพบว่า ร.อ.ภูริ เพิกโสภณ เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดดังกล่าว 

โดยในวันนี้ นริศราวัลถ์ ได้เข้ายื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุด โดยมีรายละเอียดในหนังสือ ดังนี้

สืบเนื่องจาก ข้าพเจ้า นางสาวนริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ ได้ตกเป็นผู้ต้องหาภูกดำเนินคดีอาญาที่ 773/2558 ของสถานีตำรวจภูธรเมืองนราธิวาสในฐานความผิด "หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาด้วยเอกสาร" และฐาน “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาน และเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่า เป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ” แจ้งความร้องทุกข์ โดยร้อยเอกภูริ เพิกโสภณ เมื่อ 18 ธันวาคม 2558 และได้มีการขอหมายจับจากศาลนราธิวาส จนนำมาสู่การจับกุมตัวโดยตำรวจชุดสืบสวนจาก ศชต. ร่วมกับชุดสืบสวนจาก สน.มักกะสัน แต่งกายนอกเครื่องแบบ จำนวน 8 นาย เข้าจับกุมขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ราชการ ณ กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวง พม. และเดินทางมารายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวน สภ.เมืองนราธิวาส เมื่อ 26 ก.ค.2559

ต่อมาพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวน ได้ส่งสำนวนพร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องไปยังพนักงานอัยการจังหวัดนราธิวาส เมื่อ 18 เมษายน 2559 และอัยการเจ้าของสำนวน มีความเห็นสั่งฟ้อง แต่เนื่องจากได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมถึงอัยการสูงสุดไว้ จึงต้องนำส่งสำนวนให้กับอัยการประจำจังหวัดพิจารณาให้ความเห็นด้วยอัยการประจำจังหวัดนราธิวาสพิจารณามีความเห็นแล้วส่งต่อให้รองอจึงนำส่งสำนวนให้รองอธิบดีอัยการภาคมีความเห็นแล้วส่งต่ออธิบดีอัยการภาค 9 ซึ่งมีความเห็นเป็นเสียงเดียวกัน คือ สั่งไม่ฟ้องทุกข้อกล่าวหา และนำส่งสำนวนให้กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยผู้บัญชาการ ศชต.พิจารณาให้ความเห็นต่อไป

โดยมีสาเหตุมาจากการไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากร้อยโทภูริฯ ได้ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ท. มีมติไต่สวนชี้มูลว่า มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 ประกอบมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และประมวลกฎหมายอาญาทหาร พ.ศ. 2473 มาตรา 30(4) แต่กองทัพบก โดย พล.ร.15 ไม่สั่งพักราชการเช่นเดียวกับคนอื่น

ทั้งนี้ได้ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมให้มีการดำเนินการพักราชการร้อยเอกภูริฯ ไปแล้ว 1 ฉบับ ก่อนที่ร้องเอกภูริจะแจ้งความ แต่ไม่มีการสั่งพักราชการกับประการใด โดยการพิจารณาของผู้บังคับบัญชาเห็นควรให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ภายหลังจากการถูกจับกุมตัวและตกเป็นผู้ต้องหา จึงได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมอีก 3 ฉบับ ประกอบกับได้มีโอกาสเข้าพูดคุยชี้แจงข้อเท็จจริงและส่งมอบเอกสารหลักฐานที่ยืนยันการกระทำความผิดของ ร้อยเอกภูริฯ ให้กับ ผบ.พล.ร.15 แม่ทัพภาคที่4 และ ผบ.ทบ. รับทราบ ซึ่งทั้งสามระดับพิจารณาให้พักราชการจาก ทบ. และให้ รมว.กห.พิจารณาชี้ขาด ท้ายสุดมีคำสั่งพักราชการกับร้อยเอกภูริฯ

โดยให้งดจ่ายเงินรายเดือนและค่าเช่าบ้าน สั่ง ณ วันที่ 29 ธันวาคม 2559 เนื่องจาก คณะกรรมการ ป.ป.ท.ได้มีมติชี้มูลตาม ม.157, 290, 83 และประมวลกฏหมายอาญาทหาร พ.ศ.2473 ม.30(2) กรณีการเสียชีวิตของพลทหารวิเชียร เผือกสม และทางอาญาอยู่ในระหว่างอัยการมณฑลทหารที่ 46 จังหวัดปัตตานี เตรียมสั่งฟ้องภูริและพวกรวม 10 นาย ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคสอง มาตรา 157 มาตรา 83 ประมวลกฎหมายอาญาทหาร พ.ศ. 2473 มาตรา 30(2)

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net